วันเสาร์, สิงหาคม 2, 2568

เอกอัครราชทูตและทูตทหาร ลงพื้นที่ดูจุดเสียหายบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา

by Trust News, 1 สิงหาคม 2568

กองทัพบก นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เอกอัครราชทูต ทูตทหาร 23 ประเทศ และสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ ลงพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่ จังหวัดอุบลราชธานีและศรีสะเกษ เพื่อรับฟังข้อมูล และสังเกตพื้นที่ประกอบ

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 กองทัพบก นำโดย พลโท อานุภาพ ศิริมณฑล รองเสนาธิการทหารบก (Lieutenant General Anuparp Sirimonthon) เป็นหัวหน้าคณะฝ่ายกองทัพบก และนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (H.E. Mr. Russ Jalichandra, Vice Minister for Foreign Affairs) เป็นผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมคณะฯ ได้นำเอกอัครราชทูตและอุปทูตจาก 11 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ จีน บรูไน ญี่ปุ่น เมียนมา มาเลเซีย ลาว อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และฟิลิปปินส์  รวมทั้งคณะทูตทหารจาก 23 ประเทศ ได้แก่ จีน มาเลเซีย ปากีสถาน เกาหลีใต้ รัสเซีย สิงคโปร์ เยอรมนี อินเดีย ลาว แคนาดา ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น เวียดนาม อิตาลี เนเธอร์แลนด์ อินโดนีเซีย สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ บรูไน ตุรกี และสหราชอาณาจักร

รวมถึงสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 150 คน ลงพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีและศรีสะเกษ เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปเหตุการณ์ ตรวจสอบ และสังเกตการณ์ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับพลเรือนไทยจากการใช้อาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชา อันเป็นผลมาจากเหตุการณ์ตึงเครียดระหว่างไทย–กัมพูชา ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักกฎหมายสากลและหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

กระทรวงการต่างประเทศ รายงานว่า คณะฯ เริ่มจากร้านสะดวกซื้อในสถานีบริการน้ำมัน ที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ที่ถูกโจมตีเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 โดยคณะได้รับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับเหตุการณ์ ซึ่งจรวด BM-21 ที่ยิงโดยกองกำลังกัมพูชาได้ตกลงบริเวณดังกล่าวเมื่อเวลาประมาณ 10.50 น. ส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิต 8 ราย และบาดเจ็บอีก 15 ราย ในจำนวนผู้เสียชีวิตมีแม่และลูกวัย 8 ขวบ ซึ่งกลายเป็นความสูญเสียจากการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน คณะยังได้รับข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายที่ยังคงมีอยู่จากวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิดในพื้นที่ ซึ่งยังคงเป็นภัยต่อความปลอดภัยทั้งทางร่างกายและจิตใจของประชาชนในท้องถิ่น

จากนั้นเดินทางไปดูพื้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) บ้านซำเม็ง อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการโจมตีทางอาวุธของฝ่ายกัมพูชาด้วยจรวด BM-21 เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 โดยคณะฯ ได้รับทราบถึงความเสียหายการโจมตี รพ.สต. ดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการโจมตีที่ไม่เลือกเป้าหมายต่อพลเรือน โครงสร้างของพลเรือน และสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะ โดยเฉพาะสถานพยาบาล ซึ่งละเมิดอนุสัญญาเจนีวา ค.ศ. 1949 อย่างชัดเจนและร้ายแรง ตามที่ระบุไว้ในข้อ 19 ของอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 1 (การคุ้มครองหน่วยและสถานที่ทางการแพทย์) และข้อ 18 ของอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 4 (การคุ้มครองโรงพยาบาลของพลเรือน) ทั้งนี้ คณะฯ ได้พบและพูดคุยกับผู้แทน รพ.สต. เจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ด้วย

ในการนี้ ได้มีการชี้แจงเพิ่มเติมใน 2 ประเด็นสำคัญ เพื่อให้คณะฯ ได้รับทราบข้อเท็จจริงในพื้นที่ ดังนี้

ประเด็นที่ 1: กรณีผู้ถูกควบคุมตัว
จากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา ได้ยกระดับเป็นการใช้กำลังทางทหาร ส่งผลให้ฝ่ายไทยสามารถควบคุมตัวทหารกัมพูชาได้จำนวน 20 นาย ซึ่งมีสถานะเป็น “ผู้ถูกควบคุมตัว” ที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาเจนีวา และกฎหมายภายในของประเทศไทย ซึ่งกองทัพบกยึดถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด

ในวันนี้ ฝ่ายไทยจะดำเนินการส่งตัวผู้ถูกควบคุมตัวจำนวน 2 นาย คืนให้ฝ่ายกัมพูชา ผ่านจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม จังหวัดสุรินทร์ เวลา 10.30 น. โดย 1 นายได้รับบาดเจ็บ และอีก 1 นายป่วยทางจิตเวช การส่งตัวผู้ถูกควบคุมตัวครั้งนี้ดำเนินการตามหลักมนุษยธรรมภายใต้อนุสัญญาเจนีวาและกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ฝ่ายไทยจะดูแลผู้ถูกควบคุมตัวที่เหลืออย่างดีที่สุดตามหลักสิทธิมนุษยชน

ประเด็นที่ 2: กรณีการนำคณะทูตทหารกัมพูชาไปยังพื้นที่ช่องอานม้า
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ฝ่ายกัมพูชาได้นำคณะทูตทหารประจำประเทศกัมพูชาเดินทางไปยังพื้นที่บริเวณช่องอานม้าและอนุสาวรีย์ตาอม แม้ว่าสถานการณ์ในพื้นที่ดังกล่าวจะยังไม่ปลอดภัยสำหรับการเดินทางของคณะนักการทูต

กองทัพบกขอยืนยันว่า พื้นที่ช่องอานม้าเป็นดินแดนอธิปไตยของไทย ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้รุกล้ำเข้ามาก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างและนำประชาชนเข้ามาอยู่อาศัย อันเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงและละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ



ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้ยื่นหนังสือประท้วงการกระทำดังกล่าวตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2000 หลายครั้ง แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากฝ่ายกัมพูชา และยังคงมีการก่อสร้างเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสร้างอนุสาวรีย์ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสร้างข้อได้เปรียบในการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนอธิปไตยของไทย
สำหรับความเสียหายที่ปรากฏในสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ เกิดจากการสู้รบในพื้นที่ดังกล่าว โดยฝ่ายไทยมีเป้าหมายในการโจมตีทางทหารซึ่งฝ่ายกัมพูชาใช้สิ่งปลูกสร้างของพลเรือนเป็นที่กำบัง อย่างไรก็ตาม ไม่มีพลเรือนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด
........................................
ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก โดยทีมโฆษกกองทัพบก, 1 สิงหาคม 2568

The Royal Thai Army, relevant agencies, ambassadors, military attachés, Thai and international media visit the Thai-Cambodia border area.
Today (1 August 2025), the Royal Thai Army, led by Lieutenant General Anuparp Sirimonthon, Deputy Chief of Staff, as the head of the Royal Thai Army delegation, and H.E. Mr. Russ Jalichandra, Vice Minister for Foreign Affairs, as representative of the Ministry of Foreign Affairs, along with their respective delegations, brought ambassadors and Chargé d’affaires from 11 countries, namely the United States, China, Brunei, Japan, Myanmar, Malaysia, Laos, Indonesia, Singapore, Vietnam, and the Philippines.

The delegation also included military attachés from 23 countries: China, Malaysia, Pakistan, South Korea, Russia, Singapore, Germany, India, Laos, Canada, France, the United States, the Philippines, Japan, Vietnam, Italy, the Netherlands, Indonesia, Sweden, Switzerland, Brunei, Turkey, and the United Kingdom.



Additionally, Thai and international media representatives, totaling 150 people, visited the Thai-Cambodia border area in Ubon Ratchathani and Sisaket provinces to receive briefings summarizing the events, inspect, and observe the impacts on Thai civilians from the use of long-range weapons by the Cambodian side, resulting from the Thai-Cambodia tensions, which constitute actions contrary to international law and international humanitarian principles.
On this occasion, two important issues were further clarified for the delegation to acknowledge the facts as follows:

Issue 1: Case of Detained Persons
From the conflict situation between Thailand and Cambodia during the recent period, which escalated to the use of military force, the Thai side detained 20 Cambodian soldiers, who have the status of "detained persons" under the protection of international law, particularly the Geneva Conventions and Thailand's domestic law, which the Royal Thai Army strictly adheres to and implements.

Today, the Thai side will proceed to return two personnel to the Cambodian side through the permanent border crossing at Chongchom, Surin Province, at 10:30 a.m. One person is injured, and another suffers from psychiatric illness. The return of these individuals is conducted according to humanitarian principles under the Geneva Conventions and international law. The Thai side will continue to provide the best possible care for the remaining detained persons in accordance with human rights principles.



Issue 2: Case of Taking the Cambodian Military Attaché Delegation to Chong Anma Area

On 31 July 2025, the Cambodian side brought the Military Attaché Corps to Cambodia to travel to the area around Chong Anma and Ta Om Monument, despite the fact that the situation in that area was still not safe for diplomatic delegations to travel.

The Royal Thai Army affirms that Chong Anma area is Thailand's sovereign territory, which the Cambodian side has encroached upon by constructing buildings and bringing people to reside there, constituting a distortion of facts and violation of international agreements.

The Thai side has submitted letters of protest regarding these actions under the MOU 2000 on multiple occasions but has not received any response from the Cambodian side, and construction has continued to increase, particularly the construction of monuments to be used as tools to create advantages in claiming rights over Thailand's sovereign territory.



The damage reported in the media yesterday resulted from fighting in that area, where the Thai side targeted military objectives while the Cambodian side used civilian structures as shields. However, no civilians were injured or killed in these events whatsoever.
........................................

Royal Thai Army Public Relations Center,

Royal Thai Army Spokesperson Team,

1 August 2025


You might be intertested in this news.

Mostview

ทหารเตือน ระวังอันตราย ขีปนาวุธ PHL-03 ระยะยิงกว่า 130 กม.จากแนวชายแดน

กองทัพภาคที่ 2 เตือนพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ระวังอันตรายจาก PHL-03 ขีปนาวุธ พื้นสู่พื้นหลายท่อยิงของฝ่ายกัมพูชา ชี้พิสัยไกล 130 กม. อาจตกใส่เขตชุมชนแบบไม่พึงประสงค์ ทั้งนี้ พยายามอยู่ห่างจากที่ตั้งหน่วยงานราชการไว้ก่อน

ทหารไทยยึด "ภูมะเขือ" ได้ นาวิกโยธิน เข้าขับไล่ทหารกัมพูชาพ้น "บ้านชำราก"

กองทัพไทย รายงานการปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยกองทัพภาคที่ 2 แจ้งทหารไทยตรึงกำลังเข้ายึด "ภูมะเขือ" ไล่ทหารกัมพูชาลงเขา ขณะที่ กองทัพเรือ เปิดยุทธการ “ตราดพิฆาตไพรี 1” ส่ง นาวิกโยธินไล่ตะเพิดทหารกัมพูชาที่บุก "บ้านชำราก" พ้นแผ่นดินไทย

รีวิวหนัง “อ่านชะตาวันสิ้นโลก” CG อลังก์ หนังมันส์แบบ nonstop

ดูมาแล้ว สำหรับ หนังฟอร์มยักของเกาหลี “อ่านชะตาวันสิ้นโลก” หรือ Omniscient Reader: The Prophecy หนังที่ใช้ทุนสร้างมหาศาล โดยดัดแปลงเนื้อหามาจาก “มังฮวา” ชื่อดัง ที่มีการเขียนลงในเว็บโนเวล

8 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (1ส.ค.2025)

8 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (1ส.ค.2025)

กองทัพอากาศ แจงข่าวสวีเดนปฏิเสธขาย Gripen ให้ไทย เป็นเฟคนิวส์ฝั่งกัมพูชา

กองทัพอากาศ ยืนยัน ข่าวกรณี สื่อของกัมพูชารายงานอ้างว่า สวีเดนระงับการขายเครื่องบินขับไล่ Gripen เพิ่มเติม ให้กับไทยทั้งหมด “ข่าวบิดเบือนความจริง” โครงการดังกล่าว ยังคงอยู่ในระหว่างกระบวนการจัดซื้อ

TrustNEws Line