อีนางคำดวง อาชีพ “นายฮ้อย” กับเรื่องจริงการค้าควาย สมัย ร.5
by Trust News, 19 กันยายน 2568
จากละคร สู่เรื่องจริง อาชีพ "นายฮ้อย" และการค้าขายควาย ในสมัย ร.5 สาเหตุที่เฟื่องฟู กับปัญหาการขโมยและปล้นควาย...
จริงๆ ผมเพิ่งจะได้ดูเรื่อง “เจ้าคุณพี่ กับอีนางคำดวง” ได้เพียงตอนเดียว
และแค่ตอนเดียวก็รู้สึกว่ามันสนุกมาก มีทั้งมุกแก๊ก ที่พระเอก และ นางเอก ขยันปล่อย ออกมา
แต่สิ่งที่ติดใจที่สุด คือ “อาชีพ” ของนางเอก คือ “นายฮ้อย”
ถ้าใครมีอายุหน่อย ก็จะรู้ว่า ก่อนหน้านี้มีละครเรื่อง “นายฮ้อยทมิฬ” ซึ่งก็ฮิตติดลมบน เป็นที่พูดถึงกันทั่วบ้านทั่วเมือง เมื่อหลายสิบปีก่อน กับพระเอก “ตั๋ว ศรัณยู” กับ “น้ำฝน โกมลฐิติ”
ซึ่งพี่ตั้ว ของเราสมัยก่อน ผมจำได้แม่น เพราะแกเล่น “มนต์รักลูกทุ่ง” ตามรัก ตามฟัด ตามหอม น้ำผึ้ง ณัฐริกา จนผมต้องอิจฉาแก
กลับมาเข้าเรื่อง “นายฮ้อย” กันต่อ…
เราได้เห็น “นายฮ้อยทมิฬ” เวอร์ชัน “รีเมค” อีกครั้ง ในปี 2566 แต่ละครเวอร์ชันนี้ ผมสารภาพเลยว่าไม่ได้ดู
ในส่วนที่เป็นหนัง ที่มีการเล่าเรื่อง “นายฮ้อย” ก็มีเรื่อง “คนไฟบิน” คนที่รับบทเป็นนายฮ้อย ก็คือพี่มาด “สามารถ พยัคฆ์อรุณ”

ซึ่งพอมาเห็นแกในเรื่อง “เจ้าคุณพี่ กับอีนางคำดวง” ผมก็ร้อง อ้าว…พี่มาด มาเป็นนายฮ้อย อีกแล้ว
แต่แกก็เหมาะกับบทนี้จริงๆ แหละ ว่าไหม..?
และจากเรื่องนี้ เอง ผมก็ไปค้นข้อมูล เกี่ยวกับ “นายฮ้อย” ว่าเพราะอะไร “ละครของเบลล่า เรื่องล่าสุดนี้ ต้องเล่า ย้อนไปสมัย รัชกาลที่ 5
และเราก็ได้คำตอบว่า ออ สมัยนั้น การค้าขายมันเจริญรุ่งเรือง มีการส่งออกข้าวได้มากขึ้น ฉะนั้น “แรงงาน” ที่จำเป็นมาก ก็คือ “ควาย” นี่แหละ มันจึงกลายเป็นความรุ่งเรืองของอาชีพ “นายฮ้อย” ที่ขาย…และให้เช่า
(อ้างอิงข้อมูลจาก เว็บ ศิลปวัฒนธรรม)
https://www.silpa-mag.com/history/article_84479
จากบทความของ “ควายหาย เรื่องใหญ่ระดับชาติ สมัยรัชกาลที่ 5”
ทำให้เรารู้ว่า ช่วงสมัย ร.4 ต่อเนื่องมา ร.5 มีอัตราการส่งออกข้าวสูงขึ้น เรียกว่า ส่งออกไปถึง 50% ของการผลิต
และจากการตรวจสอบของฝรั่ง ที่ทำหน้าที่ ตรวจสอบที่ดินของรัฐ ในปี 2423 คือ คุณเจมส์ แมคคาร์ธี ก็พบว่า มีการขายตัวของการปลูกข้าวเพิ่มขึ้น จาก 9.3 ล้านไร่ กลายเป็นเกือบ 14 ล้านไร่
เพราะแบบนี้ “ควาย” ที่เป็นแรงงานสำคัญ จึงขาดแคลน

หน้าที่ของควาย นั้น นอกจากจะช่วยในกระบวนการทำนา อย่างที่เราทราบๆ กันดีอยู่แล้ว ควาย ยังทำหน้าที่ช่วยในเรื่องของการทำไร่ ด้วย คือ การขนของ เป็นแรงงาน ลากอ้อย ซึ่งแต่ละวัน “ควาย” จะใช้เวลาในการทำงาน ประมาณ 5 ชั่วโมง หรือ ไถนาได้ 1 ไร่
ด้วยการขยายตัวของเศรษฐกิจ และการส่งออกข้าวในสมัยนั้น อัตราการซื้อขายควาย จึงเพิ่มขึ้น
แล้วตรงนี้เอง เป็นที่มาของการค้าขายสุดคลาสสิก อย่างนายฮ้อย... นำควายมาจากภาคอีสาน มาขายในภาคกลาง ทั้งกรุงเทพ, กรุงเก่า นครชัยศรี หรือนครปฐม มีข้อมูลว่า มีการต้อนควาย จากพื้นที่ ภาคอีสาน มาขึ้นรถไฟ ที่นครราชสีมา เพื่อเดินทางมายังลพบุรี มากถึง 7,000-8,000 ตัว
นอกจากนี้ ยังพบด้วยว่า มีการต้อนควายไปขายถึง “มะละแหม่ง” เพื่อใช้ในการเพาะปลูกในพม่าก็มี
เมื่อมีการต้อนควาย มาปล่อยขาย และ ปล่อยเช่า... แปลว่า “มูลค่าควาย” ก็ย่อมสูง ก็เป็นที่มของ “โจรขโมยควาย”
ซึ่งในหนังเรื่อง “คนไฟบิน” ที่เดี่ยว ชูพงษ์ เล่นเป็นพระเอก รับบท “โจรบั้งไฟ” มาต่อสู้กับ “นายฮ้องสิงห์” ก็คือ สามารถ พยัคฆ์อรุณ นี่แหละ ขณะที่นักร้องมาดกวนที่มาเล่นเป็นตัวร้ายอย่าง “ลีโอพุฒ” แกก็มีวลีติดปาก เย้ยหยันคนแบบกวนๆ อย่าง “หลอกควายสบายใจจัง หลอกกี่ครั้งก็ยังเป็นควาย”

การปล้นควาย ในปี 2445-2446 (ร.ศ.121-122) ในสมัย สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ มีการเก็บข้อมูลการจับกุมเฉพาะเมืองอ่างทอง พบว่ามีการขโมยควาย หรือ ปล้นควาย ในช่วง ปี 2443 (ร.ศ.119) ถึง 171 คดี จับกุมได้ 33 ราย ได้เฉพาะของกลาง 36 ราย และจับไม่ได้ถึง 102 ราย
อย่างไรก็ตาม การปราบปราม การลักหรือปล้น ควายนั้นทำได้ยาก ส่งผลให้ “เจ้าของควาย” ที่ถูกโจรกรรมไป ก็ต้องไปตามคืนมาด้วยตัวเอง
เอ๊ะ... มันคุ้นๆ นะ เหมือนเคยได้ยินเสียงจากลุ่มแม่น้ำว่า ให้ไปหา “ภาพจากกล้องวงจรปิดเอง”
อ่าวๆ มาเข้าเรื่องกันต่อ เมื่อเป็นแบบนี้ จาก “ผู้เสียหาย” จึงกลายเป็น “โจร” เสียเอง
เจ้าของควายบางคนก็เลือกที่จะไปขโมยควายของคนอื่น มาสวมรอยเป็น “ควาย” ของตัวเอง
ถามว่า “เรื่องนี้” ทางการรู้ไหม คำตอบ ก็คือ “รู้” การปราบปรามการขโมยควาย ก็ยิ่งทำได้ยากยิ่งขึ้นไปอีก
ต่อมา ทางรัชกาลที่ 5 จึงโปรดเกล้าให้ทำหนังสือเดินทางขึ้น สำหรับ ชาวนา ที่นำสัตว์พาหนะเดินทางออกนอกแขวงเมือง เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
โดยหนังสือเดินทาง จะระบุชื่อเจ้าของ ตำหนิสัตว์ และจุดหมายปลายทาง หากถึงที่หมาย ก็ให้เอาหนังสือเดินทางมาคืนใน 3 วัน และต้องทำใหม่ทุกครั้ง หากมีการเดินทาง...

คำถาม คือ “อาชีพนายฮ้อย” ถือว่า “รวยไหม..?
จากข้อมูลในเว็บศิลปวัฒนธรรม อ้างอิงข้อมูลจาก “เศรษฐกิจชุมชนหมู่บ้านอีสาน ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจอีสาน หลังสงครามโลกครั้งที่ 2”
ระบุว่า ราคาซื้อขายควาย ในสมัยนั้น คือ ประมาณ 2488 หากซื้อควายมาในราคา 10 บาท นายฮ้อย จะเอาไปขายในราคาประมาณ 15 บาท หรือถ้าซื้อตัวละ 12 บาท ก็จะขายในราคา 20 บาท
ส่วนราคา หลังสงครามโลก “ราคาควาย” แพงขึ้น รับซื้อมาอยู่ตัวละ 300 บาท ขาย 400 บาท หรือถ้าซื้อ 700-800 บาท ขายประมาณ 1,400 - 1,500 บาท
ถ้าลองไปดูในหนัง ก็จะเห็นว่า เวลานายฮ้อย ต้อนควายมาขาย ก็ถือว่า มากโขอยู่นะ จำนวนตัว คูณกำไรไป ก็น่าจะคุ้มกับค่าเดินทาง และต้องรับความเสี่ยงกับการถูกโจรขโมยควาย หรือ ถูกปล้น
You might be intertested in this news.
Mostview
เบื้องหลังไฟปะทุGENZ ถ้าการเมือง เนปาล ดี? (ชมคลิป)
เบื้องหลังไฟปะทุGENZ ถ้าการเมือง เนปาล ดี? (ชมคลิป)
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(17ก.ย.68) เก็งกําไรในกรอบ
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(17ก.ย.68) เก็งกําไรในกรอบ
7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (18ก.ย.2025)
7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (18ก.ย.2025)
4เดือนรัฐบาลอนุทิน โครงการลงทุนที่เป็นไปได้
4เดือนรัฐบาลอนุทิน โครงการลงทุนที่เป็นไปได้
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(18ก.ย.68) แกว่งออกข้าง
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(18ก.ย.68) แกว่งออกข้าง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
