SETวันนี้ (2พ.ค.68) ชะลอตัวตามแนวต้าน

ดัชนีปรับขึ้นใกล้แนวต้านบริเวณ 1205-1215 ทําให้คาดอาจชะลอพักตัวในระยะสั้น หลังขึ้นมาแรงและตลาดรับรู้เรื่องการลดดอกเบี้ยไปแล้วระดับหนึ่ง

นอกจากนี้อาจมีแรงกดดันต่อ หุ้นธนาคารใหญ่ หลัง Moody's ปรับลดเรทติ้งลง ส่วนแนวรับ ประเมินที่ 1190-1180 จุด

ประเด็นสําคัญ :

1. มูดี้ส์ปรับลดมุมมองอันดับความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงินไทย 7 แห่ง ลงสู่ Negative จาก Stable หลังจากได้ลดมุมมองอันดับความ น่าเชื่อถือของรัฐบาลไทยในไม่กี่วันก่อน

2. กนง. ลดดอกเบี้ย 25bps คาด GDP ไทยปี 68 และ 69 กรณี Lower Tariffs โต 2.0% และ 1.8% ตามลําดับ กรณีแย่ Higher Tariffs คาด โต 1.3% และ 1.0% ตามลําดับ และเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มเข้าสู่ Technical Recession

3. สสค. ลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 68 ลงสู่ 2.1% จาก 3.0% กดดัน จากด้านการค้าโลกมาตรการภาษีสหรัฐฯ และ ศก. ประเทศคู่ค้าชะลอตัว

4. รมว.ท่องเที่ยวจะยอมรับการท่องเที่ยวไทยเข้าสู่วิกฤต หลังจํานวน นทท. ต่างชาติสะสมปี 2568 ที่ 11,841,911 คน ขยายตัวเพียง 0.12%YoY หารือกับ แอตต้า, สมาคมโรงแรมไทย และ สทท. แก้ไข ปัญหาความปลอดภัยในการเดินทางมาไทย

5. ประมาณการครั้งแรกของ 1Q68 GDP สหรัฐฯ หดตัว 0.3%QoQ ผิด จากที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัวและพลิกจากไตรมาสก่อนที่ +2.4%QoQ กดดันจากการเร่งน่าเข้าก่อนที่มาตรการภาษีของ ปธน. ทรัมป์จะมีผล

6. BoJ คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ตามคาด และ คาดการณ์ เศรษฐกิจ ลงสู่ 0.5% จาก 1.1% และเงินเฟ้อพื้นฐานสู่ 2.2% จาก 2.4%

7. บลจ. พร้อมขายกองทุน ThaiESGX ระหว่างวันที่ 2-8 พ.ค. นี้ ด้วย วงเงินใหม่และได้สิทธิ์ลดหย่อยภาษีปี 2568 ได้สูงสุด 3 แสนบาท และให้ ผู้ถือหน่วย LTF สับเปลี่ยนกองทุนได้ระหว่างวันที่ 13 พ.ค. – 30 มิ.ย. นี้

กลยุทธ์การลงทุน :

ช่วงสั้นบอง SET มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น จาก...

1) กนง. มีมติปรับลด ดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps

2) ความคาดหวังเชิงบวกต่อ ปธน. ทรัมป์ ผู้นําสหรัฐจะมีท่าทีผ่อนคลายลงเกี่ยวกับมาตรการภาษี นําเข้าสินค้า โดยเฉพาะกับจีน

อีกทั้งยังมีความคืบหน้าการเจรจาการค้าอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ดี ความไม่ชัดเจนของนโยบาย ภาษีของสหรัฐที่มีต่อเศรษฐกิจโลก อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นที่มีต่อแนวโน้มการเติบโต ของผลประกอบการในช่วง 2Q68

ส่งผลให้ บรรยากาศลงทุนจะยังเป็นไปอย่างระมัดระวังและทําให้ SET ปรับขึ้น ได้จํากัด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนําให้ "Selective Buy"

ล็อกเป้าลงทุน :

มอง SET มีโอกาสปรับขึ้นจากความคาดหวังที่มีต่อการประชุมของ กนง. ซึ่งอาจมีมติปรับ ลดดอกเบี้ยในวันพุธนี้ และการมีท่าทีผ่อนคลายลงเกี่ยวกับมาตรการภาษีนําเข้าสหรัฐของ ปธน. ทรัมป์

อย่างไรก็ดี ความไม่แน่นอนขอจนโบบายการค้าของสหรัฐยังทําให้ SET ปรับ ขึ้นได้จํากัด กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนําให้ "Selective Buy" ใน 3 ธีมหลัก และ 2 รีมเทรดดิ้ง ทิ่ มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้...

1. หุ้น Earning Play ซึ่งโมเมนตัมกําไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 1Q68-2968 คาดค่าไร ปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ เลือก ADVANC TRUE BTG CPF CPALL

2. หุ้น Undervalued ซึ่งซื้อขาย PER และ PBV 68F ระดับต่ํากว่า -1SD ขณะที่ปี 2568 คาดค่าไรยังเติบโตได้ดี YoY และมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง แนะนําา GULF MTC CBG SPRC

3. หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX โดย...

1) ปี 2568 คาดกําไรเติบโต YoY

2) ฐานะ การเงินแกร่ง

3) จ่ายปันผลสม่ำเสมอ คาดให้ Div. Yield อย่างน้อยปีละ 3% พบ หุ้นน่าสนใจ SET50 : ADVANC BDMS CPALL PTT และ SET100 : BCH BTG AP

Trading Idea :

นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงแนะนําเก็งกําไร

1) หุ้นที่คาดได้ อานิสงส์บวกหาก กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แนะนํา กลุ่ม REITs (DIF), กลุ่มค้าปลีก (CPALL) กลุ่มอสังหาริ (AP SIRI), กลุ่มเช่าชื้อ (MTC) และกลุ่มไฟฟ้า (GULF GPSC)

2) หุ้นปลอดภัยที่คาดต้านทานความเสี่ยงจากสงครามการค้าหาก มีสัญญาณรุนแรงหรือยืดเยื้อมากขึ้น แนะนำ BCH CPALL GULF MTC OR และ TRUE

กรอบค่าเงินบาท : 

ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.45-33.75 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทอ่อนค่าจากดัชนีเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องหลังมีข่าวว่าทางการสหรัฐฯ ติดต่อจีนเพื่อคุยเรื่องข้อตกลงการค้า

ด้านตัวเลข ISM ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ออกมาที 48.7 สูงกว่าตลาดคาดการณ์

GDP ไตรมาสแรกสหรัฐฯ ออกมาที่ -0.3%QOQ หดตัวครั้งแรกตั้งแต่ปี 2022 ผลจากการนำเข้าที่เร่งตัว ส่วนเงินเฟ้อ PCE เดือนมีนาคม ออกมาที่ 2.3%YOY ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า

ธนาคารกลางญี่ปุ่นคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% และปรับประมาณการเศรษฐกิจลง ทำค่าเงินเยนอ่อนค่าลง 

อ้างอิง : บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) , กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์