กสก.ทำ MOU กับไทยคมและสมาคมประกันฯ ใช้เทคโนโลยีเอไอ วางแผนรับภัยพิบัติ
by Trust News, 22 พฤษภาคม 2568
กรมส่งเสริมการเกษตร ลงนาม MOU กับ บมจ.ไทยคม และสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อพัฒนาการนำระบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดาวเทียมสำรวจร่วมกับฐานข้อมูลและ เอไอ วางแผนช่วยเกษตรกรในการประกันพืชผลจากภัยแล้ง-น้ำท่วม
นายวีรศักดิ์ บุญเชิญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวหลังประชุมหารือแนวทางการทำงานภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือว่า กับบริษัทไทยคม จำกัด (มหาชน) และสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อพัฒนาการนำระบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการประกันภัยพืชผล โดยใช้เทคโนโลยีดาวเทียมสำรวจร่วมกับระบบวิเคราะห์ข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ มาใช้ในการวางแผนและช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ (น้ำท่วมและภัยแล้ง) โดยภายใต้กรอบความร่วมมือ มีระยะเวลาในการทำงานร่วมกัน 5 ปี เพื่อการวางแผนและช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติให้ได้รับเงินสินไหมทดแทนได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง ลดต้นทุนของเกษตรกร รวมถึงภาครัฐมีข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำเพื่อใช้ในการวางแผนรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างทันท่วงที สามารถบริหารจัดการงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวต่อว่า การดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยด้วยการใช้ระบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระบบประกันภัยพืชผล ในระยะที่ 1 และ 2 ได้ศึกษาการทำงานเพื่อใช้พัฒนาระบบที่รองรับการทำงานของเจ้าหน้าที่ให้ตรงกับความต้องการการใช้งานจริงของกรมส่งเสริมการเกษตร และสมาคมประกันวินาศภัยไทย และในปี 2567 ได้นำร่องการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมสำรวจร่วมกับระบบวิเคราะห์ข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในการพัฒนาโมเดลวิเคราะห์แปลงข้าวที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม เช่น ข้อมูลความชื้นในดินที่มี
นายวีรศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากความละเอียดรายแปลงความลึกระดับรากข้าว 30 เซนติเมตร ข้อมูลดัชนีความสมบูรณ์ของพืช (NDVI) ข้อมูลชลศาสตร์ของดิน (Soil Hydraulic Properties) จากดาวเทียมที่ FAO (Food Agriculture Organization) ใช้อ้างอิงข้อมูลวิชาการต่าง ๆ เช่น ความต้องการน้ำของต้นข้าวในแต่ละระยะการเจริญเติบโต สัดส่วนของพื้นที่ปลูกข้าว ฯลฯ มาใช้ในการพัฒนาโมเดลวิเคราะห์แปลงข้าวที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจากภาพถ่ายเรดาร์ดาวเทียมแบบ Synthetic Aperture Radar (SAR) ที่สามารถถ่ายภาพได้ทุกสภาพอากาศ รวมถึงช่วงที่มีเมฆปกคลุม จากนั้นนำโมเดลที่พัฒนาขึ้นมาใช้วิเคราะห์แปลงข้าวที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งและน้ำท่วม ในพื้นที่ 16 จังหวัด รวม 8.8 ล้านไร่ ได้แก่ กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี อุทัยธานี ขอนแก่น ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ มหาสารคาม เพชรบูรณ์ นครราชสีมา และนครศรีธรรมราช
"ผลการใช้โมเดลวิเคราะห์แปลงข้าวที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งและน้ำท่วม พบว่า ข้อมูลพื้นที่ปลูกข้าวจากฐานข้อมูลทะเบียนเกษตรกร และโมเดลมีความแตกต่างกัน 3.25 เปอร์เซ็นต์ (127,139 ไร่) มีความแม่นยำในการวิเคราะห์พื้นที่ปลูกข้าว ถึง 92 เปอร์เซ็นต์ และสามารถจำแนกตามพื้นที่ของการเกิดภัย ดังนี้ แปลงข้าวที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม มีความแม่นยำ 86 เปอร์เซ็นต์ และแปลงข้าวที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง มีความแม่นยำ 83 เปอร์เซ็นต์" รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าว
นายวีรศักดิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการทำงานในระยะที่ 3 และ 4 จะมีการพัฒนาแพลตฟอร์มและโมเดลเพื่อรองรับการใช้งานทั่วประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ 60 ล้านไร่ และถ่ายทอดเทคโนโลยีให้เจ้าหน้าที่ทดลองใช้เทคโนโลยีควบคู่ไปกับวิธีการเดิม (การลงไปตรวจแปลงข้าวที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ) รวมทั้งการพัฒนานโยบายเพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้ในการประกันภัยข้าวนาปี และการขยายผลการศึกษาสู่พืชเศรษฐกิจอื่น ๆ ในโครงการประกันภัยพืชผล.
You might be intertested in this news.
Mostview
ถอดรหัส ข้าคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จริงหรือ? ต้องได้เป็นตัวจริงเท่านั้น
ถอดรหัส ข้าคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จริงหรือ? ต้องได้เป็นตัวจริงเท่านั้น
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (17ธ.ค.68) Sideway Up เก็งกำไรในกรอบ
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (17ธ.ค.68) Sideway Up เก็งกำไรในกรอบ
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (18ธ.ค.68) Sideway Up รอซื้อตามแนวรับ
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (18ธ.ค.68) Sideway Up รอซื้อตามแนวรับ
6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (17ธ.ค.68)
6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (17ธ.ค.68)
7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (18ธ.ค.68)
7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (18ธ.ค.68)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง