วันอังคาร, กันยายน 23, 2568

กลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 3 Q25 เน้นกลุ่มปัจจัยพื้นฐานดี

by Trust News, 12 มิถุนายน 2568

กลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 3 Q25 เน้นกลุ่มปัจจัยพื้นฐานดี

จากการวิเคราะห์มีหุ้นที่มีลักษณะสำคัญ 5 อย่างที่เชื่อว่า จะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดใน 3Q25

1) บริษัทที่มีงบดุลแข็งแกร่ง ซึ่งสามารถรับมือต่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความท้าทายที่หลากหลายได้

2) กลุ่มหุ้นเชิงรับและมีรายได้จากตลาดภายในประเทศในสัดส่วนสูง ซึ่งสามารถป้องกันความผันผวนจากภายนอกได้ และให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง

3) Large-cap ที่มี valuation สมเหตุสมผลและกำไรเติบโต ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงและวงจรขาขึ้นของอุตสาหกรรม

4) ได้ประโยชน์จากโมเมนตัมเชิงบวกของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน

5)ได้ประโยชน์จากความตึงเครียดทางการค้าทั่วโลกและแรงกดดันจากภาษีนำเข้าที่ลดน้อยลง

ช่วงเลวร้ายที่สุดผ่านไปแล้ว :

สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศต่างๆ ได้ผ่านจุดสูงสุดของความรุนแรงแล้ว โดยมีสัญญาณผ่อนคลายที่สำคัญ ได้แก่ ข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีนที่ลดภาษีลงจาก 125% เหลือ 10% คำตัดสินของศาลการค้าสหรัฐฯ ที่ยุติภาษีครอบคลุม (Universal and Reciprocal Tariff) และประเทศไทยเดินหน้าเจรจาภาษีการค้ากับสหรัฐฯ อย่างจริงจัง

สัญญาณผ่อนคลายทั่วโลกเริ่มปรากฏ ขณะที่ไทยจะได้ประโยชน์จากต้นทุนการกู้ยืมระดับต่ำ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้รัฐบาลไทยระดมทุนเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่เมื่อแรงกดดันจากภายนอกลดลง
 
เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง :

เศรษฐกิจโลกจะเติบโตชะลอลงประมาณ 0.8% จากผลกระทบของสงครามการค้า โดยเริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้น แม้ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกจะดีขึ้นชั่วคราวก่อนสงครามการค้าจะรุนแรง แต่ล่าสุดเริ่มแสดงสัญญาณชะลอลง โดยเฉพาะในยุโรปที่หดตัว

ด้านเงินเฟ้อส่วนใหญ่ลดลงทั่วโลก ยกเว้นบางประเทศเช่น สหรัฐฯ ที่เริ่มแสดงสัญญาณ Stagflation ด้วยเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นสู่ 3.0% ในครึ่งปีหลัง ทำให้นโยบายการเงินจะเป็น Policy Divergence มากขึ้น โดย Fed อาจต้องทำนโยบายการเงินตึงตัวต่อเนื่อง ขณะที่ธนาคารกลางอื่นๆ จะผ่อนคลาย ส่วนจีนเผชิญภาวะเงินฝืด แม้ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นจากธนาคารกลางจีน
 
ประเทศไทยกำลังอยู่บนทางแยกสำคัญ :

ในกรณีฐาน (โอกาส 60%) GDP ไทยจะขยายตัว 1.4% โดยการส่งออกหดตัว -3.0% และมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยเชิงเทคนิคในครึ่งหลังปี ส่วนกรณีดี (โอกาส 40%) หากการเจรจากับสหรัฐฯ ประสบความสำเร็จและสถานการณ์โลกดีขึ้น GDP ไทยอาจขยายตัวได้ 1.7% โดยการส่งออกจะหดตัวเพียง -0.5% ดังนั้นเส้นตายวันที่ 9 กรกฎาคมจึงเป็นวันสำคัญที่จะชี้ชะตาทิศทางเศรษฐกิจไทย
 
ต้องใช้นโยบายเชิงรุก :

เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของไทยอยู่ที่ -0.57% และมีความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มขึ้น การลดอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอีกสองครั้งจึงไม่เพียงพอ

สำหรับงบประมาณปี 2569 แม้จะมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ 157,000 ล้านบาท แต่อาจไม่เพียงพอต่อการรับมือวิกฤต โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐที่ลดลง 7.3% ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้นทุนการกู้ยืมของไทยยังต่ำ (พันธบัตร 10 ปีที่ 1.86% เทียบสหรัฐฯ 4.00%) รัฐบาลควรพิจารณาการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นและสร้างรากฐานการเติบโตระยะยาว
 
ภายนอกคลี่คลาย ภายในอ่อนแอ :

ความตึงเครียดทางการค้าคลี่คลายลง โดยการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศต่างๆ เป็นปัจจัยสนับสนุนจากภายนอก แต่ความท้าทายภายในประเทศยังคงอยู่จากความไม่แน่นอนทางการเมือง ความขัดแย้งชายแดน และแนวโน้มเศรษฐกิจที่ไม่ชัดเจน

ปัจจัยภายนอกทำให้ตลาดปรับตัวลดลงถึงระดับต่ำสุด แต่แรงกดดันภายในประเทศจะขัดขวางไม่ให้ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญจนกว่าจะเห็นความชัดเจน
 
การครอบงำของดอลลาร์คุกคามตลาดเกิดใหม่ :

ความแตกต่างของนโยบายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนผลักดันให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ให้มีช่วงต่างสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1994 โดยท่าทีระมัดระวังของ Fed แตกต่างกันอย่างมากกับท่าทีผ่อนคลายของ ECB และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางในภูมิภาคเอเชีย

ปัจจัยเหล่านี้รวมกันอาจส่งผลทำให้เกิดความเสี่ยงดอลลาร์แข็งค่าและขัดขวางไม่ให้เม็ดเงินไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ แต่อาจจะส่งผลเชิงบวกต่อประเทศที่มีสัดส่วนจากการส่งออกมา
 
Downside จำกัด แต่การปรับตัวขึ้นแรงเป็นไปได้ยาก :

SET Index ปรับตัวลงถึงจุดต่ำสุดแล้ว โดยมี downside risk จากปัจจัยภายนอกค่อนข้างจำกัด เนื่องจากอยู่ในภาวะ oversold และสถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าลดลง

แต่การปรับตัวขึ้นแรงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากจำเป็นต้องมีปัจจัยกระตุ้น 3 อย่างรวมกัน : การผ่อนคลายนโยบายการเงินเชิงรุกมากกว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน การลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ และสภาพคล่องที่ปรับตัวดีขึ้น เพื่อเบรคกรอบ sideways ขึ้นมา
 
เลือกหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยพื้นฐานดี :

เลือกหุ้นเด่นที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง คุณภาพสูง valuation สมเหตุสมผล และได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน หุ้นเด่นสำหรับ 3Q25 ของเรา คือ BCH CPF DIF MTC และ SCC

อ้างอิง : บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) , กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์


You might be intertested in this news.

Mostview

เจาะเบื้องลึก สนามบินเตโช ความภาคภูมิใจของกัมพูชา

เจาะเบื้องลึก สนามบินเตโช ความภาคภูมิใจของกัมพูชา (PART1)

อีนางคำดวง อาชีพ “นายฮ้อย” กับเรื่องจริงการค้าควาย สมัย ร.5

จากละคร สู่เรื่องจริง อาชีพ "นายฮ้อย" และการค้าขายควาย ในสมัย ร.5 สาเหตุที่เฟื่องฟู กับปัญหาการขโมยและปล้นควาย...

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(23ก.ย.68) หาจังหวะขายทํากำไร

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(23ก.ย.68) หาจังหวะขายทํากำไร

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(22ก.ย.68) หาจังหวะขายทํากําไร

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(22ก.ย.68) หาจังหวะขายทํากําไร

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(17ก.ย.68) เก็งกําไรในกรอบ

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(17ก.ย.68) เก็งกําไรในกรอบ

TrustNEws Line