เกษตรกรไทยใช้เทคโนโลยี ยกระดับการปลูก กล้วยหอมทอง เพื่อส่งออกไปญี่ปุ่น
by Trust News, 15 มิถุนายน 2568
กรมส่งเสริมการเกษตร หนุนเกษตรกรใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตร เพื่อยกระดับการปลูกกล้วยหอมทอง โดยถ่ายทอดความรู้ให้เกษตรกรใน อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ใช้โมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียน ลดต้นทุนเพิ่มผลผลิต ส่งอออกไปขายยังตลาดประเทศญี่ปุ่น
จากการที่ประเทศไทยมีความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ ไทย - ญี่ปุ่น (Japan - Thailand Economic Partnership Agreement) (JTEPA) โดยญี่ปุ่นให้สิทธิพิเศษการยกเว้นภาษีนำเข้ากล้วยหอมทองจากประเทศไทย จำนวน 8,000 ตัน ที่ผ่านมาไทยสามารถส่งออกกล้วยเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นได้สูงสุดประมาณ 2,900 ตันต่อปี ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีของเกษตรกรไทย ที่จะสามารถพัฒนาการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่น และขยายตลาดกล้วยหอมทองของไทยเพื่อส่งออกไปยังตลาดญี่ปุ่น

นายวีรศักดิ์ บุญเชิญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตรได้เล็งเห็นถึงโอกาสทางการตลาดของการผลิตกล้วยหอมทองเพื่อการส่งออก ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” เมื่อเร็วๆนี้ จึงได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตกล้วยหอมทองมูลค่าสูงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานเพื่อส่งออกญี่ปุ่นสู่เกษตรกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือผ่านงาน Field Day โดยมีเกษตรกร จำนวน 400 คน เข้ารับการถ่ายทอดองค์ความรู้ ณ โรงเรียนท่าโพธิ์ศรีพิทยา ตำบลท่าโพธิ์ศรี อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี

สำหรับการจัดงานถ่ายทอดเทคโนโลยีครั้งนี้ เพื่อกระตุ้นให้เกษตรกรมีความพร้อมเริ่มต้นการผลิตในปีการเพาะปลูกใหม่ ใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมการเกษตรไปใช้ในกระบวนการผลิตและภูมิปัญญาที่มีความเหมาะสมกับพื้นที่ ใช้โมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียนสีเขียว (BCG Model) ช่วยลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลผลิตและคุณภาพโดยจัดกิจกรรมสถานีเรียนรู้ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยีการผลิตกล้วยหอมทองที่ทันสมัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ จำนวน 6 สถานี ดังนี้

1.รู้ดิน รู้ปุ๋ย ด้วยชุดตรวจวิเคราะห์ Smart NPK : เมื่อเกษตรกรทราบค่าความเป็นกรดด่างของดิน และปรับสภาพความเป็นกรดด่างให้เหมาะสม ความเป็นประโยชน์ของธาตุอาหารพืชในดินเพิ่มขึ้น และพืชสามารถดูดใช้ธาตุอาหารได้ ประกอบกับการใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ (ถูกสูตร ถูกอัตรา ถูกเวลา ถูกวิธี) สามารถลดต้นทุนการผลิตได้ 2,200 บาทต่อไร่ ผลผลิตกล้วยหอมทองเพิ่มขึ้น 350 กิโลกรัมต่อไร่ และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon footprint) จากการใส่ปุ๋ยเกินความต้องการของพืช

2.Handy Sense ระบบน้ำอัจฉริยะ : ช่วยให้เกษตรกรใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ระบบสมาร์ทฟาร์มส่งผลให้กล้วยหอมทองมีการเจริญเติบโตดีกว่าแบบดั้งเดิม (ใช้สายยาง) โดยมีความสูงมากกว่าแบบดั้งเดิม 20 เซนติเมตร เส้นรอบวงมากกว่าแบบดั้งเดิม 8 เซนติเมตร เกิดหน่อมากกว่าระบบดั้งเดิม 1 หน่อ ช่วยลดปัญหาการหักโค่นของต้นกล้วย และสามารถลดปริมาณการให้น้ำ (Water footprint) ร้อยละ 50

3.การปลูกและการดูแลรักษากล้วยหอมทอง : การปลูกพันธุ์กล้วยหอมทอง (ต้นเตี้ย) ช่วยลดปัญหาการหักโค่นของต้นกล้วย และลดจำนวนผลผลิตตกเกรดได้ถึง ร้อยละ 20 (ประมาณ 800 กิโลกรัม) ที่เป็นผลผลิตที่ตกเกรด จากการดูแลรักษาและวาตภัย นอกจากนั้น การปลูกแบบแถวเดี่ยว ระยะ 2 x 2 เมตร ช่วยให้การบริหารจัดการและควบคุมมาตรฐานได้ดีกว่าการปลูกแบบแถวคู่ ได้ขนาดผลกล้วยและสีผิวกล้วยตรงตามความต้องการของตลาด ดูแลรักษาง่ายขึ้น สามารถลดต้นทุนค่าแรงงานได้ร้อยละ 10 (2,200 บาทต่อไร่)

4.การผลิตตามมาตรฐานเพื่อการส่งออกญี่ปุ่น : วิสาหกิจชุมชนฟรุทส์ฟาร์ม ร่วมกับบริษัท เจ เฟรช เซกะ จำกัด (J FRESH SEIKA COMPANY LIMITED) จัดทำคู่มือการผลิตกล้วยหอมทองเพื่อส่งออกประเทศญี่ปุ่น เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ให้สมาชิก จำนวน 205 ราย นำไปปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรฐานส่งออกประเทศญี่ปุ่น และมีสมาชิกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องร้อยละ 10 (20 รายต่อปี) จากระบบการควบคุมภายในแบบกลุ่ม (Internal Control System) ปัจจุบันสามารถผลิตกล้วยหอมทองส่งออกญี่ปุ่นได้ 3,300 ตันต่อปี สร้างรายได้ให้เกษตรกรที่เป็นสมาชิก 40,000 บาทต่อไร่

5.การจัดการผลผลิตตกเกรดโดยการแปรรูปผลผลิต : ผลผลิตกล้วยหอมทองที่เข้าสู่โรงคัดบรรจุจะมีผลผลิตตกเกรดอยู่ร้อยละ 10 - 20 ของปริมาณผลผลิตทั้งหมด จำหน่ายในราคา 5 - 6 บาทต่อกิโลกรัม สามารถนำไปแปรรูปเป็นส่วนผสมในการทำเบเกอรี่ ไวน์ ฯลฯ ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มได้ มูลค่า 360 บาทต่อกิโลกรัม

6.เครื่องจักรกลสำหรับปลูกกล้วยหอมทอง : การใช้เครื่องจักรกลสำหรับปลูกกล้วยหอมทอง ตั้งแต่การปลูกถึงการเก็บเกี่ยว สามารถลดต้นทุนค่าแรงงานได้ร้อยละ 10 หรือประมาณ 2,200 บาทต่อไร่ และการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรขนาดเล็ก เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ สามารถลดความเสียหายของผลผลิตได้ร้อยละ 10

ทั้งนี้ เกษตรกรที่เข้ารับการถ่ายทอดความรู้ ได้เรียนรู้ร่วมกับเกษตรกรต้นแบบ ทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจและเข้าถึงเทคโนโลยีทางการเกษตรที่เหมาะสมกับพื้นที่ของตน สามารถนำความรู้ไปใช้ในการปรับตัวและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) พัฒนาคุณภาพผลผลิตให้ตรงกับความต้องการของตลาดส่งออกประเทศญี่ปุ่น ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นและเศรษฐกิจของประเทศเกิดการพัฒนา.
You might be intertested in this news.
Mostview
โบอิ้ง 787 แอร์อินเดียแจ้ง "MAYDAY" ก่อนเครื่องตกใส่เขตชุมชนพร้อม 242 ชีวิต
เครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ส ของแอร์อินเดีย เที่ยวบิน AI 171 เส้นทางอาเมดาบัด-ลอนดอน แกตวิค ตกกระแทกพื้นกลางย่านชุมชน หลังเพิ่งออกจากสนามบินพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 242 คนบนเครื่อง ทั้งนี้ มีรายงานว่านักบินแจ้งฉุกเฉิน เมย์เดย์ ก่อนร่วงพื้น
พร้อมตั้งแต่เมื่อวาน ทอ.โชว์ติดระเบิดนำวิถี KGGB เขี้ยวเล็บ เอฟ-16 ฝูง 103 โคราช
กองทัพอากาศไทย เผย วิดีโอคลิปบนเฟซบุ๊ก โชว์การติดตั้งอาวุธให้กับเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 ฝูงบิน 103 นครราชสีมา ทั้งการโหลดกระสุนขนาด 20 มม.การติดตั้งมิสไซล์นำวิถีไซด์วายเดอร์ และ อาวุธใหม่ ระเบิดร่อนนำวิถีด้วย GPS แบบ KGGB ที่ซื้อจากเกาหลีใต้
"ตั๊ก - สุนารี - ฮาย” 3 เพื่อนซี้พร้อมฟาด! ใน “สามตัวบน คอนเสิร์ต”
ตั๊ก - สุนารี - ฮาย” 3 เพื่อนซี้พร้อมฟาด! ใน “สามตัวบน คอนเสิร์ต” จองบัตร 14 มิถุนายนนี้ ....
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (10มิ.ย.68) เก็งทําไรในกรอบ
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (10มิ.ย.68) เก็งทําไรในกรอบ
เครื่องบิน 787 แอร์อินเดียตกทับหอพักแพทย์ พบร่างแล้ว 204 ศพ มีรอดชีวิต 1 ราย
ความคืบหน้าเหตุ โบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์สของแอร์อินเดีย เที่ยวบิน AI 171 เส้นทางอาเมดาบัด-ลอนดอน แกตวิค พร้อมคนบนเครื่อง 242 ชีวิตตกที่เมืองอาเมดาบัด โดยซากเครื่องทับหอพัก นศ.แพทย์ ล่าสุด พบผู้โดยสารรอดชีวิต 1 รายเป็นชายวัย 38 ปี ขณะที่พบศพแล้ว 204 ศพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
