สยามคูโบต้า เปิด "โรงเรียนดินและปุ๋ย" ที่อุดรธานี มุ่งถ่ายทอดความรู้สู่เกษตรยั่งยืน
by Trust News, 7 กุมภาพันธ์ 2568
สยามคูโบต้า เปิดตัว "โรงเรียนดินและปุ๋ย" จังหวัดอุดรธานี ดึงหมอดินอาสาร่วมพลิกฟื้นผืนดิน ถ่ายทอดความรู้ให้เกษตรกร ในการการตรวจวิเคราะห์และปรับปรุงบำรุงดินให้เหมาะกับการเพาะปลูกต่อยอดสู่การทำเกษตรยั่งยืน
สยามคูโบต้า เปิดตัว “โรงเรียนดินและปุ๋ย” พื้นที่ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการพัฒนาดินและการตรวจคุณภาพดินจากหมอดินอาสาของจังหวัดอุดรธานี ภายใต้โครงการ “คูโบต้า พลิกฟื้นผืนดิน” โดยมีกรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และวิสาหกิจชุมชนทำนาห้วยตาดข่า อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ร่วมสร้างพื้นที่แห่งการเรียนรู้ พร้อมดึงผู้เชี่ยวชาญหมอดินอาสา มุ่งถ่ายทอดความรู้สู่เกษตรกรและผู้สนใจ ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาคุณภาพดินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผลผลิตในการเพาะปลูก ต่อยอดสู่การทำเกษตรยั่งยืน ณ วิสาหกิจชุมชนทำนาห้วยตาดข่า อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี

นางวราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวถึงการเปิดตัว “โรงเรียนดินและปุ๋ย” จังหวัดอุดรธานีว่า “ภาคการเกษตรถือเป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิต เพราะหนึ่งในปัจจัยด้านคุณภาพชีวิตที่ดีมาจากผลิตผลทางการเกษตรที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ทางการเกษตรรวม 147.73 ล้านไร่ หรือร้อยละ 46.7 ของเนื้อที่ทั้งประเทศ ขณะเดียวกันยังต้องเผชิญความท้าทายที่หลากหลาย อาทิ ความเสื่อมโทรมของดิน การปนเปื้อนของสารเคมีจากการใช้ปุ๋ยและสารเคมีที่ทำให้ศักยภาพของดินลดลง เมื่อดินอยู่ในสภาพที่ไม่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของพืชจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร เราจึงต้องให้ความสำคัญกับการทำการเกษตรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม การนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาก่อให้เกิดประโยชน์ รวมถึงส่งเสริมการฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของดิน ผนวกกับการใช้เทคโนโลยีและความรู้ใหม่ ๆ อย่างเหมาะสมเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา

กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้าฯ กล่าวต่อว่า "โรงเรียนดินและปุ๋ย" ภายใต้โครงการ “คูโบต้า พลิกฟื้นผืนดิน” จึงเกิดขึ้นบนแนวคิดที่อยากให้เกษตรกร และผู้สนใจทำการเกษตรทุกคนเห็นความสำคัญของดิน เรามุ่งหวังเป็นพื้นที่ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการพัฒนาดินและการตรวจคุณภาพดินซึ่งเป็นรากฐานสำคัญสำหรับทุกชีวิตบนโลกรวมถึงการทำเกษตร สยามคูโบต้า จึงได้ร่วมกับ กรมพัฒนาที่ดิน เพื่อพัฒนาจัดการดินเพื่อการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนองค์ความรู้ด้านวิชาการ เทคโนโลยีสารสนเทศ การตรวจวิเคราะห์ดิน ผลิตภัณฑ์ พด. และเมล็ดพันธุ์พืชปุ๋ยสด รวมทั้งบุคลากรจากกรมพัฒนาที่ดิน และวิสาหกิจชุมชนทำนาห้วยตาดข่า ที่สยามคูโบต้าเข้าไปร่วมพัฒนาจนเกิดเป็น ศูนย์เรียนรู้ชุมชนพลังเกษตรสร้างสุขสยามคูโบต้า – ห้วยตาดข่า เมื่อปี 2560 และขยายผลสู่การสร้างโรงเรียนดินและปุ๋ย พร้อมกันนี้ยังมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีขึ้น ภายใต้การพัฒนาที่ยั่งยืนหรือ Sustainable Development Goals (SDGs) ตามเป้าหมายที่ 15 (Goal 15 : Life on land) ปกป้อง ฟื้นฟู สนับสนุนการใช้ระบบนิเวศ ฟื้นสภาพการเสื่อมโทรมของที่ดิน และหยุดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ
"สยามคูโบต้าเชื่อว่า เมื่อดินดี ผลผลิตดี คุณภาพชีวิตดีแล้ว จะช่วยให้การทำเกษตรมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเราจะสามารถสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์ ตลอดจนความยั่งยืนในภาคการเกษตร อยากให้ทุกคนที่เข้ามาสัมผัสโรงเรียนแห่งนี้ ได้เรียนรู้การปรับปรุงบำรุงดิน การตรวจวิเคราะห์ดินกับหมอดินอาสา เพราะเราอยากให้โรงเรียนดินและปุ๋ยแห่งนี้ สามารถมอบประโยชน์สูงสุดแก่ชุมชนและเกษตรกร จนเกิดการต่อยอดในพื้นที่ของตนเอง ซึ่งแผนการต่อยอดในอนาคตสยามคูโบต้าเตรียมก่อตั้งโรงเรียนดินและปุ๋ย แห่งที่ 2 ณ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกข้าวหอมมะลิหนองผักบุ้งพัฒนา จังหวัดเพชรบูรณ์ในปีนี้ และมุ่งมั่นจะสร้างการขยายผลในชุมชนที่สยามคูโบต้าให้การสนับสนุนต่อไป" นางวราภรณ์ กล่าว

ด้าน นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการพัฒนาคุณภาพดินเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้ เพราะดินเป็นทรัพยากรธรรมชาติอันเป็นรากฐานของการผลิตทางการเกษตร กรมพัฒนาที่ดินได้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและจัดการทรัพยากรดินอย่างยั่งยืน โดยมีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นองค์กรอัจฉริยะทางดิน เพื่อขับเคลื่อนการใช้ที่ดินอย่างเหมาะสม โดยมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมการจัดการดินที่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ พร้อมสร้างศูนย์ข้อมูลอัจฉริยะทางดินเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรที่ดินอย่างยั่งยืน รวมถึงพัฒนาระบบการบริหารจัดการที่ดินเชิงรุกผ่านการมีส่วนร่วม เพื่อรักษาสมดุลความเสื่อมโทรมของที่ดินและระบบนิเวศทางการเกษตร
อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวอีกว่า การจัดตั้งโรงเรียนดินและปุ๋ย ถือเป็นส่วนหนึ่งของก้าวสำคัญในการบรรลุวิสัยทัศน์นี้เช่นกัน สำหรับกรมพัฒนาที่ดิน เราให้ความร่วมมือในการถ่ายทอดข้อมูลผ่านบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านดิน อาทิ หมอดินอาสา เพื่อรองรับผู้ที่สนใจในการเรียนรู้เกี่ยวกับดินและปุ๋ย ในรูปแบบของการเรียนทฤษฎีและปฏิบัติ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการตรวจวิเคราะห์คุณภาพดิน ความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นการเสริมสร้างศักยภาพของเกษตรกรและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน และต่อยอดในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วน นายฉัตรเชาวสิโรตม์ ยอดคีรี ประธานวิสาหกิจชุมชนทำนาห้วยตาดข่า และประธานศูนย์เรียนรู้ชุมชนพลังเกษตรสร้างสุขสยามคูโบต้า – ห้วยตาดข่า กล่าวถึงการสานต่อโครงการนี้ว่า “วิสาหกิจชุมชนทำนาห้วยตาดข่า มุ่งให้ความสำคัญกับการดูแลดินตลอดมา เพราะเรามองว่า ดินกับการทำเกษตรเป็นของคู่กัน แต่ในอดีตที่ผ่านมาเกษตรกรต้องใช้เวลาทำความเข้าใจเรื่องดิน แม้จะได้รับการให้ความรู้ทั้งเรื่องธาตุอาหารในดิน การปรับปรุงดิน การเตรียมดิน แต่ในการปฏิบัติจริงเกษตรกรมักวัดเอาจากประสบการณ์ตามความเคยชิน ซึ่งในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา กลุ่มวิสาหกิจฯ และเกษตรกรในพื้นที่ได้เข้าอบรมองค์ความรู้เรื่องปุ๋ยทำให้เรามีวิธีการจัดการดินที่ดีขึ้น
ประธานวิสาหกิจฯ กล่าวต่อว่า การก่อตั้งโรงเรียนดินและปุ๋ยจะช่วยให้เกิดเป็นพื้นที่ให้ความรู้ได้อย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนให้บริการตรวจดินและปุ๋ยจากหมอดินอาสาของชุมชนที่มีความเชี่ยวชาญที่คอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ช่วยให้เกษตรกรได้เข้าใจสภาพดินในพื้นที่การเกษตรของตนเอง และสามารถนำความรู้ที่ได้รับเกี่ยวกับธาตุอาหารในดิน การใส่ปุ๋ยในสูตรหรือปริมาณที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืชแต่ละชนิด นำไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งสร้างโอกาสในการต่อยอดความรู้ให้แก่ชุมชนข้างเคียงได้ ขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรจากการทำปุ๋ยสั่งตัดด้วย

"นอกจากนี้ คณะทำงานของวิสาหกิจชุมชนฯ ที่มีความรู้เรื่องดินจะมาช่วยกันต่อยอดบริหารจัดการโรงเรียนดินและปุ๋ย พร้อมรองรับผู้สนใจเข้าศึกษาดูงานโดยเน้นการปฏิบัติจริงผ่านกิจกรรมต่างๆ ภายในโรงเรียน ซึ่งเราเชื่อว่าเมื่อเกษตรกรรู้ดิน รู้พืช ก็จะรู้การจัดการที่ดี ทำให้สามารถใช้ทรัพยากรดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลต่อผลผลิตที่ดีต่อไป สำหรับแผนงานต่อไปของโรงเรียนดินและปุ๋ย เราจะดำเนินการประชาสัมพันธ์ไปยังหน่วยงานราชการท้องถิ่นในพื้นที่ของชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียง ตลอดจนขยายผลให้เกษตรกรและผู้สนใจสามารถเพิ่มเติมองค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรและเทคโนโลยีการเกษตรได้ด้วย เราหวังให้โรงเรียนแห่งนี้เป็นพื้นที่ให้เกษตรกรทุกคนสามารถเข้าถึงได้และเกิดประโยชน์สูงสุด เพราะรายได้จากการทำเกษตรกรรมต้องเริ่มต้นจากดินที่ดี" นายฉัตรเชาวสิโรตม์ กล่าว

สำหรับเกษตรกรท่านใดสนใจอยากได้ความรู้ในการพัฒนาดินและบำรุงดิน สามารถเข้ามาเรียนรู้ได้ที่ “โรงเรียนดินและปุ๋ย” ภายใต้โครงการ “คูโบต้า พลิกฟื้นผืนดิน” เปิดให้ทุกคนได้เข้ามาเรียนรู้ ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ 09.00 – 15.00 น. ณ วิสาหกิจชุมชนทำนาห้วยตาดข่า อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี (ศูนย์เรียนรู้ชุมชนพลังเกษตรสร้างสุขสยาม คูโบต้า – ห้วยตาดข่า) โทร : 063 601 7455.
You might be intertested in this news.
Mostview
โบอิ้ง 787 แอร์อินเดียแจ้ง "MAYDAY" ก่อนเครื่องตกใส่เขตชุมชนพร้อม 242 ชีวิต
เครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ส ของแอร์อินเดีย เที่ยวบิน AI 171 เส้นทางอาเมดาบัด-ลอนดอน แกตวิค ตกกระแทกพื้นกลางย่านชุมชน หลังเพิ่งออกจากสนามบินพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 242 คนบนเครื่อง ทั้งนี้ มีรายงานว่านักบินแจ้งฉุกเฉิน เมย์เดย์ ก่อนร่วงพื้น
พร้อมตั้งแต่เมื่อวาน ทอ.โชว์ติดระเบิดนำวิถี KGGB เขี้ยวเล็บ เอฟ-16 ฝูง 103 โคราช
กองทัพอากาศไทย เผย วิดีโอคลิปบนเฟซบุ๊ก โชว์การติดตั้งอาวุธให้กับเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 ฝูงบิน 103 นครราชสีมา ทั้งการโหลดกระสุนขนาด 20 มม.การติดตั้งมิสไซล์นำวิถีไซด์วายเดอร์ และ อาวุธใหม่ ระเบิดร่อนนำวิถีด้วย GPS แบบ KGGB ที่ซื้อจากเกาหลีใต้
ย้อนรอย จลาจลเผาสถานทูตไทย บทเรียนข่าวเท็จ กัมพูชา (2546)
ย้อนรอยเหตุเผาสถานทูตไทยในกัมพูชา จากน้ำผึ้งหยดเดียว ปล่อยข่าวคลั่งชาติ กล่าวหา “กบ สุวนันท์” หมิ่นกัมพูชา ลุกลามลามบานปลาย ก่อเหตุจลาจล คนไทยถูกล่า เอาชีวิต ผู้หญิงถูกล่า ลากจะขืนใจ สุดท้าย หาคนเบื้องหลังไม่ได้ ลงโทษผู้ก่อเหตุเบาหวิว แต่ต้องชดใช้มากกว่า
เครื่องบิน 787 แอร์อินเดียตกทับหอพักแพทย์ พบร่างแล้ว 204 ศพ มีรอดชีวิต 1 ราย
ความคืบหน้าเหตุ โบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์สของแอร์อินเดีย เที่ยวบิน AI 171 เส้นทางอาเมดาบัด-ลอนดอน แกตวิค พร้อมคนบนเครื่อง 242 ชีวิตตกที่เมืองอาเมดาบัด โดยซากเครื่องทับหอพัก นศ.แพทย์ ล่าสุด พบผู้โดยสารรอดชีวิต 1 รายเป็นชายวัย 38 ปี ขณะที่พบศพแล้ว 204 ศพ
เพราะอะไรลิเวอร์พูลจึงยอมจ่ายแพง กับเบอร์10 ที่ชื่อ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ (ชมคลิป)
เพราะอะไรลิเวอร์พูลจึงยอมจ่ายแพง กับเบอร์10 ที่ชื่อ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ (ชมคลิป)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
