จัดฉากอย่ามาเนียน ตำรวจ ปอศ.รวบหนุ่มหัวใส ขับรถตกน้ำเคลมประกันนับล้าน
by Trust News, 25 สิงหาคม 2568
ตำรวจ ปอศ.รวบหนุ่มวัย 26 ปี วางแผนเช่ารถหลายคันแล้ว จัดฉากว่าเกิดอุบัติเหตุขับรถตกน้ำ 4 คันรวด ในพื้นที่ นครปฐม ราชบุรี และกาญจนบุรี หวังเคลมประกัน เสียหายเกือบ 1 ล้านบาท ถูกจับที่ อ.บ้านโป่ง ราชบุรี ผู้ต้องหาให้การภาคเสธอ้างขายรถแล้วไม่รู้ว่าถูกนำไปใช้
เมื่อวันที่ 25 ส.ค.2568 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ, พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.นิตติโชติ เพ็ญจำรัส รอง ผบก.ปอศ, เจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติการ นำโดย พ.ต.อ.กริช วรทัต ผกก.4 บก.ปอศ.,พ.ต.ท.ภาคิน ไกรกิติชาญ พ.ต.ท.เชาวน์วุฒิ เลียบมา รอง ผกก.4 บก.ปอศ., พ.ต.ท.สาธิต หาวงษ์ชัย, พ.ต.ท.วรวุฒิ คงรักษา, พ.ต.ท.ณัฐดนัย บำรุงศิลป์ และ ว่าที่ พ.ต.ต.หญิง ชนากานต์ นิรัมย์ สว.กก.4 บก.ปอศ. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง กก.4 บก.ปอศ.
ร่วมกันจับกุม นายอนุชา (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.604/2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “พยายามฉ้อโกงทรัพย์, เรียกร้องผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยโดยทุจริตหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จในการเรียกร้อง” สถานที่จับกุม บริเวณบ้านพัก ถ.แสงชูโต ต.บ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จว.ราชบุรี
พฤติการณ์สืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม 2567 บริษัทประกันภัยแห่งหนึ่งได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. กรณีนายอนุชา ผู้เอาประกันภัยรถยนต์ ได้แจ้งเหตุอุบัติเหตุรถยนต์ตกน้ำในพื้นที่จังหวัดนครปฐม โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นบริษัทประกันภัยพบความผิดปกติของผู้เอาประกันภัยรายนี้ จึงได้ระงับการจ่ายค่าสินไหม และมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. ในความผิดเกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัย
จากการสืบสวนสอบสวน พบข้อมูลว่า นายอนุชา ฯ ได้ครอบครองรถยนต์ จำนวน 4 คัน โดยได้เช่าซื้อในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน และเลือกทำประกันภัยกับบริษัทประกันภัยหลายแห่งแตกต่างกันไป โดยในห้วงเวลาเพียง 3 เดือน ตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2566 รถยนต์ทั้ง 4 คันดังกล่าว ได้เกิดอุบัติเหตุในลักษณะคล้ายคลึงกัน โดยผู้ขับขี่ จำนวน 3 ราย ขับรถเสียหลักตกลงไปในน้ำ จากนั้นได้มีการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนไปยังบริษัทประกันภัยต่างๆ โดยมีบริษัทประกันภัยบางรายหลงเชื่อ และจ่ายค่าสินไหมทดแทนไปแล้วกว่า 9 แสนบาท และยังมีคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาสินไหมอีกหลายกรณี ซึ่งคาดว่าความเสียหายทั้งหมดอาจสูงกว่า 1 ล้านบาท

จากการสืบสวนขยายผล พบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวมีการกระทำความผิดเป็นขบวนการ มีผู้เกี่ยวข้อง จำนวน 4 ราย ได้แก่ นายอนุชาฯ ซึ่งทำการเช่าซื้อรถยนต์ทั้ง 4 คัน พร้อมกันภายใน 1 เดือน โดยมีการผ่อนชำระเพียง 1 งวด เท่านั้น จากนั้นจะสร้างสถานการณ์ให้เกิดอุบัติเหตุโดยใช้ผู้ขับขี่ จำนวน 3 ราย เลือกเส้นทางที่เป็นถนนเลียบคลองชลประทานห่างไกลเขตชุมชน ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม, จังหวัดราชบุรี และจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งผู้ขับขี่บางรายมีพฤติการณ์ขับรถตกลงไปในน้ำถึง 2 ครั้ง ในห้วงเวลาไล่เลี่ยกัน เพื่อเข้าเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนกับบริษัทประกันภัย ทั้งในรูปแบบเรียกร้องคืนทุนประกันภัยเต็มวงเงินตามกรมธรรม์เนื่องจากซ่อมไม่ได้ และรูปแบบยื่นรายการแจ้งซ่อมแต่ไม่มีการนำรถเข้าซ่อมจริง
เมื่อเจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า เงินค่าสินไหมทดแทนที่บริษัทประกันภัยจ่ายให้ นายอนุชา ฯ ถูกโอนเข้าบัญชีบุคคลอื่นซึ่งเป็นญาติ และบางส่วนถูกถอนเป็นเงินสด อีกทั้งเมื่อพนักงานสอบสวนเรียกให้นำรถยนต์คันที่ตกน้ำมาเพื่อตรวจพิสูจน์ กลับเพิกเฉยไม่นำมาส่งตรวจพิสูจน์ พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขออนุมัติหมายจับ และศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาไว้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบทราบว่านายอนุชา ได้ไปกบดานอยู่ที่บ้านพักตั้งอยู่บริเวณถนนแสงชูโต ตำบลบ้านโป่ง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี จึงได้เข้าทำการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว นำตัวส่งพนักงานสอบสวน ในส่วนของผู้ขับขี่และผู้ร่วมขบวนการรายอื่นอยู่ระหว่างการขยายผลเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ โดยรับว่าได้ออกรถยนต์ทั้ง 4 คันจริง และได้ทำประกันภัยกับหลายบริษัท ต่อมาได้เซ็นโอนลอยขายต่อให้บุคคลอื่น ก่อนที่จะทราบในภายหลังว่ารถดังกล่าวประสบอุบัติเหตุตกน้ำ และเมื่อมีการโอนเงินค่าสินไหมเข้าบัญชีตน จึงได้ถอนมาใช้จ่าย แต่ยังคงให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิด
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนประชาชนว่า การกระทำหรือร่วมกระทำการในลักษณะ แสดงหลักฐานเท็จ เพื่อฉ้อฉลประกันภัย อาจเข้าข่ายความผิดฐาน เรียกร้องผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยโดยทุจริต หรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จในการเรียกร้อง มีความผิดตามกฎหมาย พระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ.2535 มาตรา 108/4 วรรคแรก มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.
You might be intertested in this news.
Mostview
ประวัติน้องตู้เย็น และความตั้งใจ ที่ใช้สยบดรามาโชเชียลมีเดีย (ชมคลิป)
ประวัติน้องตู้เย็น และความตั้งใจ ที่ใช้สยบดรามาโชเชียลมีเดีย (ชมคลิป)
5 ปมสั่งตาย “แคล้ว ธนิกุล” เจ้าพ่อนครบาลกับพระสมเด็จวัดระฆัง ที่หายไป?
เบื้องหน้า เบื้องหลัง 117 นัด ดับ เจ้าพ่อนครบาล “แคล้ว ธนิกุล” 5 ปมสั่งตาย กับพระสมเด็จวัดระฆัง กับข่าวลือเรื่องหนังเหนียว …
รีวิว “Eden สวรรค์คนบาป” ดิบ ดิ่ง เร้าร้อน ล่อลวง
รีวิว “Eden สวรรค์คนบาป” ดิบ ดิ่ง เร้าร้อน ล่อลวง
พายุไต้ฝุ่น “คาจากิ” จ่อถล่มไหหลำ-ฮานอย เตือน! ไทยเจอฝนหนัก 24-27 ส.ค.
เตือน พายุไต้ฝุ่น “คาจากิ” (ปลาญี่ปุ่น) ถล่ม ไหหลำ ต่อ ด้วยฮานอย ส่วนไทย จะโดนอิทธิพลและคาดว่าฝนจะตกหนัก 24-27 ไล่ตั้งแต่ภาคกลาง อีสาน และเหนือ…
เมื่อความรู้ลงถึงชุมชน ช่วยเกษตรกร "บ้านกูแบสีรา" ทำจริงขายได้ มีกินมีใช้
"ทำจริงทำได้ ขายได้มีกินมีใช้" ตัวอย่าง "บ้านกูแบสีรา" จ.ปัตตานี หลังขยายผลองค์ความรู้สู่ชุมชน ช่วยเกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รายได้เพิ่ม 500 บาท/สัปดาห์ จากการทำเกษตรผสมผสาน ปลูกผักอินทรีย์ส่งขายตลาดชุมชนใกล้เคียง เสริมการทำนาข้าว สวนยางพารา และไม้ผล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
