กรมส่งเสริมการเกษตร สู้ PM2.5 ปี 68 เดินหน้าสร้างเกษตรปลอดเผาที่ยั่งยืน
by Trust News, 20 พฤศจิกายน 2568
กรมส่งเสริมการเกษตร เผยผลความคืบหน้าการบริหารจัดการปัญหาฝุ่นควันและ PM2.5 จากการเผาในพื้นที่เกษตร ตลอดปี 2568 พบมีพัฒนาการเชิงบวกแบบมีนัยยะสำคัญทั้งสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และการมีส่วนร่วมชุมชน สะท้อนการที่ทุกภาคส่วนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินงานลดการเผาในพื้นที่เกษตรทั่วประเทศปี 2568 ส่งสัญญาณบวกทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมชี้ว่า จุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่เกษตรลดลง 12.70% เมื่อเทียบกับปี 2566 ตัวอย่างเช่น ในจังหวัดเชียงใหม่ช่วงมีนาคม 2566–2567 ลดลงสูงถึง 27% สะท้อนผลสัมฤทธิ์ของมาตรการลดการเผาอย่างเป็นรูปธรรม
ที่ผ่านมากรมส่งเสริมการเกษตรขับเคลื่อนและส่งเสริมการบริหารจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรแก่เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง เช่น การไถกลบเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุ การทำปุ๋ยหมัก–ปุ๋ยอินทรีย์ การใช้ฟางเลี้ยงสัตว์ และการสร้างรายได้จากการจำหน่ายเศษวัสดุชีวมวล เป็นต้น ทำให้สามารถนำเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรไปใช้ให้เกิดประโยชน์แล้ว 29.7 ล้านตัน จากทั้งหมด 48.6 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 61 สร้างมูลค่ากว่า 3.3 พันล้านบาท ช่วยลดต้นทุนการประกอบอาชีพแก่เกษตรกรได้เป็นอย่างดี
ในด้านการมีส่วนร่วม มีเกษตรกรเข้าร่วมอบรมความรู้ด้านการจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรแล้วกว่าแสนราย เกิดเครือข่ายเกษตรกรปลอดเผาหลายพันราย และมีชุมชนต้นแบบขยายผล เช่น ชุมชนบ้านโนนงิ้ว อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ จำนวน 168 ครัวเรือน พื้นที่ 2,160 ไร่ สร้างเงื่อนไขและกฎร่วมกันของชุมชน ดำเนินการปลอดการเผาอย่างเข้มแข็ง
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปี 2569 กรมส่งเสริมการเกษตรกำหนดทิศทางขับเคลื่อน 2 แนวทางสำคัญ ได้แก่ การลดการเผาในพื้นที่การเกษตรและการสร้างมูลค่าเพิ่มจากเศษวัสดุเหลือใช้ในการเกษตร โดยเน้นให้ทุกพื้นที่จัดทำแผนที่ที่แสดง ระดับความเสี่ยงการใช้ไฟหรือการเผาในพื้นที่เกษตร โดยอ้างอิงจากข้อมูล hot spot และ burn scar ย้อนหลัง 3-5 ปี ประกอบกับข้อมูลชนิดพืช เพื่อให้ชุมชนเห็นภาพร่วมกันว่าพื้นที่ใดเผาบ่อย เผาซ้ำ
รวมถึงร่วมกับชุมชนในการวิเคราะห์สาเหตุ และออกแบบทางเลือกแทนการเผา และศึกษาวิเคราะห์ห่วงโซ่มูลค่าวัสดุชีวภาพ เช่น ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อย เพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์เพื่อเชื่อมโยงอุตสาหกรรมชีวมวลและวัสดุชีวภาพ รวมถึงการจัดการระดับแปลงและระดับพื้นที่ เช่น ไถกลบ ปุ๋ยหมัก สับย่อยเชื้อเพลิง และการออกแบบโมเดลธุรกิจชุมชน และขยายการรณรงค์ผ่านโครงการ Green Gain และการสร้างเกษตรกรต้นแบบ รวมถึงชุมชนเกษตรปลอดเผา ครอบคลุม 62 จังหวัด
นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรยังสนับสนุนการนำเศษวัสดุไปใช้ประโยชน์เชิงธุรกิจ เช่น กลุ่มแปลงใหญ่สหกรณ์โคนมโคกก่อ จ.มหาสารคาม ที่รวบรวมฟางข้าวและปลูกข้าวโพดอาหารสัตว์กว่า 200 ตัน รวมถึงส่งเสริมให้เกษตรกรมีการบริหารจัดการไฟอย่างถูกต้องผ่านแอพพิลเคชั่น Burn Check ซึ่งขณะนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ออก ประกาศมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา PM2.5 ภาคการเกษตร พ.ศ. 2568 (ฉบับที่ 2) โดยเกษตรกรที่มีประวัติการเผาในพื้นที่การเกษตร ช่วงที่ผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 เมษายน 2569 – 31 มีนาคม 2571 จะหมดสิทธิ์เข้าร่วม โครงการสนับสนุนจากรัฐทุกรายการ ยกเว้นการช่วยเหลือกรณีภัยพิบัติ ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรย้ำว่า การแก้ปัญหาฝุ่นควันและ PM2.5 ในภาคเกษตรต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วน เพื่อให้การผลิตปลอดการเผาเป็นมาตรฐานใหม่ของเกษตรไทย และสร้างอากาศที่ดีให้ทุกคนอย่างยั่งยืน.
You might be intertested in this news.
Mostview
ทำความเข้าใจแบบไม่ดรามา ภาพรวมศักยภาพ “นมไทย”
ทำความเข้าใจแบบไม่ดรามา ภาพรวมศักยภาพ “นมไทย”
แนวโน้มราคาทอง Sideway แนะทยอยซื้อสะสม
แนวโน้มราคาทอง Sideway แนะทยอยซื้อสะสม
แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (20พ.ย.68) Sideway รอซื้อตามแนวรับ
แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (20พ.ย.68) Sideway รอซื้อตามแนวรับ
แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (14พ.ย.68) Sideway รอซื้อตามแนวรับ
แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (14พ.ย.68) Sideway รอซื้อตามแนวรับ
8 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (17พ.ย.68)
8 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (17พ.ย.68)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง