ครบแล้ว 4 ทีมชนะเลิศ "คูโบต้า กล้า ท้า ปลูก ปีที่ 2" ปั้นคนรุ่นใหม่ทำนาลดโลกร้อน
by Trust News, 17 ธันวาคม 2568
เผย 4 ทีมผู้ชนะการแข่งขัน “คูโบต้า กล้า ท้า ปลูก” ปี 2 ที่มุ่งปั้นเกษตรกรรุ่นใหม่ทำนาลดโลกร้อน ภาคเหนือ ทีมหนุ่มหล่อข้าวสวย จ.นครสวรรค์ ภาคกลาง ทีมนาบุญ จ.นครปฐม ภาคอีสาน ทีมเกษตรอินทรีย์บ้านคำเผือ จ.ศรีสะเกษ และ ภาคใต้ ทีมแปลงใหญ่ข้าวเชิงแส จ.สงขลา
บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด และ กรมส่งเสริมการเกษตร ประกาศผลทีมผู้ชนะ 4 ทีม 4 ภาคทั่วไทย ที่คว้ารางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ จากผู้เข้าแข่งขัน 20 ทีมสุดท้าย ในศึกการแข่งขันสุดยอดนักพัฒนาแปลงเพาะปลูกข้าวลดโลกร้อน ด้วยนวัตกรรมบันทึกปฏิทินการเพาะปลูก “KAS Crop Calendar On LINE” ในโครงการ “คูโบต้า กล้า ท้า ปลูก” ปี 2 ตอน นารักษ์โลก ชิงเงินรางวัลรวมมูลค่า 1,000,000 บาท เวทีเดียวของไทยที่มุ่งปลุกพลังเกษตรกรรุ่นใหม่ สู่การทำเกษตรแม่นยำด้วยโซลูชัน ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต สร้างรายได้ ในรูปแบบเพื่อนคู่ใจเกษตรกรที่สามารถบันทึกข้อมูลทุกขั้นตอนตลอดกระบวนการเพาะปลูก เพื่อมุ่งยกระดับวิถีเกษตรไทยสู่ Smart Farming
นางวราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า การทำเกษตรแม่นยำมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเกษตรยุคใหม่ เราจึงได้นำความท้าทายและอุปสรรคที่เกษตรกรต้องเผชิญในชีวิตจริง มาศึกษา พัฒนา ต่อยอดเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้การทำเกษตรมีความราบรื่นยิ่งขึ้น ได้ผลผลิตที่ดี มีคุณภาพ ลดต้นทุน และสร้างรายได้อย่างยั่งยืน ตลอดกว่า 47 ปีที่สยามคูโบต้ามุ่งมั่นส่งเสริมการทำเกษตรอัจฉริยะ หรือ Smart Farming ผ่านเทคโนโลยีเครื่องจักรกลการเกษตรและนวัตกรรมเกษตรของคูโบต้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่สยามคูโบต้าส่งเสริมให้แก่เกษตรกรคือ การใช้บันทึกปฏิทินการเพาะปลูก KAS Crop Calendar On LINE ที่สามารถบันทึกข้อมูลตลอดการเพาะปลูก ให้เกษตรกรเห็นภาพรวมและจัดการพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งช่วยคำนวณสรุปรายรับรายจ่ายในรูปแบบเฉพาะของตัวเอง
กก.รอง ผจก.ใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น กล่าวต่อว่า นับตั้งแต่รับสมัครโครงการนี้มาเกือบ 1 ปีเต็มที่ดำเนินมา แม้รางวัลที่ได้รับจะสูง แต่ที่ทุกคนหวัง คือ การได้ถ้วยรางวัลพระราชทานฯ ที่จะมอบให้ทีมชนะเลิศทั้ง 4 ภาค ขอแสดงความยินดีล่วงหน้าสำหรับผู้ที่ได้ไป สยามคูโบต้า อยู่ในภาคเกษตรไทยมากว่า 47 ปี เป็นภาคส่วนสำคัญของประเทศที่เราต้องขับเคลื่อน แต่มี GDP ไม่ถึง 9%เราอยากเพิ่มอีก 4.5% หรือ มูลค่ากว่า 7 หมื่นล้านบาท
นางวราภรณ์ กล่าวถึงเป้าหมายโครงการว่า เราต้องการสร้างสมาร์ทฟาร์เมอร์รุ่นใหม่ ปัจจุบันมีอยู่ 2-3 แสนราย แต่ละปีเราต้องเพิ่มปีละ 2 แสนคน หรือให้เกษตรกรมีรายได้มากกว่า 2 แสนบาทต่อปี เราอยากให้คนที่อายุไม่เกิน 45 ปีที่พร้อมเปิดรับยความรู้นำมาต่อยอด นอกเหนือจากความรู้ที่ถ่ายทอดกันมาในครอบครัว วันนี้เราเห็นตัวแทนทุกทีมมีความสามารถ มีศักยภาพ ที่จะพัฒนาไปถึง ทั้งนี้ นอกจากการปลูกข้าวแล้ว เรายังสามารถส่งเสริมพืชไร่ เช่น กล้าท้ามัน เรามีปฏิทินการปลูก มีความรู้เรื่องน้ำ ก็อาจเป็นไปได้ที่จะขยายเพิ่มขึ้นไปในอนาคต
กก.รอง ผจก.ใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น กล่าวอีกว่า ในปีนี้ สยามคูโบต้าและกรมส่งเสริมการเกษตร ได้จัดโครงการ “คูโบต้า กล้า ท้า ปลูก” ปี 2 ตอน นารักษ์โลก เพื่อต่อยอดความสำเร็จจากปีที่ผ่านมา โดยขยายผลสู่การปลูกข้าวรูปแบบทีมเพื่อสร้างเครือข่าย Smart Farmer ทั่วประเทศใน 4 ภูมิภาคของไทย ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เราได้เฟ้นหาผู้ชนะ โดยพิจารณาถึงการลงข้อมูลบันทึกปฏิทินการเพาะปลูก การนำเสนอและจัดทำแผนธุรกิจ การนำองค์ความรู้ด้านการทำนารักษ์โลก หรือการทำนาลดโลกร้อน ซึ่งเป็นการทำเกษตรคาร์บอนต่ำด้วยการทำนาเปียกสลับแห้ง เพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทนจากน้ำขังในนาไปปรับใช้ รวมถึงประสิทธิภาพในการผลิตข้าว ตลอดจนการให้ความร่วมมือและการมีส่วนร่วมของทีม จนได้ผู้ชนะ 4 ทีมจาก 4 ภาคทั่วประเทศ
นอกจากนี้ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานถ้วยรางวัลแก่ผู้ชนะในครั้งนี้ สยามคูโบต้าขอแสดงความยินดีและหวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการนี้จะเป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรได้เห็นความสำคัญของการใช้เครื่องมือจดบันทึกการเพาะปลูก ตลอดจนการทำนาแบบรักษ์โลก ความสำเร็จนี้ไม่ใช่เพียงความสำเร็จของแต่ละทีม แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความหวังและพลังใหม่ ๆ ของ Young Smart Farmer ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาภาคการเกษตรไทยต่อไป
ด้าน นางอัญชลี สุวจิตตานนท์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า ภาคการเกษตรของไทย กำลังยืนอยู่บนจุดเปลี่ยนจากการทำเกษตรแบบเดิมสู่การทำเกษตรที่ต้อง “ทันสมัย แข่งขันได้ และยั่งยืน” ซึ่งการยกระดับเกษตรกรไทยในปัจจุบันต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่เกษตรสมัยใหม่อย่างเป็นรูปธรรม สำหรับความร่วมมือกับสยามคูโบต้า ในฐานะพันธมิตรสำคัญที่เชื่อมโยงองค์ความรู้ เทคโนโลยี ระบบบริหารจัดการฟาร์ม และนวัตกรรมการผลิต เพื่อสร้างระบบเกษตรที่ช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และเติบโตไปพร้อมกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ยกระดับเกษตรกรไทยสู่เกษตรสมัยใหม่ พร้อมทั้งเปลี่ยนวิธีคิดจากการมุ่งเน้นการผลิตเพียงอย่างเดียว สู่การบริหารจัดการฟาร์มอย่างมีข้อมูล มีการวางแผนการผลิต และมีเป้าหมายทางการตลาดที่ชัดเจน
"ในมุมเจ้าหน้าที่รัฐ การทำงานเราไม่อาจเข้าไปประกบเกษตรกรเพื่อสอนตัวต่อตัวได้ทุกราย แต่ความพยายามและตื่นเรียนรู้ของผู้ร่วมโครงการ เป็นโอกาสสำคัญในการเปลี่ยนแปลง ที่เริ่มจากการวางแผน มาจากการเห็นถึงประโยชน์ มองโอกาสคว้าไว้แล้วส่งต่อ ขอบคุณคูโบต้าที่ทำโครงการ และเรากรมส่งเสริมการเกษตรที่ทำร่วมกันเราจะทำให้เข้มแข็งแล้วกระจายออกมา ทำจากชุมชนของเราก่อน มีองค์ความรู้มีการใช้เทคโนโลยี และเราจะขอเอาไปต่อยอดการทำงานร่วมกัน เราต้องลงมือทำอย่างปราณีต รู้วิธีทำ รู้จักวางแผน เริ่มตั้งแต่การจัดการดินปลูกให้เหมาะสม หากเราไม่อาจเปลี่ยนความคิดของตัวเอง ด้วยการยอมรับเหตุผลและการเปลี่ยนแปลง เราก้ไม่อาจจะบอกใครต่อใครได้ จากนี้กรมส่งเสริมการเกษตรจะขอประกบ เป็นเพื่อนช่วยเหลือเกษตรกรไทย เอาความรู้และประสบการณืที่ได้ไปพัฒนาต่อ จากผู้เพาะปลูกไปสู่การเป็นผู้ให้บริการด้านการเกษตร" รักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าว
นางอัญชลี กล่าวด้วยว่า สำหรับแนวคิด “นารักษ์โลก” ถือเป็นหัวใจสำคัญของโครงการในปีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า การบริหารจัดการน้ำอย่างเหมาะสม การลดการเผาในพื้นที่นาการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เกษตรกรยุคใหม่ จึงต้องเป็นมากกว่าผู้ผลิต คือต้องเป็นผู้ประกอบการทางการเกษตร ที่เข้าใจธุรกิจของตัวเองและความต้องการของผู้บริโภค ความร่วมมือนี้ จึงเป็นกลไกสำคัญในการเปิดโอกาสให้เกษตรกรไทยเข้าถึงเทคโนโลยี นวัตกรรม องค์ความรู้ด้านการทำนารักษ์โลก และช่องทางตลาดที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกษตรกรไทยมีศักยภาพ มีความพร้อม และก้าวสู่การเป็นเกษตรกรสมัยใหม่ ที่ใส่ใจทั้งผลผลิต เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน
สำหรับผลการตัดสินรางวัลชนะเลิศ ถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัล จำนวน 150,000 บาท/ ทีม
ภาคเหนือ ได้แก่ ทีมหนุ่มหล่อข้าวสวย จังหวัดนครสวรรค์
ภาคกลาง ได้แก่ ทีมนาบุญ จังหวัดนครปฐม
ภาคตะวันออกเหนือ ได้แก่ ทีมเกษตรอินทรีย์บ้านคำเผือ จังหวัดศรีสะเกษ
ภาคใต้ ได้แก่ ทีมแปลงใหญ่ข้าวเชิงแส จังหวัดสงขลา
รางวัลรองชนะเลิศ เงินรางวัล จำนวน 50,000 บาท/ ทีม ภาคละ 2 รางวัล
ภาคเหนือ ได้แก่
• ทีมข้าวน้ำจำพะเยา จังหวัดพะเยา
• ทีมเกษตรอินทรีย์ PGS อ.ขาณุฯ จังหวัดกำแพงเพชร
ภาคกลาง ได้แก่
• ทีม Rice Sara D (ไรซ์สาระดี) จังหวัดนครปฐม
• ทีมข้าวเพลินนา จังหวัดกาญจนบุรี
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่
• ทีมกลุ่มเกษตรอินทรีย์บ้านลิ่มทอง จังหวัดบุรีรัมย์
• ทีมดอนยานาง โมเดล จังหวัดร้อยเอ็ด
ภาคใต้ ได้แก่
• ทีมชุมพร No.1 จังหวัดชุมพร
• ทีมใจใฝ่เกษตร จังหวัดตรัง.
You might be intertested in this news.
Mostview
ถอดรหัส ข้าคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จริงหรือ? ต้องได้เป็นตัวจริงเท่านั้น
ถอดรหัส ข้าคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จริงหรือ? ต้องได้เป็นตัวจริงเท่านั้น
รีวิวหนัง Eternity สามรัก หนึ่งนิรันดร์
ถ้าโลกหน้ามีจริง คุณจะเลือกอยู่กับใคร เมื่อต้องเลือกระหว่าง อดีตสามีที่ตายไปก่อนหลายสิบปี กับสามีที่อยู่ด้วยกันมานานจนตายไปด้วยกัน...?
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (17ธ.ค.68) Sideway Up เก็งกำไรในกรอบ
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (17ธ.ค.68) Sideway Up เก็งกำไรในกรอบ
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (11ธ.ค.68) Sideway Up ลุ้นสร้างจุดสูงใหม่
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (11ธ.ค.68) Sideway Up ลุ้นสร้างจุดสูงใหม่
6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (17ธ.ค.68)
6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (17ธ.ค.68)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง