5 ประเด็นสำคัญต้องรู้วันนี้ (19ก.พ.68)
by Trust News, 19 กุมภาพันธ์ 2568
1. ทรัมป์เตรียมเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ ยา และเซมิคอนดักเตอร์ 25% :
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า มีแนวโน้มประกาศ ภาษีนำเข้ารถยนต์ ชิปเซมิคอนดักเตอร์ และเวชภัณฑ์ที่อัตรา 25% โดยคาดว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 เมษายน
มาตรการใหม่นี้จะขยายสงครามการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ทรัมป์ได้ประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมในอัตราเดียวกัน โดยอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ บริษัทรถยนต์ยุโรป เช่น Volkswagen และผู้ผลิตจากเอเชีย เช่น Hyundai ซึ่งพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ
ขณะที่นักวิเคราะห์เตือนว่าภาษีดังกล่าว จะเพิ่มต้นทุนให้ผู้บริโภค และสร้างแรงกดดันต่อห่วงโซ่อุปทาน ผู้นำยุโรปเตรียมเดินทางไปวอชิงตันเพื่อเจรจาลดผลกระทบจากมาตรการนี้
2. สหรัฐฯ-รัสเซีย เจรจาสันติภาพยูเครน แต่ เซเลนสกี ถูกกันออกจากวงเจรจา :
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ และรัสเซียพบกันในกรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย เพื่อหารือแนวทางยุติสงครามยูเครน โดยไม่มีตัวแทนของรัฐบาลยูเครนเข้าร่วม การเจรจานานกว่า 4 ชั่วโมงจบลงด้วยการแต่งตั้งคณะทำงานระดับสูง เพื่อหาทางออกของสงครามให้ "ยั่งยืนและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย"
ตามแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ท่าทีนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการเร่งหาข้อตกลงสันติภาพ แม้จะเสี่ยงทำให้พันธมิตรยุโรปไม่พอใจ
ด้าน เซเลนสกี แสดงความไม่พอใจที่ไม่ได้รับเชิญ พร้อมยกเลิกกำหนดการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย สหรัฐฯ และรัสเซียยังหารือเรื่องการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตจากความตึงเครียดก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่มีการกำหนดวันประชุมระหว่าง ทรัมป์ และวลาดิเมียร์ ปูติน
3. Goldman Sachs ปรับคาดการณ์ราคาทองคำปีนี้แตะ $3,100 จากแรงซื้อของธนาคารกลาง :
Goldman Sachs ปรับเป้าหมายราคาทองคำสิ้นปีนี้เป็น $3,100 ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางและกระแสเงินทุนไหลเข้าสู่กองทุน ETF ที่อ้างอิงกับทองคำ
นักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs คาดว่า ธนาคารกลางจะซื้อทองคำเฉลี่ย 50 ตันต่อเดือน มากกว่าที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้า และหากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจากมาตรการภาษียังดำเนินต่อไป ราคาทองคำอาจพุ่งขึ้นถึง $3,300 ต่อออนซ์ โดย Goldman Sachs ย้ำคำแนะนำ "Go for Gold" พร้อมมองว่า ทองคำยังเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงที่สำคัญในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน
4. การส่งออกญี่ปุ่นขยายตัวต่อเนื่อง ก่อนมาตรการภาษีทรัมป์มีผลบังคับใช้ :
การส่งออกของญี่ปุ่นในเดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 7.2% จากปีก่อน นำโดยการขยายตัวของ รถยนต์และเรือ ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 16.7% ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุล 2.76 ล้านล้านเยน (18.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบสองปี
แม้การส่งออกไปสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้น 8.1% แต่การส่งออกไปจีนลดลง 6.2% และยุโรปลดลง 15.1% ท่ามกลางแนวโน้มการค้าทั่วโลกที่ไม่แน่นอน
ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากมาตรการภาษีของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เตรียมเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ ชิป และเวชภัณฑ์ 25% โดยญี่ปุ่นได้ร้องขอให้สหรัฐฯ ยกเว้นภาษีนำเข้าเหล็ก อะลูมิเนียม และภาษีตอบโต้การค้าอื่นๆ ขณะที่ญี่ปุ่นยังคงเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ที่ 477,000 ล้านเยน ในเดือนมกราคม โดยเฉพาะ การส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐฯ ที่พุ่งขึ้น 21.8%
5. RBA ลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี :
ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2020 หลังแรงกดดันด้านราคาคลี่คลาย
อย่างไรก็ตาม มิเชล บูลล็อค ผู้ว่าการ RBA เตือนว่า ตลาดไม่ควรคาดหวังการลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง เนื่องจาก RBA จะใช้ข้อมูลเศรษฐกิจเป็นหลักก่อนตัดสินใจดำเนินนโยบายเพิ่มเติม
โดยตลาดปรับลดคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของ RBA ให้โอกาสต่ำกว่า 80% สำหรับการลดครั้งที่สองในปีนี้ ลดลงจากเดิมที่เคยคาดไว้ว่าจะปรับลดดอกเบี้ยอย่างน้อยสองครั้งในปีนี้
หลังบูลล็อคส่งสัญญาณว่าการลดดอกเบี้ยเร็วเกินไปอาจเสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อ นักวิเคราะห์มองว่าการลดดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นสัญญาณเชิงบวกต่อภาคครัวเรือนและเศรษฐกิจ แต่ RBA ยังคงเฝ้าระวังความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอก เช่น ความผันผวนของตลาดโลกและนโยบายของสหรัฐฯ
ประเด็นที่ต้องติดตาม :
ราคาบ้านจีน (YoY) เดือน ม.ค. คาดว่าจะรายงานที่ -5.0% จากช่วงก่อนหน้าที่ -5.3%, อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของอังกฤษ (YoY) เดือน ม.ค. คาดว่าจะรายงานออกมาที่ 2.7% จากช่วงก่อนหน้าที่ 2.5% และรายงานใบอนุญาตก่อสร้างบ้านของสหรัฐฯ เดือน ม.ค. คาดว่าจะรายงานออกมาที่ 1.47 ล้าน จากช่วงก่อนหน้าที่ 1.48 ล้าน
มุมมองการลงทุน INVX :
คาดตลาดสินทรัพย์เสี่ยงในสัปดาห์นี้มีโอกาสฟื้นตัวต่อท่ามกลางความผันผวน หลังนักลงทุนในตลาดซึมซับข่าวประเด็นการขึ้นภาษีของทรัมป์ไปบางส่วน
ประกอบกับทิศทางการรายงาน FOMC minute ที่จะออกมานั้น อาจจะไม่ได้แตกต่างไปจากการแถลงของพาวเวลล์ต่อหน้าคองเกรสเท่าใดนัก ในขณะที่ประเด็นการเจรจาสันติภาพระหว่างสหรัฐฯ-ยูเครน-รัสเซีย จะเป็นตัวแปรหลักต่อราคาทองคำในสัปดาห์นี้
สำหรับนักลงทุนระยะกลางถึงยาว (6 - 12 เดือนขึ้นไป) ทาง INVX ยังคงแนะนำทยอยสะสมการลงทุนตลาดหุ้นเวียดนาม ตลอดจนหุ้นขนาดเล็กและกลุ่มการเงินสหรัฐฯ หลังผลการเลือกตั้งได้ข้อสรุป
โดย INVX มองในระยะอีก 1 ปี ต่อจากนี้นโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์จะเน้นประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก จึงทำให้หุ้นสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะเติบโตได้เยอะกว่าประเทศอื่นๆ
อ้างอิง : บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) , กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์
You might be intertested in this news.
Mostview
เจาะเบื้องลึก สนามบินเตโช ความภาคภูมิใจของกัมพูชา
เจาะเบื้องลึก สนามบินเตโช ความภาคภูมิใจของกัมพูชา (PART1)
อีนางคำดวง อาชีพ “นายฮ้อย” กับเรื่องจริงการค้าควาย สมัย ร.5
จากละคร สู่เรื่องจริง อาชีพ "นายฮ้อย" และการค้าขายควาย ในสมัย ร.5 สาเหตุที่เฟื่องฟู กับปัญหาการขโมยและปล้นควาย...
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(23ก.ย.68) หาจังหวะขายทํากำไร
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(23ก.ย.68) หาจังหวะขายทํากำไร
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(24ก.ย.68) ทยอยซื้อสะสม
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(24ก.ย.68) ทยอยซื้อสะสม
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(22ก.ย.68) หาจังหวะขายทํากําไร
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(22ก.ย.68) หาจังหวะขายทํากําไร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
