สรุปดราม่า ไฮโซ ให้ดารา ยืมของหรู 5 รายการ กว่า 60 ล้านไม่ได้คืน จุดเริ่มจากความรักและไว้ใจ ดิวยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ปัดซื้อเวลา เพราะเคยมีหวังว่าจะมีคนมาช่วย ชี้สาเหตุชีวิตพังเพราะธุรกิจและใช้เงินเกินตัว...

วันนี้ 19 มี.ค. ในรายการโหนกระแส เมย์ วาสนา อินทะแสง ไฮโซสาว ได้มาออกรายการโหนกระแส พร้อมเล่าที่มาที่ไปถึงเรื่องราวกับ “ดิว อริสรา” ที่ได้มีการยืมของ 5 รายการ รวมมูลค่า 62 ล้านบาท แล้วไม่ยอมคืน

โดยเมย์ เล่าว่า เธอรู้จักดิว เมื่อ 2 ปีก่อน ในฐานะลูกค้าคนหนึ่งที่สั่งผลิตสินค้า เขาติดต่อเราคนเดียว แต่มารู้ทีหลังว่าเขามีพาทเนอร์ เขาเป็นลูกค้า จ้างให้บริษัทเราผลิตสินค้า มัดจำ 22 ล้าน โอนมา 2 ครั้ง โอนมาในนามบริษัท ภายหลังมาทราบบริษัทที่ดิวลงทุน เป็นของพาทเนอร์ลงทุน 100% ไม่ใช่เงินของดิว 
 
ประเด็นยืมเกิดขึ้น 6 สค. 2567 ดิวโทรไลน์มาบอกว่าเดือดร้อน ติดหนี้ "ซุง ศตาวิน" 20 ล้าน บอกว่าถ้าไม่ได้คืน จะเดือดร้อนจะโดนแฉ เพราะมีสัญญากู้ยืมเงิน ถามเขาว่าไม่ยืมสามีเหรอ ตัวเองไม่มีเหรอ เขาบอกว่ายืมแค่ 20 วัน ซึ่งในทางปฏิบัติเป็นไปไม่ได้ เพราะยังติดหนี้บริษัทอยู่เลย เพราะเงินจ่ายบริษัท ต่อ บริษัท มันเป็นไปไม่ได้ 
 
จากนั้นเขาเลยถามว่าพอมีให้ยืมไหม 20 วัน

“พูดแบบนี้ไม่กลัวโดนฟ้องเหรอ?” หนุ่มกรรชัยถาม

เมย์เลยตอบว่า มันถึงจุดมาแล้ว อยากให้ทุกอย่างจบ แค่อยากได้ของคืน เคยตั้งใจว่าจะไม่ให้ใครยืมเงิน เขาถามว่ามีอย่างอื่นให้ยืมไหม ก็ถามเขาว่าแล้วของดิวละ เขาบอกว่า บอกสามีไม่ได้ เขาท้องลูกคนที่ 2 อยู่เครียดมาก กลัวจะแท้ง เราก็คิดว่าถ้ายืมของก็น่าจะได้คืนกว่า คือดิว รู้จักกัน เห็นบ้าน เห็นของที่เขาใช้ อย่างน้อยแย่ๆ เขาก็ขอสามีมาคืน คือต้นทุนทางสังคมเขาดีมาก เห็นเขาใช้ชีวิตมาแบบนี้ มั่นใจว่าเขาไม่น่าจะกล้าเสียชื่อเสียง 

เขาบอกว่า ของที่ยืมไป จะเอาไปให้พี่คนนึงที่น่าเชื่อถือมากๆ ที่รู้จักกับซุง เป็นผู้ใหญ่ ของพี่เมย์จะฝากไว้ที่พี่คนนี้เป็นอย่างดี เราบอกว่าอย่าไปเก็บที่ซุงนะ ไม่งั้นจะไม่ได้คืน ซึ่งเขายืนยันว่าของอยู่ที่พี่คนนี้เพื่อเป็นการค้ำประกันกับซุง ซึ่งให้ของกับดิว ครั้งแรกเป็นกระเป๋า 2 ใบ กับสร้อยบูการี 15 ล้าน จากนั้นเป็นสร้อยโลตัส 26 ล้าน ซึ่งได้จากการประมูลมาชิ้นเดียวในโลก สุดท้ายเป็นนาฬิกา ราคา 13 ล้านกว่า เขาบอกว่าซุงไม่ยอม เพราะราคาไม่พอ คือเราจะช่วยก็ช่วยให้พ้น เพราะเราเคยอยู่ในจุดที่ลำบาก เคยไปโรงรับจำนำ ก็เลยเพิ่มของให้เขา ในระยะเวลา 2 วัน 

เมย์ย้ำว่า สร้อยของเธอเด่นมาก ถ้าหลุดไปรู้เลยว่าเป็นของใคร และจะเกิดคำครหา เราย้ำว่า ห้ามเอาของพี่ไปจำนำ และขายเด็ดขาดนะ ซึ่งมันมีข่าวแบบนั้น จนเมย์เสียภาพลักษณ์ จนถึงบริษัท และโดนเรียกสอบหมดเลย คนที่รู้จักเราจริงๆเราเป็นแบบนั้น เราซีเรียสเรื่องเครดิต พร้อมกับเปิดแชท

อย่างไรก็ตาม หลังให้ ยืม 20 วัน ก็ไม่ได้คืน จนตามของคืน เขาบอกว่ายังไม่ได้เงิน เลยยังไม่ได้ไปเอาของคืน คือเราตามได้ก็ตามเรื่อยๆ จนถึงเดือนมกราคม จนมาเอ๊ะใจตอนข่าวเลขาคดีโกงเงิน เลยมาเอ๊ะน้องมีปัญหาการเงินรุนแรงด้วยหรือ ซึ่งเราเตรียมข้อมูลเพื่อแจ้งความ ลงบันทึกประจำวันไว้ และถามตรงๆว่าเริ่มมีผู้เสียหายมา ของพี่จะได้คืนไหม จนเขายอมรับว่าเขาเอาของเราไปจำนำ 

 
ตอนแรกได้ยินมาจากรุ่นน้องว่าของโดนเอาไปจำนำ จึงถามเขา เขาบอกเราตรงๆว่าไปจำนำกี่แห่ง แต่ไม่บอกว่าที่ไหน จนเราจี้ถาม จนถึงวันนี้ก็ยังไม่บอก จนถึงวันที่ 24 ยอมรับว่าไปเอามาจริงๆ ให้เราไปเอาของคืน แล้วเขาจะจ่ายเราเอง

“ตอนนี้มีของชิ้นนึงอยู่กับนักการเมือง ตำแหน่งนรัฐมนตรี” ทนายเมย์ที่ร่วมรายการเสริม
 
ก็ยืดเวลาให้เขาหายใจ ให้เขาแก้ปัญหา ไม่ได้อยากทำลายชื่อเสียง แต่สุดท้ายก็ต้องมีเรื่อง จน 28 ก.พ. เขาบอกว่าพี่เมย์ กระเป๋า นาฬิกาจะออกมาก่อน ก็จะประวิงเวลาไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็ไม่ได้ของคืน จนเขาเสนอว่าให้เราไปเอาของคืนก่อน แล้วเขาจะเป็นหนี้เราแทน เจตนาเราอยากได้ของคืน ไม่ได้อยากได้ดอกเบี้ย ก็มีข้อบันทึกตกลงกัน แต่สุดท้ายเขาก็ทำไม่ได้ ถ้าพี่ไม่ได้คืนจริงๆพี่ก็จะสู้เอาของพี่คืน แต่เขาก็เลือกเอง เมย์ก็เลยขอคุยกับทนายก่อน เราโดนหลอกมาตั้งแต่วันแรกเลยเหรอ.. 

เมย์มีหลักฐาน ไม่ได้ให้เอาไปจำนำ มีทั้งบันทึกกล้อง มีคลิปเสียง ภาพทุกอย่าง ยืนยันไม่ได้ให้เอาไปจำนำ ไม่ได้เอาไปเปลี่ยนทรัพย์ ที่มาออกโหนกระแส เพราะอยากได้ของคืน 
 
เรื่องนี้มีหลายชื่อมากกับเรื่องนี้ มีการเอาสินค้าไปขายเร่ หลายที่ กระเป๋าเราไม่เคยใช้ด้วยซ้ำ ระหว่าง 1 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าเหมือนทำให้ตัวเองถูกทั้งหมด พยายามโน้มน้าวให้เราเป็นแบบนั้น เลยรู้สึกว่าไม่คุยดีกว่า คุยทีไรเสร็จทุกที 
 

ในเวลาต่อมา หนุ่มกรรชัย ได้โทรหาดิว และดิวได้ชี้แจงว่า ทั้งหมดที่เมย์พูด ดิวไม่ขอตอบโต้ และเรื่องทั้งหมดเกิดจากตัวดิวเอง ยอมรับผิดทุกอย่าง ไม่มีเจตนาหลอกลวง เพราะพี่เมย์ คือคนเดียวที่ช่วยดิวในเวลานั้น และรายละเอียดที่พี่เมย์ เป็นคนพูด ก็เป็นเรื่องจริง ในตอนแรก

ขอชี้แจงว่า ตอนที่ไปช่วยทางหุ้นส่วน (เมย์เริ่มร้องไห้) ดิวพูดต่อว่าเริ่มจะร้องไห้เช่นกัน ก่อนอธิบายว่า

ทางหุ้นส่วนเป็นคนออกความคิดเห็นให้ทำแบบนั้น ให้ไปลองคุยแบบนั้น โดยเมื่อพี่เมย์ทราบก็พยายามช่วย ในการพูดคุย คือ พี่เมย์พยายามช่วยเรา บอกว่า “แกคือน้องฉัน”

จริงละ ที่ไม่ได้เป็นไปตามนั้น ของถูกวางไว้บางที่ก่อนตอนแรก ซึ่งทาง “ซุง” เองต้องการเป็นเงินจริงๆ

พี่ช่วยน้องให้ไปแก้ปัญหาตัวเองจริง หนูก็เลยไปทำแบบนั้น “หนูขอโทษจริงๆ ที่ไปทำแบบนั้น”

หนุ่มกรรชัย ถามดิว ว่า ของอยู่ที่ไหน

ดิว บอกว่ายังอยู่ครบ พี่ทนายอาจเข้าใจผิด เพราะหนูไม่จำเป็นที่จะไม่บอกว่าของอยู่ที่ไหน เพราะเราเข้าใจตลอดว่า เราจะหาทางออกยังไงดี

ก่อนหน้านี้ เราคุยกันตลอด เรายังขอบคุณเขาในใจตลอด

“หนูไม่จำเป็นต้องปิดบังว่าของอยู่ไหน บางทีมองหนูเลวร้าย คุณมองว่าเราทำวัตถุประสงค์ ในมุมดิว ไม่ได้คิดแบบนั้น เพราะเราไม่มีเจตนา เพราะยังไงต้องแก้ไขปัญหาจริงๆ”

เมย์ ถามดิว ว่า พี่มั่นใจว่าดิว จะเอาของมาคืน เพราะไม่สามารถหาคนแบบเธอได้บนโลก

ดิวบอกว่า ดิวจำได้..

แต่ตอนนี้พี่เสียใจมาก และมานั่งร้องไห้ ดิวทำได้ไงว่ะ ไปบอกคนอื่นว่าเราไม่มีตังก์ ดิสเครดิตทุกอย่าง...นี่คือฟางเส้นสุดท้าย ทุกอย่างที่ช่วยและฟังมาตลอด คือ พี่โดนหลอกใช่ไหม

“ดิวพูดกับพี่เมย์เลยว่า คนเดียวที่ดิวพูดว่าเป็นของพี่เมย์ คือ ร้านนาฬิากา”

เมย์แย้งทันทีว่า เห็นแชท

ดิวบอกให้เอาแชทมาดู เพราะมันไม่ใช่

เมย์ตอบว่า เธอเชื่อดิวในเดือนมกราคม เราไปกินข้าวด้วยกัน ดิว บอกว่ามีคนพยายามปั่นให้แตกกัน

“เมย์บอกว่า เงินก็อยากได้ แต่สิ่งที่อยากได้มากกว่า คือศักดิ์ศรีของพี่..”

ดิว สรุปว่า ไม่ว่าเรื่องจะเป็นยังไง ก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่เป็น และพยายามแก้ไขปัญหา ให้ดีที่สุด ทุกครั้งที่บอกว่า “ซื้อเวลา” แต่เราไม่เคยซื้อ มีคนเคยบอกว่าจะมาช่วย เรามีความหวังทุกครั้ง สุดท้ายไม่ได้เป็นแบบนั้น กลายเป็นว่าเราแถ หรือ ซื้อเวลาไปวันๆ ทั้งที่เราพยายามในการแก้ปัญหา

กับ ซุง ตอนนี้เคลียร์จบหรือยัง หนุ่มกรรชัย ถาม “ดิว” ยืนยันว่าจบแล้ว เป็นเงิน 12.5 ล้าน กับรุ่นพี่อีก 7 ล้านกว่า

สิ่งที่เขาตาม คือ ส่วนของดอกเบี้ย “12.5 ล้าน” มีดอก 10% ซึ่งเงินที่เอามาใช้ในการทำธุรกิจหลายอย่าง ไม่ประสบความสำเร็จเลย แล้วตัวเราเอง เป็นตัวอย่างไม่ดีกับสังคม คือ การใช้เงินเกินตัว

“มันถึงจุดที่ยอมรับแล้วว่าเป็นแบบนั้น ใช้เงินเกินตัว ไม่ประมาณตัวเอง และสิ่งต่างๆ ที่ทำในชีวิต ไม่ประสบความสำเร็จ”

เรื่องทั้งหมด ปรึกษา สามีหรือไม่ ดิวตอบ ว่าไม่ได้ปรึกษา และเขาไม่ได้มารับรู้ หนูรู้สึกว่า หนูก็ต้องมีแค่ตัวหนู เราก่อปัญหาก็ต้องแก้ไข เมื่อสามีรับรู้ เขาก็มีระบบครอบครัวเขา สิ่งที่เราคาดหวังเขาอย่างเดียว คือ ขอให้รักและดูแลลูกอย่างดี

แล้วกับดิว...ไม่ได้ขอรักและดูแลดิวอย่างดี ดิวตอบว่า เราจะไปบอกเขายังไง เมื่อมันเป็นแบบนี้ ก็ต้องยอมรับ เราจะไปบอกให้เขา ว่าเอาตังก์มาให้หนูเถอะ...แบบนี้เหรอ เราคาดหวังให้เขาดูแลลูกอย่างดี

หลังจากนี้ จะเอาไง คืนของอย่างไร

ดิวบอกว่า พยายามแก้ไขอยู่ ตอนแรก มีคนแนะนำให้เรารับสภาพหนี้ และให้พี่เมย์ แล้วพี่เมย์เอาของคืนมา ซึ่งเจตจำนงต์เราไม่โกง เราสาบานเลย

หนุ่ม ถามดิวว่า หากวันนี้เมย์ต้องการดำเนินคดี และดิวจะตกเป็นผู้ต้องหา ทางร้านอาจเข้าข่ายรับซื้อของโจร เพื่อให้ของกลับมาทางเมย์อย่าง 100% ดิวจะรับได้ไหม เพื่อให้ดิวไปเป็นหนี้กับทางร้านเอง

“ดิวโอเค หมายความว่าหนูมีความผิดจริงใช่ไหม”
หนุ่มกรรชัย บอก 100% หากมีการแจ้งความ ก็จะเป็นแบบนั้น

“ถ้าสุดท้ายต้องเป็นแบบนั้น หนูก็ต้องทำเต็มที่ ดิวก็ต้องทำเต็มที่”

ถ้าทุกอย่างเป็นอย่างที่พูดจริงๆ ก็แค่เรียกทั้ง 4 คนมาคุยกัน แล้วให้ดิวเซ็นรับสภาพหนี้

เมย์ยืนยันว่า วิธีการนี้ดีที่สุดแล้ว เพราะทุกฝ่ายก็ไม่อยากควักเงินตัวเองออกมา แล้วการที่จะให้พี่ควักเงินก้อนสุดท้ายมาช่วยนั้น เป็นสิ่งที่พี่ทำไม่ได้จริงๆ

หนุ่มกรรชัย สรุปทางออกให้ 2 ทาง

1.ทางร้านเอาของมาคืนเมย์ และ ให้ดิวรับสภาพหนี้ (แบบนี้ไม่มีคดี)
2.ดำเนินคดีกับดิว และ ดำเนินคดีกับทางร้านในข้อหารับของโจร

ทั้งนี้ ทางออกของเรื่องนี้ ดิว ขอประสานคุยหลังไมค์ และมีการติดต่อร้านไว้แล้ว

กรรชัย ถามถึงของชิ้นหนึ่ง อยู่กับรัฐมนตรีจริงหรือไม่ ดิวยอมรับว่า ฝากผู้ใหญ่ท่านหนึ่งไป สามารถประสานไปที่ผู้ใหญ่คนนั้นได้

กรรชัย ตอบว่า การเป็นรัฐมนตรี ก็เสียผู้เสียคนได้นะครับ...

“ตอนนี้ดิวอยู่ที่ไหน..”กรรชัยถาม

ดิวตอบว่า ตอนนี้อยู่ไต้หวัน พรุ่งนี้ทนายดิว จะเข้าไปกองปราบ หลังจากนั้นดิวถึงไทย ก็จะเข้าไปชี้แจงทันที...