สรุปดราม่า “ทราย สก๊อต” หรือ นายสิรณัฐ ภิรมย์ภักดี หนุ่มลูกครึ่งไทย-สก็อตแลนท์ กับเรื่องราวที่ถูกถึง และยกเลิกตำแหน่ง ที่ปรึกษา อธิบดีกรมอุทยานฯ ข้อสังเกตต่างๆ ที่อาจเป็นชนวนเหตุ ที่มาจาก การรักทะเลมากจนเกินไป จนอาจจะเป็น “ล้ำเส้น” ใครหรือไม่…?

“ทราย สก๊อต” หรือ นายสิรณัฐ สก๊อต หนุ่มลูกครึ่งไทย-สก็อตแลนท์ อายุ 26 ปี ทายาทรุ่นที่ 4 ของ “สิงห์ คอร์เปอเรชัน” หลานของ “จำนงค์ ภิรมย์ภักดี ประธานเครือบุญรอดบริเวรี่

กำลังกลายเป็นคนที่ถูกจับตามองจากสังคม หลังจากเขาได้เข้าไปทำหน้าที่ “ที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เมื่อช่วงปีที่ผ่านมา

บทบาทของทรายสก๊อต คือ “ชาย ผู้รักทะเล” จริงจังกับทุกปัญหา ตั้งแต่ปัญหาเล็กๆ ความไม่เป็นเรียบร้อยของนักท่องเที่ยว จนงานใหญ่ กลายเป็นปัญหา “ไม่ลงรอย” กับ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวบางกลุ่ม

ก้าวย่างสู่ท้องทะเล กับ ฉายา อควาแมนเมืองไทย

ทราย สก๊อต เริ่มต้นเส้นทางอนุรักษ์ ตั้งแต่อายุ 20 ปี ผ่านโครงการ “Sea You Strong” ที่ก่อตั้งด้วยทุนส่วนตัว เพื่อชวนชุมชนในภาคใต้ร่วมกันเก็บขยะชายหาด

ในปี 2565 เขาถูกขนาดนามว่า “อควาแมนเมืองไทย”  เมื่อเขาว่ายน้ำเดี่ยวข้ามทะเลจากอ่าวนางถึงเกาะปอดะ และว่ายกลับรวมระยะทางเกือบ 30 กิโลเมตร ใช้เวลา 6 ชั่วโมง เพื่อแสดงออกถึงความรักต่อทะเลอย่างแท้จริง

ในปี 2567  ทรายได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

นอกจากเขาทำงานเบื้องหลัง เขายังใช้พื้นทีโซเชียล เป็นกระบอกเสียงสะท้อนปัญหาด้านการอนุรักษ์สิงแวดล้อมด้วย

เขาเคยอัดคลิป บอกเล่าปัญหาเรื่อง “ค่าครองชีพ” ของเจ้าหน้าที่กรมอุทยาน ว่ามีรายได้น้อย ไม่เพียงพอในการจุลเจือครอบครัว ไม่มีหลักประกันชีวิต และต้องเสี่ยงอันตราย

เรื่องนี้ ถามว่าเป็นเรื่องใหม่หรือเปล่า คำตอบ คือ ไม่ใช่ เพราะใครๆ ก็ต่างรู้ดีอยู่แล้ว ไม่ว่าอธิบดีฯ คนไหน มาก็พูดเรื่องนี้

แต่สิ่งที่ทำให้เกิด “ตะกอนความไม่พอใจ” นั้นไม่ใช่เรื่อง “ล่าสุด” ที่มีการพูดถึงคล้ายกับท้าทายให้อธิบดีมาคุยกันสองต่อสอง

สาเหตุ สังเกตได้ ว่า อาจะมาจาก “ปัญหาสะสม” จากเหตุการณ์หลายๆ ครั้ง ที่ “ทราย สก๊อต” สวมหมวกหน้าที่ในฐานะ “ที่ปรึกษา” อธิบดีกรมอุทยานฯ

ทราย สก๊อต ถ่ายคลิป สะท้อนปัญหา ความไม่เข้มงวดของอุทยานแห่งชาติบางแห่ง ที่ส่งผลร้ายต่อประการังใต้ทะเล หรือ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวบางรายฝ่าฝืนกฎระเบียบ ให้นักท่องเที่ยวดื่ม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บนเรือท่องเที่ยว

หรือถ้าหนักหน่วงหน่อย ก็คือการปล่อยให้มีการเสพกัญชา การปล่อยให้กลุ่มนักท่องเที่ยว ดำน้ำให้อาหารเต่าทะเล หรือแม้แต่เรือหางยาว พื้นที่บ้านทิ้งสมอกระทบกับประการัง

ความเอาจริงเอาจัง ของ “ทราย สก๊อต” จากบทบาทหน้าที่ตรงนี้ “อาจจะ” เป็นกลายเป็นไปทับเส้นใครบางคน กลุ่มคนกลุ่ม

เมื่อสะสมรวมกัน จึงอาจทำให้เกิดระเบิดขึ้นในวันนี้

แน่นอนว่า มีเสียงชื่นชม ไม่ว่าจะมาจากบทบาทหน้าที่ รูปร่างหน้าตา หรือ ชาติตระกูล

ก็ย่อมมีเสียงกร่นด่า ด่าจากสิ่งที่ทำถูกต้อง แต่ไม่ถูกใจ ทำสิ่งที่ถูกต้อง จากคนที่มีหน้าที่ แต่กลับละเลย...

การทำงานใน “ราชการ” ก็ไม่ได้แตกต่างจากการทำงาน “บริษัทเอกชน” หรอก

เพียงแต่ หลายคนมอง “ขยัน” บางคนมอง “เอาหน้า” ในขณะที่ผู้ใหญ่บางคน ก็อาจจะมองว่า “ทำเกินหน้าที่”

ทราย สก๊อต ซึ่งวันนี้ กลายเป็น “อดีตที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ที่ผ่านมา เคยถูกฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาท ในประเด็นเรื่อง “คลิปเต่าทะเล” ซึ่งถูกบริษัท เจ้าของเรือฟ้อง

“ผมไม่เคยล้ำเส้นทุกอย่างมันมีกฎ ผมแค่ทำทุกอย่างถูกต้อง เพราะผมชอบความสมบูรณ์แบบ ผมไม่ได้เอาแต่ใจ ระบบมันดีอยู่แล้ว คุณแค่ไม่ใช้มัน ถ้าเจอเหตุการณ์แบบในคลิปหนีห่าวอีก ผมก็จะทำแบบเดิม หรืออาจมากกว่าเดิม

ผมไม่อยากเป็นไม้กันหมา ที่แค่รับรายงานจากชาวบ้านว่าต้องการได้รับความช่วยเหลืออะไร รายงานไปก็ไม่ได้รับการแก้ไข กลายเป็นว่าถูกตำหนิจากทั้งเจ้าหน้าที่และคนในพื้นที่

ปะการังมันไม่เหลืออะไรเลย 80% มันตายหมด ถ้าเขารักทะเลจริงมันจะไม่เป็นแบบนี้ เขาอยู่ในพื้นที่มานานกว่าผม ผมเพิ่งเกิดมาเกือบ 30 ปี เขาอยู่มา 60 ปี แล้วทำไมเรื่องที่ผมพูดมันเหมือนเป็นเรื่องใหม่สำหรับเขา ในเมื่ออุทยานมันอยู่มาก่อนที่ผมเกิดด้วยซ้ำ เรื่องที่ผมพูดมันไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่คนที่อยู่สมควรรู้อยู่แล้ว

ส่วนกรณี ว่า “ทราย” เป็นคนเรื่องเยอะ ไม่กินอาหารทะเล ต้องดื่มน้ำแร่

เรื่องอาหารทะเล ทรายยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง

“ที่ไม่กินอาหารทะเล เพราะว่าสัตว์ทะเลเป็นสิ่งที่ผมรัก ผมเลยไม่อยากไปทำร้ายเขา เวลาลงพื้นที่ผมจะกินแค่ผัดผัก ไข่ต้ม และซอสแม็กกี้ ส่วนเรื่องดื่มน้ำแร่ไม่เป็นความจริง ทางอุทยานฯ มีรังน้ำเตรียมไว้ให้แล้ว และการดื่มน้ำแร่ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เป็นการสร้างคาร์บอนให้กับธรรมชาจิ ผมจะดื่มไปทำไม”

ซึ่งคำพูดนี้ ทราย สก๊อต ให้สัมภาษณ์ใน รายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ

ขณะที่ ทางอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายอรรถพล เจริญชันษา ระบุสาเหตุที่ต้องยกเลิกตำแหน่งที่ปรึกษากับ “ทราย สก๊อต” เพราะ

เดิมทีไม่คิดที่จะปลดทรายออกจากการเป็นที่ปรึกษา เพราะเห็นว่าเป็นคนมีความตั้งใจในการทำงานและเป็นคนรุ่นใหม่ ที่จะเข้ามาช่วยอุทยานทำงานได้ดี แต่ควรปรับปรุงในเรื่องวิธีการทำงาน

เขาได้เครดิตเพราะกรมอุทยานให้โอกาสทำงาน แต่มีพฤติกรรมแบบนี้เหมือนไม่ให้เกียรติกัน ผมให้สำนักอุทยานสรุปเรื่องทั้งหมดมา เสนอเรื่องพิจารณายกเลิกคำสั่งที่ปรึกษา ด้วยมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมตักเตือนแล้วไม่ยอมรับแก้ไข