แฟนหนุ่มของคู่กรณี “แสตมป์ อภิวัชร์” ซึ่งมาร่วมรายการโหนกระแสวันนี้ (20ม.ค.68) ได้ชี้แจงในประเด็นความสัมพันธ์อื้อฉาวที่เกิดขึ้น โดยยืนยันว่า แฟนสาวซึ่งคบหากับตนเองมาตั้งแต่ปี 2021 ไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับนักร้องชื่อดังแต่อย่างใด

นอกจากนี้ “แสตมป์ อภิวัชร์” ยังเป็นฝ่ายที่พยายามติดต่อหรือแม้กระทั่งชวนแฟนสาวของตนเองไปร่วมงานด้วยในฐานสไตล์ลิสต์ส่วนตัว ซึ่งประเด็นนี้เองน่าจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ ภรรยาของแสตมป์ อภิวัชร์ เกิดความเข้าใจผิดว่าทั้งคู่กำลังจะมีความสัมพันธ์ที่เกินเลยไป

ที่ผ่านส่วนตัวยอมรับว่า “ประเด็นข้อครหาเรื่องชู้สาว” ที่เกิดขึ้น ทำให้ตนเองและแฟนสาวเคยทะเลาะกันมาแล้วมากกว่า 50 ครั้ง แต่ในที่สุดตนเอง ก็เลือกที่จะเชื่อใจคนรักมากกว่า

ทั้งนี้ แฟนหนุ่มของคู่กรณี “แสตมป์ อภิวัชร์” ยังยอมรับด้วยว่า ประเด็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เป็นเหตุให้เคยเกิดการมีปากเสียงอย่างรุนแรง ระหว่างแฟนสาวและภรรยาของนักร้องชื่อดัง ในเทศกาลดนตรีเมื่อปี 2566 จริง รวมถึง ตนเอง ยังเคยโพสต์ข้อความบนโชเชียลมีเดีย เพื่อต่อว่าทั้ง “แสตมป์ อภิวัชร์และภรรยา” ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง เพราะไม่อาจทนรับแรงกดดันจากประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้จริงเช่นกัน

นอกจากนี้ ฝ่ายสาวคู่กรณีของ “แสตมป์ อภิวัชร์” ยังได้โฟนอินเข้ามาในรายการ “โดยย้ำว่า ไม่เคยมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับนักร้องชื่อดังอีกด้วย”

ด้าน “แสตมป์ อภิวัชร์” ศิลปินและนักร้องชื่อดัง ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น กล่าวยอมรับต่อหน้าภรรยาผ่านรายการโหนกระแส โดยระบุว่า ขอโทษและยอมรับผิดประเด็นเรื่องการนอกใจภรรยา จากการที่เคยไปคบหาฉันท์ชู้สาวกับคู่กรณีหญิงคนหนึ่ง

อย่างไรก็ดี หลังเหตุการณ์ผ่านพ้นไปได้ปีกว่าๆ และสามารถทำความเข้าใจกับภรรยาได้แล้วปัจจุบันทั้งตนเองและภรรยา กำลังกลับมาเริ่มต้นสร้างชีวิตครอบครัวกันใหม่จึงอยากที่จะจบความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทั้งหมดกับฝ่ายคู่กรณี

สำหรับสาเหตุที่ทำให้ตนเอง ต้องออกมาพูดเรื่องราวต่างๆบนเวทีการแสดงคอนเสิร์ตอีกเป็นครั้งที่ 2 จนกระทั่งทำให้เรื่องราวนี้ กลายเป็นประเด็นอื้อฉาว รวมถึงได้ไปส่งผลกระทบต่อบรรดาศิลปินต่างๆมากมายนั้น เป็นเพราะฝ่ายคู่กรณีสาว ไม่ยอมทำตามที่ได้เคยรับปากกับภรรยาของตนเอาไว้ว่า จะไปแก้ไขเรื่องความเข้าใจผิดต่างๆที่ได้เคยทำมาก่อนหน้านี้...

ในทำนองที่ว่า ภรรยาตนเองเข้าใจผิดไปเองในเรื่องที่เกิดขึ้น อีกทั้งตนเองยังเป็นฝ่ายที่เข้าหาคู่กรณีฝ่ายหญิง รวมถึงไม่เคยมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกันมาก่อน จนกระทั่งทำให้คนรอบข้างเกิดความเข้าใจผิดกับภรรยา ทั้งๆที่เรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องจริง

ส่วนการที่ แฟนหนุ่มของสาวคู่กรณี ออกมายืนกรานว่า ฝ่ายหญิงไม่เคยมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับตนเองมาก่อนนั้น “ภรรยาของแสตมป์ อภิวัชร์” กล่าวว่า ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะฝ่ายชายไม่ได้ไปรับฟังวันที่มีการพิจารณาคดีฟ้องชู้ จนกระทั่งอาจไม่ทราบข้อเท็จจริง ที่ว่าในวันนั้น มีการขอประนีประนอมไกล่เกลี่ย จนกระทั่งมีการลดค่าเสียหายจาก 10 ล้านบาท เหลือเพียง 1 ล้านบาทและให้ผ่อนชำระเป็นรายเดือน

แต่มีข้อแม้ว่า…ฝ่ายหญิงจะต้องไปยอมรับเรื่องความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับแสตมป์ เพื่อไม่ให้บุคคลในวงการบันเทิงต่างๆ เกิดความเข้าใจผิดกับตนเอง ดังที่ก่อนหน้านี้ฝ่ายหญิงพยายามปฏิเสธเรื่องนี้มาโดยตลอด

สำหรับการตั้งข้อสังเกตจากแฟนหนุ่มฝ่ายหญิงที่ว่า หากฝ่ายหญิงมีพฤติกรรมคุกคาม “แสตมป์และภรรยา” อยู่เป็นประจำ จนกระทั่งทำให้เกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัย แล้วเหตุใดจึงให้ คู่กรณีสาวไปทำงานเป็นสไตล์ลิสต์ส่วนตัวในช่วงเวลาหนึ่งนั้น

“แสตมป์ อภิวัชร์” ยอมรับว่า ตนเองอุปโลกตำแหน่งนี้ขึ้นมา เพื่อเปิดทางให้ คู่กรณีสาวสามารถเข้ามาใกล้ชิด เพื่อสานสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาว และปกปิดเรื่องนี้ไม่ให้ภรรยารู้ความจริง

ด้านประเด็นเรื่องการคุกคามข่มขู่ว่าจะมีการฟ้องร้องมาตรา 112 นั้น “แสตมป์ อภิวัชร์” ยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริง จนกระทั่งทำให้ตนเองรู้สึกหวาดกลัว และยอมถอนฟ้องคู่กรณีสาวถึง 2 คดี ยกเว้น “คดีฟ้องชู้” ที่ภรรยาของตนเองยืนยันว่า จะเดินหน้าฟ้องร้องต่อไป

สำหรับประเด็นในเรื่องที่ถูกมองว่า กำลังพยายามกีดกันให้อีกฝ่ายไม่สามารถทำงานในวงการบันเทิงได้ต่อไปนั้น “แสตมป์ อภิวัชร์” ชี้แจงว่า ตนเองเพียงแค่อยากสื่อสารให้กับทุกฝ่ายได้รับทราบว่า ฝ่ายตนเองและคู่กรณีไม่สามารถร่วมงานกันได้อีกต่อไปแล้ว

เพราะก่อนหน้านี้ เคยเกิดเหตุการณ์ปะทะกันอย่างรุนแรงมาแล้วถึง 2 ครั้ง จนกระทั่งทำให้ตนเองและภรรยารู้สึกไม่ปลอดภัย จึงได้สื่อสารออกไปว่า จะไม่ขอรับงานใดๆที่มีฝ่ายคู่กรณีเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อความปลอดภัยของภรรยา โดยเฉพาะกรณีการแอบอัดเสียงการสนทนา ซึ่งฝ่ายตนเชื่อว่าอาจจะถูกนำไปใช้ในการต่อสู้คดี

ทั้งนี้ “แสตมป์ อภิวัชร์” ยอมรับว่า เริ่มติดต่อกับคู่กรณีหญิงตั้งแต่ปี 2020 และเริ่มพูดคุยกันอย่างจริงจังในช่วงปี 2022 พร้อมกันนี้ นักร้องชื่อดัง ยังระบุถึงสาเหตุที่ยอมเอาชื่อเสียงเข้าแลก เพื่อพิสูจน์ความจริงให้กับภรรยาด้วยว่า…

“ที่ผ่านมาภรรยา ต้องเจ็บปวดและถูกทำให้เข้าใจผิด จากการกระทำของผมและคู่กรณีมากมาพอแล้ว ผมจึงต้องออกมาเคลียร์ความบริสุทธิ์ให้กับภรรยา”

และเมื่อถูกถามว่า “มีข้อพิสูจน์หรือไม่ว่า ความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับคู่กรณีเป็นเรื่องจริง?” นักร้องหนุ่มระบุว่า…

“ภรรยาของผมมีหลักฐานไม่ว่าจะเป็นแชทการพูดคุยและรูป ที่ยืนยันเรื่องความสัมพันธ์ที่ว่านี้ได้มากกว่า 500 หน้า ซึ่งผมจะมาพูดว่า ผมเป็นชู้กับคนอื่นไปเรื่อยๆแบบนี้ทำไมกัน ที่ผมต้องเอาชื่อเสียงเข้าแลก ก็เพื่อให้ นิว (ภรรยา) เป็นผู้บริสุทธิ์ และสามารถใช้ชีวิตไปได้ โดยไม่ให้ใครมองว่าเขาไม่ดีอีกต่อไปแล้ว

คือ ผมยอมรับว่าผมเคยหลงเขา (คู่กรณีสาว) และเคยคิดไม่ดีกับภรรยา และเคยพิมพ์ข้อความที่ไม่ดีกับภรรยาของผม ดังที่ปรากฏในโชเชียลมีเดียในช่วงเวลาหนึ่งจริงๆ

แต่ว่าตอนนี้ ผมกลับมาทำความเข้าใจกับภรรยาได้แล้ว ฉะนั้นจากนี้ไป ผมจะต้องทำตัวเองให้ดี ดังนั้น ผมก็เลยอยากจะเอาตัวเข้าแลก เพื่อเคลียร์ความเข้าใจผิดต่างๆที่เกิดขึ้นกับภรรยา ที่ส่วนหนึ่งเกิดจากตัวผมและคู่กรณี เพื่อให้ทุกคนเห็นว่าภรรยาของผมเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะเขาถูกกระทำจากผมและคู่กรณีมามากแล้ว”

สำหรับประเด็นอนาคตในวงการบันเทิงหลังจากเกิดเรื่องอื้อฉาวนี้ขึ้น “แสตมป์ อภิวัชร์” ยอมรับว่า…

“เมื่อเช้าตื่นมาคิดว่าน่าจะจบแล้ว เพราะปัจจุบันงานแสดงต่างๆถูกยกเลิกทั้งหมด จากเรื่องราวที่เกิดขึ้น รวมถึงการที่ก่อนหน้านี้ ผมอาจจะพูดไม่ชัดเจนเรื่องประเด็นการนอกใจภรรยา จนส่งผลกระทบต่อศิลปินคนอื่นๆ”