วันศุกร์, ธันวาคม 19, 2568

กรุงไทยแนะจับตาสงครามการค้าโลก ชี้ค่าแรงที่สูงขึ้น ส่อกระทบธุรกิจกุ้งไทยปี 68-69

by Trust News, 2 พฤษภาคม 2568

Krungthai COMPASS แนะผู้ประกอบการกุ้งของไทย จับตาการค้าโลกหลังสหรัฐฯเก็บภาษีนำเข้า 10% ขณะที่ เสี่ยงกดดันให้นำเข้ากุ้งจากสหรัฐฯ รวมทั้งผลกระทบจากค่าแรงที่เพิ่มเป็น 400 บาท พาต้นทุนเพิ่ม แนะทางออกต้องยกระดับให้อุตสาหกรรมยั่งยืนผ่านแนวคิด S-H-R-I-M-P

ในปี 2567 ปริมาณและมูลค่าการส่งออกสินค้ากุ้งของไทยอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนในปี 2568-2569 กรณีสหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าพื้นฐานที่ 10% คาดว่า มูลค่าการส่งออกสินค้ากุ้งของไทยมีแนวโน้มอยู่ที่ 1,116 และ 1,073 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือลดลง -9.4%YoY และ -3.9%YoY ตามลำดับ ซึ่งต่ำกว่าระดับที่ไทยเคยส่งออกได้สูงสุดในปี 2554 ราว 70%

โดยปัจจัยกดดันหลักมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าหลักอย่างสหรัฐฯ และจีน อาจส่งผลให้กำลังซื้อและความต้องการนำเข้าสินค้ากุ้งมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากกุ้งเป็นสินค้าที่มีราคาสูงเมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์ทั่วไป ประกอบกับปัญหาเชิงโครงสร้างที่ทำให้ไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน อีกทั้งยังมีความเสี่ยงเพิ่มเติมจากมาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ซึ่งจะกดดันต่อการส่งออกสินค้ากุ้งไทยที่พึ่งพาการส่งออกไปสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 25%

ขณะที่ ไทยสูญเสียส่วนแบ่งตลาดกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งและกุ้งแปรรูปในสหรัฐฯ และจีนมากที่สุด สะท้อนจากส่วนแบ่งตลาดกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งของไทยในสหรัฐฯ และจีนลดลงจาก 25% และ 18% ตามลำดับ ในปี 2554 เหลือเพียง 2% และ 5% ตามลำดับ ในปี 2567 โดยไทยสูญเสียส่วนแบ่งตลาดกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งให้แก่คู่แข่งอย่างเอกวาดอร์และอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตกุ้งรายใหญ่ของโลกและมีความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตที่ต่ำ ทำให้ไทยแข่งขันด้านราคาได้ยาก

ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดกุ้งแปรรูปของไทยในสหรัฐฯ และจีนลดลงจาก 60% และ 82% ตามลำดับ ในปี 2554 เหลือเพียง 13% และ 38% ตามลำดับ ในปี 2567 โดยไทยสูญเสียส่วนแบ่งตลาดกุ้งแปรรูปให้แก่คู่แข่งอย่างเวียดนามที่มีความได้เปรียบด้านต้นทุนแรงงานและต้นทุนการขนส่งไปจีนที่ต่ำกว่าไทย

นอกจากนี้ กรณีสินค้ากุ้งไทยถูกสหรัฐฯ จัดเก็บภาษีพื้นฐาน 10% ในเดือน เม.ย.-มิ.ย. 2568 และอาจถูกปรับขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้เป็น 36% ในเดือน ก.ค.-ธ.ค. 2568 คาดว่าจะทำให้ผู้ส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งและกุ้งแปรรูปของไทยไปสหรัฐฯ ในปี 2568 มีต้นทุนภาษีเพิ่มขึ้นรวม 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1.6 พันล้านบาท ซึ่งขึ้นอยู่กับการเจรจาระหว่างผู้ส่งออกไทยกับผู้นำเข้าสินค้ากุ้งในสหรัฐฯ รวมทั้งอาจมีความเสี่ยงที่ไทยจะถูกกดดันให้เปิดตลาดนำเข้าสินค้ากุ้งจากสหรัฐฯ มากขึ้น นอกจากนี้ หากภาครัฐของไทยปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศเป็น 400 บาทต่อวัน คาดว่าจะทำให้ต้นทุนแรงงานเฉลี่ยของธุรกิจกุ้งไทยเพิ่มขึ้นราว 5% ซึ่งกดดันให้กำไรขั้นต้นของผู้ประกอบการลดลงราว 3%

นางสาวสุคนธ์ทิพย์ ชัยสายัณห์ นักวิเคราะห์ Krungthai COMPASS บมจ.ธนาคารกรุงไทย แนะนำว่า การยกระดับอุตสาหกรรมกุ้งไทยอย่างยั่งยืนควรใช้แนวคิด S-H-R-I-M-P ได้แก่ S-Sustainability ผลิตสินค้ากุ้งที่ยั่งยืน H-High quality ควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยให้ได้ตามมาตรฐานสากล R-Research and development วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง I-Innovation ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย M-Market distribution ขยายการส่งออกกุ้งไปตลาดศักยภาพ และ P-Partnership ส่งเสริมความร่วมมือกันทั้ง Ecosystem.


You might be intertested in this news.

Mostview

ถอดรหัส ข้าคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จริงหรือ? ต้องได้เป็นตัวจริงเท่านั้น

ถอดรหัส ข้าคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จริงหรือ? ต้องได้เป็นตัวจริงเท่านั้น

แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (17ธ.ค.68) Sideway Up เก็งกำไรในกรอบ

แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (17ธ.ค.68) Sideway Up เก็งกำไรในกรอบ

แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (18ธ.ค.68) Sideway Up รอซื้อตามแนวรับ

แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (18ธ.ค.68) Sideway Up รอซื้อตามแนวรับ

6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (17ธ.ค.68)

6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (17ธ.ค.68)

7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (18ธ.ค.68)

7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (18ธ.ค.68)

TrustNEws Line