ความแค้นของแม่ ใช้ศาลเตี้ยล้างอยุติธรรม (2541)
by Trust News, 5 พฤษภาคม 2568
เมื่อลูกชายสุดรักสุดหวงถูกปล้นฆ่า แถมหนึ่งคนร้าย พูดจาเยาะเย้ยถากถาง ผู้เป็นแม่สุดทน จึงคว้าทูตมรณะ .22 กระหน่ำยิง 5 นัด ดิ้นพล่านไปกองกับพื้น ในเขตพื้นที่ศาล ขณะที่ญาติอีกฝ่าย บอกตั้งใจมาก่อเหตุ เรื่องจริงที่เกิดขึ้น เมื่อปี 2541
ดคีแม่ระดับเศรษฐีร้อยล้านคับแค้น รัวยิงจำเลยที่ร่วมปล้นฆ่าลูกชาย กลายเป็นข่าวโด่งดัง เมื่อ ปี 2541 ถูกเปิดเผยเมื่อ เวลา 09.20 น. วันที่ 22 ต.ค. 2541 ร.ต.ท.จิระศักดิ์ ปานจันทร์ ร้อยเวร สภ.ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุเมืองพล 191 ว่า มีเหตุยิงกันที่ร้านอาหารภายในศาลจังหวัดลพบุรี จึงรานงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับ จากนั้นรวบรวมกำลังเข้าไปที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นร้านขายอาหารไม่มีชื่อ ตั้งอยู่ข้างศาลทางด้านทิศตะวันตก มีประชาชนยืนมุงดูจำนวนมาก ตำรวจจึงแหวกวงล้อม เข้าไปดู พบบริเวณโต๊ะตัวหนึ่งมีกองเลือดแดงฉาน ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.ลพบุรี ก่อนแล้วทราบชื่อต่อมาคือนายณัฐพล อายุ 19 ปี บ้านอยู่ ใน อ.เมืองนครนายก
ถูกยิงด้วยอาวุธปืนออโตเมติก ขนาด .22 เข้าลำคอ 1 นัด แก้มซ้าย 1 นัด และกลางหลังอีก 3 นัด รวม 5 นัด อาการสาหัส
ตรวจที่เกิดเหตุพบหลักฐานปลอกกระสุนปืน .22 ตกอยู่เกลื่อนจำนวน 4 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนมือปืนที่ก่อเหตุอุกอาจในครั้งนี้ ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลควบคุมตัวไว้ได้ ทราบชื่อคือนางศรีสมบัติ ภักดีวงศ์ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 190 ถนนประชาชื่น แขวงและเขตบางซื่อ กทม. พร้อมทูตมรณะขนาด .22 ซึ่งนั่งร่ำให้ปากพร่ำพรรณนาถึงเบื้องหลังการก่อเหตุอุกอาจครั้งนี้อย่างน่าเวทนา อยู่ภายในบริเวณศาล โดยเธอแต่งกาย สวมเครื่องประดับเต็มตัว นับว่ามีฐานะระดับเศรษฐินีคนหนึ่ง
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนก่อเหตุสะเทือนขวัญ นางศรีสมบัติมือปืนได้เดินทางไปศาลจังหวัดลพบุรี เพื่อฟังการพิจารณาคดีและขอเป็นโจทก์ร่วมในคดีที่นายจักรพันธ์ อายุ 25 ปี ลูกชายคนโต ทีถูกนายณัฐพล ผู้ถูกยิง ซึ่งถือเป็นจำเลย ร่วมกับพวกรวม 3 คน
ก่อเหตุปล้นฆ่าลูกชายของเธอ โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2541 ที่หมู่บ้านหนองโพธิ์ หมู่ 8 ต.ช่องสาริกา อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ตามคดีหมายเลขดำที่ 2030/2541
ซึ่งศาลนัดสืบปากคำจำเลยตอนสายวันเดียวกัน เมื่อ แม่ใจเด็ดคนนี้เดินทางมาถึง โดยรถเก๋งยี่ห้อวอลโว่ รุ่น 940 จีแอลที สีน้ำตาล ทะเบียน กทม. ซึ่งมีอดีตสามี เป็นคนขับ และมีนาย ลูกชายอีกคนนั่งมาด้วย
และขับเข้าไปจอดหน้าร้านอาหารภายในศาล เมื่อนางศรีสมบัติลงจากรถ ได้พบเห็นนายณัฐพล จำเลยในคดีที่ได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดี ซึ่งเป็นคู่กรณีกัน นั่งอยู่ในร้านอาหารพอดี และเมื่อนายณัฐพลเห็นหน้านางศรีสมบัติ ได้ยิ้มทำนองเยาะเย้ยพร้อมพูดเปรยทำนองเสียดสีให้นางศรีสมบัติได้ยินว่า
“เรื่องนี้จบแล้ว เพราะไปวิ่งอัยการไว้เป็นที่เรียบร้อย..”
เมื่อนางศรีสมบัติได้ยิน ความโกรธแค้นซึ่งมีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
เพราะสูญเสียลูกชายสุดรักสุดหวงไปอย่างไม่มีวันกลับ เกิดโมโหถึงกับเลือดขึ้นหน้า
ระหว่างนั้นเหตุการณ์ที่ทุกคนไม่คาดคิดได้เกิดขึ้น เมื่อนางศรีสมบัติเอามือล้วงกระเป๋าที่สะพายอยู่ พร้อมชักทูตมรณะขนาด .22 ออโตเมติก ทะเบียน กท 2408247 ออกมากระหน่ำยิงเข้าใส่นายณัฐพลเสียงดังสนั่นหวั่นไหว 5 นัดซ้อน
คมกระสุนเจาะร่างนายณัฐพล 4 นัด เลือดสดๆพุ่งกระฉุด
ร่วงตกม้านั่งลงไปกองกับพื้น สร้างความแตกตื่นตกใจให้แก่เจ้าของร้านอาหารและประชาชนที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงต่างกระโจนกันชุลมุนวุ่นวาย
หลังเสียงปืนสงบลง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลได้วิ่งเข้าไปดูพบนายณัฐพลนอนหายใจรวยริน จึงรีบนำส่ง รพ.ลพบุรี
ขณะที่นางศรีสมบัติ มือปืนยืนถือทูตมรณะ .22 ดูผลงานด้วยความสะใจ โดยไม่คิดหลบหนีไปไหน จึงถูกรวบตัวไว้ได้ดังกล่าว
หลังก่อเหตุ ระหว่างที่ นางศรีสมบัติ ถูกศาลควบคุมตัวอยู่นั้น เธอได้กอด รูปถ่ายนายจักรพันธ์ ลูกชายที่ถูกฆ่าตายพร้อมกระดูก ซึ่งห่อไว้ในผ้าขาวและเสื้อผ้าของลูกชาย
ขณะที่ปากพร่ำพรรณาถึงการจากไปของลูกชายตลอดเวลา เป็นที่น่าเวทนาต่อสายตาผู้พบเห็นเป็นยิ่งนัก
เพราะนายจักรพันธ์ลูกชายที่ถูกนายณัฐพล และพวกปล้นฆ่าเสียชีวิต เป็นลูกชายที่นางศรีสมบัติรักและหวงแหนมาก ซึ่งก่อนถูกฆ่าตายนายจักรพันธ์เรียนจบปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรังสิต และกำลังจะเรียนต่อปริญญาโท แต่มาถูกนายณัฐพล และพวก ลวงไปปล้นรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า แอคคอต และฆ่าเสียชีวิต จนเป็นที่เสียอกเสียใจให้กับนางศรีสมบัติมาตลอด กระทั่งถูกจำเลยพูดทำนองเยาะเย้ยเหยียดหยามจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ได้ก่อเหตุอุกอาจดังกล่าวขึ้น
ในเวลานั้น นายชาตรี ศิริรักษ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดลพบุรี ได้เรียกให้นางศรีสมบัติ เข้าไปห้องพิจารณาคดีที่ 7 เพือพิจารณาคดีที่ก่อเหตุในศาลจังหวัดลพบุรี นางศรีสมบัติ ยังคงถือรูปลูกชายไว้ตลอด กล่าวต่อหน้าศาลดด้วยน้ำตานองหน้าถึงความแค้นที่สุ่มอยู่ในอก
สุดท้ายยังขอให้ศาลช่วยบอกกับลูกชายด้วยว่า เธอไม่ได้มีจิตใจที่โหดร้าย...หลังพูดจบ สามี และลูกที่มาด้วยก็พยายามเข้าไปปลอบ ให้ระงับความโศกเศร้า
หลังศาลรับฟังถึงความกดดันของนางศรีสมบัติแล้ว ศาลก็ให้รับฟังคำพิพากษา ที่นางศรีสมบัติก่อเหตุในพื้นที่ศาล ซึ่งศาล ได้สั่งลงโทษ จำคุก 6 เดือน ฐานลำเมิดอำนาจศาล โดยนำอาวุธเข้ามาในศาล ซึ่งต่อมา นางศรีสมบัติได้ขออุทธรณ์ และยื่นประกันตัวด้วยวงเงิน 3 หมื่นบาท...
นายชาตรี หัวหน้าศาลจังหวัดลพบุรี กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า การละเมิดอำนาจศาลของนางศรีสมบัติในครั้งนี้ นับว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจ จึงได้พิพากษาเต็มที่กับการสั่งจำคุก 6 เดือน ซึ่งคดีละเมิดอำนาจศาลจะไม่มีการลดโทษให้แต่อย่างใดเพราะเป็นความผิดซึ่งหน้า และถ้าศาลไม่ลงโทษแบบนี้ต่อไปก็คงจะลำบากถือเป็นการปรามไว้ ส่วนคดีฆ่านายจักรพันธ์ ลูกชายนางศรีสมบัติ ที่มีการพูดกันว่ามีการวิ่งเต้นอัยการเรียบร้อยแล้วนั้น ไม่เป็นความจริง
“บางทีคนทั่วไปก็พูดกันไปทั่วว่า วิ่งเต้นคนโน้นได้คนนี้ได้ วิ่งเต้นหัวหน้าศาลได้ แต่จริงๆแล้ว ไม่เห็นว่ามีใครวิ่งเต้นได้ เรื่องนี้มันก็พูดกันไป ก็คือบางทีคนที่หากินตามโรง ตามศาลก็พูดไปว่าสามารถติดต่อหัวหน้าศาล ได้ติดต่ออัยการได้ ก็มีหลายครั้งที่มาเรียกเงินเรียกทองกัน ทางศาลก็พยายามตามอย่าให้ได้มีการกระทำอย่างนั้น และเรียกเงินทองกันแล้ว ก็หายตัวกันไปก็มี ซึ่งการหลอกลวงกันก็
เยอะ”
ส่วนมาตรการป้องกันการนำอาวุธมาที่ศาลนั้น ถ้านำเข้ามาภายในตัวอาคารศาลจังหวัดลพบุรี จะมีเจ้าหน้าที่และเครื่องตรวจสอบป้องกันไว้แล้ว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังอยู่นอกตัวอาคารศาลซึ่งเป็นเรื่องลำบากที่จะมาตรวจสอบได้เพราะแต่ละวันมีประชาชนมาศาลจำนวนนับร้อยนับพันคน ถ้ามีการตรวจสอบอย่างนั้นขึ้นมา ประชาชนจะมองภาพพจน์ของศาลจังหวัดลพบุรีไปอีกแบบหนึ่งได้
เมื่อติดตาม อาการ จำเลย หรือ นายณัฐพล ที่ถูกยิง ภายหลังแพทย์ผ่าตัดเอาหัวกระสุนออกแล้ว พบว่าเย็นวันเดียวกันอาการยังไม่พ้นขีดอันตราย ยังอยู่ในห้องไอซียู โดยมีนายทนงศักดิ์ ซึ่งมีอาชีพครูผู้เป็นพ่อ เฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด
นายทนงศักดิ์ กล่าวในเวลานั้นว่า ตอนเกิดเหตุ ตนอยู่ภายในรถ ห่างกันประมาณ 500 เมตร ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 5 นัดติดๆกัน หลังเสียงปืนสงบลงญาติวิ่งมาบอกว่าลูกชายถูกยิง มีเจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาล จึงตามมาที่รพ.ทันที
ส่วนสาเหตุ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเรื่องของวัยรุ่นที่หลงผิด เกิดขัดใจกันมีการลงไม้ลงมือถึงกับเสียชีวิต ขณะนี้ลูกชายก็รับกรรมไป ซึ่งเรื่องอยู่ระหว่างการดำเนินการชั้นศาลดังที่ทราบกัน
ด้านนายจักรชัย อดีตสามีนางศรีสมบัติ กล่าวว่า ไม่คิดว่าอดีตภรรยาจะใจกล้าถึงขนาดนี้ แต่ก็รู้สึกเห็นใจ เพราะได้สูญเสียลูกที่เขารักเขาหวงไป การที่ลูกเสียชีวิตทำให้อดีตภรรยาทำใจไม่ได้ มีอาการเครียดมาก จนมีอาการผิดปรกติไป คือทุกวันจะพร่ำเพ้อถึงแต่ลูก อีกทั้งยังโทษตัวเองว่าเลี้ยงลูกไม่ดีมาตลอด ซึ่งตนรู้สึกเห็นใจจนพูดอะไรไม่ออก
ช่วงเย็นวันเดียวกันญาติได้ยื่นขอประกันตัวต่อศาล ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกันตัว กับนางศรีสมบัติ โดยใช้หลักทรัพย์เป็นบัญชีเงินฝากธนาคารวงเงิน 3 หมื่นบาท
อย่างไรก็ตามหลังได้รับการประกันตัวที่ศาลแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไปดำเนินคดี ข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น ที่ สภ.ต.ท่าหินท้องที่เกิดเหตุต่ออีก และญาติได้ยื่นหลักทรัพย์บัญชีเงินฝากธนาคารวงเงิน 5 แสนบาท ขอประกันตัว ซึ่งทางพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วได้อนุญาตให้ประกันตัวในที่สุด
วันต่อมา ตำรวจเจ้าของคดี พ.ต.ท.ศุภโยชก์ ธารีไทย รอง ผกก. สภ.ท่าหิน อ.เมืองสระบุรี เผยว่า สาเหตุที่ อนุญาตให้ประกันตัวนางศรีสมบัตินั้น เนื่องจากเห็นว่า ผู้ก่อเหตุไม่ได้หลบหนี แต่ยืนรอมอบตัว ชั้นสอบสวนก็ให้การรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ ประกอบกับ ผู้ก่อเหตุอยู่ในสภาวะสติสัมปชันญะไม่สมบูรณ์ เช่น คนธรรมดา ทั้งหลักทรัพย์ที่นำมาประกันตัว ก็เป็นเงินจำนมาก จึงอนุญาตให้ประกันตัว ซึ่งมั่นใจว่า นางศรีสมบัติไม่หลบหนี
ขณะที่ อาการบาดเจ็บของนายณัฐพล จำเลยที่ถูกยิง ทางตำรวจ เผยว่า ทางญาติได้นำตัวนายณัฐพล ออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่ช่วง 16.30 น. ในวันเกิดเหตุแล้ว โดยขอย้ายไปรักษาตัว ที่โรงพยาบาลอื่น คาดว่าคงกลัวถูกตามไปยิงซ้ำมากกว่า
พ.ต.ท.ศุภโยชก์ ยังเผยความคืบหน้าคดี ว่า ได้สอบปากคำพยาน 3 ปาก เป็นตำรวจ 2 ปาก และอีก 1 ปาก เป็นญาติจำเลย คือ นายสุวรรณ กองนวล กำนันตำบลสาริกา อ.เมืองนครนายก มีศักดิ์ เป็นตา ของนายณัฐพล
นายสุวรรณ ยืนยันว่า ก่อนที่นางสมบัติจะยิงนายณัฐพล นั้น ไม่ได้มีการพูดคุยกันแต่ประการใด ขณะเดินสวนกัน นางศรีสมบัติ ก็ควักปืนจ่อยิงทันที
“ขนาดหลานชายล้มลงยังตามไปซ้ำ” ตาของนายณัฐพล กล่าว
นายสุวรรณ เล่าเหตุการณ์ในมุมของตนเองว่า ในวันเกิดเหตุได้พาหลานไปขึ้นศาล แต่ยังไม่ถึงเวลาที่ผู้พิพากษาออกนั่งบัลลังก์ จึงพาหลานไปกินข้าว หลังกินข้าวเสร็จ เดินออกจากร้านได้ประมาณ 10 ก้าว ก็พบนางศรีสมบัติ ก็ชักปืนยิงใส่หลานตนไม่ยั้ง จนอดีตสามีนางศรีสมบัติ ยังบอกว่า “พอแล้ว”
หลานชายบาดเจ็บ นอนจมกองเลือด เมื่อหายตกใจ จึงเข้ามาประคองร่าง นำส่งโรงพยาบาล..
“ตอนที่หลานชายถูกยิง นางศรีสมบัติไม่ได้เข้ามาคุยกับหลานชายผม ตามที่เขาอ้างว่าหลานชายผมพูดจาเยาะเย้ยถากถาง นางศรีสมบัติแต่อย่างใด ผมกล้ายืนยัน เพราะผมเดินคู่กับหลาน อีกอย่าง คนที่ยิงหลานนั้น ได้พกปืนติดตัวเหมือนเตรียมกรมาก่อเหตุโดยเจตนา”นายสุวรณ กล่าว
ขณะที่มารดานายณัฐพล กล่าวว่า ตนเสียใจและตกใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ตอนนี้รู้สึกหวาดกลัวอิทธิพลมืดและความเหี้ยมโหดของนางศรีสมบัติ รับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น อยากให้เรื่องนี้จบลงตามกระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว เพราะไม่ต้องการจองเวรกับใคร...
ขณะที่อีกทางหนึ่ง ด้านนางศรีสมบัติ จากการเปิดเผยของอดีตสามีเธอ เผยว่า ตอนนี้นางศรีสมบัติ มารักษาตัวที่กรุงเทพ มีอาการเครียดจัด จิตใจวุ่นวายสับสน ร่างกายอ่อนล้า จนต้องส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาล
เมื่อหมอเห็นอาการ จึงรู้สึกกังวล เพราะเห็นสภาพจิตใจสับสน กลัวว่าจะทำร้ายตัวเอง จึงให้กินยาระงับประสาท โดยแนะนำว่าควรรักษาตัวที่โรงพยาบาลสักระยะ
เขาเอาแต่ร้องไห้พร่ำเพ้อถึงการตายของลูกชายคนโต ผมเห็นใจและเข้าใจดี เพราะเขารักและผูกพันธ์กับลูกคนนี้มาก
“ผมคิดว่าสังคมคงเข้าใจภรรยาผม เพราะตอนที่ประกันตัวออกมา มีชาวบ้านมาให้กำลังใจเยอะ บอกว่าถ้าลูกชายตัวเองโดนอย่างนี้บ้าง ก็คงทำเหมือนกัน” อดีตสามีนางศรีสมบัติ กล่าว
นักข่าวถามถึง กรณี นายณัฐพล ย้ายโรงพยาบาลหนี เพราะกลัวนางศรีสมบัติ ตามมายิงซ้ำ
อดีตสามีตอบทันทีว่า “ไม่มีทางที่ภรรยาตนจะตามไปฆ่าใครได้ เพราะสภาพร่างกายตอนนี้ จะออกไปทำร้ายใครได้ที่ไหน น่าจะทราบกันดี ว่าเรื่องนี้เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ
เขาตั้งความหวังกับลูกคนนี้มาก อยากให้สานต่อธุรกิจเคมีภัณฑ์ ลงทุนไป 3 ล้าน เช่าตึก ตกแต่ง เตรียมสำนักงานไว้ ที่ออฟฟิศแถวรัชดา แต่สุดท้ายมาเสียชีวิต สำนักงานที่เตรียมไว้กลายจึงต้องกลายเป็นสำนักงานร้าง
ขณะที่ อาการบาดเจ็บของนายณัฐพล แพทย์เวรประจำโรงพยาบาลลพบุรี เผยว่า ตอนรับนายณัฐพลเข้ามา สภาพคือ ไม่รู้สึกตัว โดนยิงเข้จุดสำคัญหลายแห่ง โดยเฉพาะกระสุนที่เข้าบริเวณปอดทั้งสองข้าง น่าเป็นห่วงมาก และกระสุนอีกนัดยังฝังที่บริเวณต้นคอด้านหลัง อาจไปถูกเส้นประสาทส่วนหลังได้
กระสุนที่เจาะจากทางด้านหลัง 3 นัด เข้าส่วนสำคัญทั้งสิ้น คือ ปอดซ้าย 1 นัด ปอดขวา 1 นัด และอีกนัดเจาะเข้ากลางกระดูกสันหลัง คนไข้มีเลือดตกใน ในปอดตลอดเวลา ต้องใช้สายยางดูดเลือดในปอดออก
อาการนายณัฐพล น่าเป็นห่วงที่สุด คือ กระสุนเจาะเข้าบริเวณต้นคอด้านหลัง โดนกระดูกต้นคอพอดี อาจถึงขั้นเป็นอัมพาตได้ แต่ยังไม่แน่ ขึ้นอยู่กับการรักษา เสียดาย หลังการทำรักษากับตนได้ไม่นาน ก็ย้ายออกไป และไปรักษาตัวที่กรุงเทพ...
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ คงดำเนินไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ความคืบหน้าที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ ไม่มีรายงานในหน้าสื่อต่อ...
You might be intertested in this news.
Mostview
แนะนำหนังสือ-อีบุ๊ก นิยายน่าอ่าน ประจำเดือนพฤษภาคม
แนะนำหนังสือ-อีบุ๊ก นิยายน่าอ่าน ประจำเดือนพฤษภาคม...
ไฟฟ้าดับยุโรปคลี่คลาย สเปนกู้คืนได้ 50% โปรตุเกสไม่พบการโจมตีทางไซเบอร์
สเปน กู้คืนไฟฟ้ากลับเข้าระบบแล้ว 50% หลังไฟฟ้าดับวงกว้างกว่า 10 ชั่วโมง ด้านโปรตุเกสเจอรับผลกระทบไม่ต่างกัน จนต้องประชุมฉุกเฉิน 2 ประเทศ เร่งหาสาเหตุ-แก้ปัญหา ขณะที่ ยังไม่พบหลักฐานชี้ว่าเป็นการโจมตีทางไซเบอร์ ต่อโครงสร้างสาธารณูปโภค
สปริตและพลังงาน วาตารุ เอ็นโดะ นักเตะรับจบที่นำลิเวอร์พูลสู่แชมป์ (ชมคลิป)
สปริตและพลังงาน วาตารุ เอ็นโดะ นักเตะรับจบที่นำลิเวอร์พูลสู่แชมป์
ย้อนรอยคดี พิษรัก แรงหึง โทสะ หมอฆ่าหมอ อำพรางเป็นอุบัติเหตุ (คลิป)
ย้อนรอยคดี พิษรัก แรงหึง โทสะ หมอฆ่าหมอ อำพรางเป็นอุบัติเหตุ คดีที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2545 ...
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (2พ.ค.68) คาดมีดีดตัวระยะสั้น
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (2พ.ค.68) คาดมีดีดตัวระยะสั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
