วันจันทร์, กันยายน 1, 2568

ปฏิบัติการ "มิดไนท์แฮมเมอร์" บี-2 แผนลับแหวกฟ้า บอมบ์ฐานนิวเคลียร์อิหร่าน

by Trust News, 23 มิถุนายน 2568

เครดิตภาพ กองทัพอากาศสหรัฐ และ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ

ความสำเร็จของปฏิบัติการ "มิดไนท์แฮมเมอร์" หลังฝูงบินสเตลธ์ B-2 ของกองทัพสหรัฐฯ 7 ลำ แหวกฟ้าไปทิ้งระเบิดทะลวงบังเกอร์ GBU-57 และยิงขีปนาวุธร่อนโทว์มาฮอว์ก ถล่มฐานวิจัยและโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน 3 แห่ง โดยทุกอย่างลับไม่มีใครรู้แผนและไม่มีการต่อต้านใดๆ

ในการแถลงข่าวของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นภายหลังจากการแถลงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศว่า ได้ส่งฝูงบินไปถล่มเป้าหมายที่เป็นโรงงานและศูนย์วิจัยด้านนิวเคลียร์ 3 แห่งของอิหร่าน นายพีท เฮกเซธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพลเอกแดน เคน ผู้บัญชาการเหล่าทัพร่วม ได้ร่วมกันกล่าวชื่นชมความสำเร็จของปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ที่ดำเนินการโดยกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ (CENTCOM) เมื่อคืนวันที่ 21 มิ.ย.2568 ที่ผ่านมา ยังเป้าไปที่โรงงานและศูนย์วิจัยด้านนิวเคลียร์สำคัญ 3 แห่งของอิหร่านปฏิบัติการดังกล่าวมีชื่อรหัสว่า "โอเปอร์เรชั่น มิดไนท์ แฮมเมอร์" (Operation Midnight Hammer) โดย CENTCOM ได้ระดมกำลังผสมผสานหลากหลายหน่วยงานเข้าโจมตีและสร้างความเสียหายอย่างหนักหน่วงแก่โรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โดว์ นาตันซ์ และอิสฟาฮาน

นายเฮกเซธ กล่าวเปิดการแถลงว่า คำสั่งที่เราได้รับจากผู้บัญชาการทหารสูงสุดนั้น ชัดเจน ทรงพลัง และตรงเป้าหมาย เราได้ทำลายโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านจนย่อยยับ และปฏิบัติการครั้งนี้ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่กำลังพลหรือพลเมืองของอิหร่านแต่อย่างใด

ด้าน พลเอกเคน กล่าวว่า ผลการประเมินความเสียหายเบื้องต้นจากการรบชี้ให้เห็นว่า ทั้งสามแห่งได้รับความเสียหายและการทำลายล้างอย่างรุนแรงยิ่งยวด หลังจากปฏิบัติการเคลื่อนที่อย่างเงียบเชียบ และมีการสื่อสารน้อยที่สุดเป็นเวลา 18 ชั่วโมง จากสหรัฐฯ สู่พื้นที่เป้าหมาย เครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหน B-2 Spirit บินจากฐานทัพอากาศไวท์แมน รัฐมิสซูรี่ ผ่านการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศหลายรอบ ผ่านไป 18 ชั่วโมง บี-2 ลำแรกจากทั้งหมด 7 ลำ ได้ทิ้งระเบิดเจาะบังเกอร์ GBU-57 Massive Ordnance Penetrator (MOP) หรือ "ระเบิดทำลายบังเกอร์" ขนาด 30,000 ปอนด์ จำนวน 2 ลูก ที่โรงงานฟอร์โดว์ เมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 18:40 น. ตามเวลา EDT

ผู้บัญชาการเหล่าทัพร่วม กล่าวต่อว่า ชุดภารกิจเริ่มต้นยังรวมถึงเครื่องบินที่รับบทเป้าลวงหลายลำ บินมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเหนือมหาสมุทรแปซิฟิกในฐานะ "ความพยายามเป็นเป้าลวง ซึ่งมีเพียงกลุ่มผู้วางแผนและผู้นำหลักจำนวนน้อยมากในกรุงวอชิงตัน และกองบัญชาการ CENTCOM เท่านั้นที่ทราบ" กลยุทธ์ดังกล่าวถูกนำมาใช้เพื่อสนับสนุนชุดเครื่องบินโจมตีหลักด้วยเช่นกัน สหรัฐฯ ได้ใช้กลยุทธ์ลวงหลอกหลายอย่าง รวมถึงเครื่องบินลวงเป้าหมาย โดยที่เครื่องบินรบยุคที่ 4 และ 5 ได้บินนำหน้าชุดเครื่องบินโจมตีด้วยความเร็วและระดับความสูงสูง เพื่อกวาดล้างภัยคุกคามจากเครื่องบินขับไล่ของข้าศึก และระบบขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศที่อาจเผชิญหน้ากับชุดโจมตี

 

พลเอกเคน อธิบายอีกวว่า หลังจากการโจมตีครั้งแรกที่ฟอร์โดว์ เครื่องบิน B-2 ที่เหลือได้ดำเนินการทิ้งระเบิดของพวกมันอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีระเบิด MOPs รวมทั้งสิ้น 14 ลูก เข้าโจมตีพื้นที่เป้าหมาย นี่เป็นครั้งแรกที่มีการนำระเบิด GBU-57 MOP มาใช้ในการปฏิบัติการจริง นอกเหนือจากระเบิด MOP แล้ว เรือดำน้ำของสหรัฐฯ ซึ่งปฏิบัติการอยู่ในอ่าวเปอร์เซีย พื้นที่รับผิดชอบของ CENTCOM ได้ยิงขีปนาวุธร่อน Tomahawk มากกว่า 20 ลูก เข้าโจมตีเป้าหมายโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่โรงงานอิสฟาฮาน ทำให้จำนวนรวมของอาวุธนำวิถีความแม่นยำที่ใช้ในปฏิบัติการครั้งนี้อยู่ที่ประมาณ 75 ลูก

ผู้บัญชาการเหล่าทัพร่วม ยืนยันว่า ตลอดการปฏิบัติการไม่มีการตอบโต้ใดๆ ที่ตรวจจับได้จากการโจมตีครั้งนี้ เราไม่พบว่ามีการยิงใส่ชุดเครื่องบินของเราในระหว่างการเดินทางกลับ เครื่องบินขับไล่ของอิหร่านไม่ได้ขึ้นบิน และดูเหมือนว่าระบบขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศของอิหร่านก็ไม่สามารถตรวจจับเราได้ ตลอดภารกิจ เรายังคงรักษาความประหลาดใจไว้ได้ จนกระทั่งเครื่องบินทั้งหมดบินกลับ โดยผ่านการเติมน้ำมันกลางอากาศหลายรอบโดยไม่แวะพัก จนลงจอดอย่างปลอดภัยที่ฐานทัพอากาศไวท์แมน เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.68

นายเฮกเซธ กล่าวว่า ผมขอชื่นชมเหล่านักบินที่ขับเครื่องบินทิ้งระเบิด เครื่องบินขับไล่ และเครื่องบินเติมเชื้อเพลิง พวกเขาคือยอดนักรบ ผมขอชื่นชมทหารเรือบนเรือพิฆาต บนเรือดำน้ำ และบนเรือบรรทุกเครื่องบิน พวกเขาทั้งหมดคือนักรบ พร้อมชื่นชมทหารบกที่รับผิดชอบการป้องกันภัยทางอากาศและการป้องกันฐานทัพ

"ชาวอเมริกันทุกคนที่เกี่ยวข้องในปฏิบัติการนี้ปฏิบัติงานได้อย่างไร้ที่ติ ขอบคุณรัฐบาลอิสราเอลที่ให้การสนับสนุนในการวางตำแหน่งและการเตรียมการสำหรับปฏิบัติการครั้งนี้ นี่คือภารกิจที่ซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูง ซึ่งดำเนินการด้วยทักษะและวินัยที่ยอดเยี่ยมโดยกองกำลังร่วมของเรา" พลเอกเคนกล่าว พร้อมเน้นย้ำว่าภารกิจนี้แสดงให้เห็นถึง "ขีดความสามารถที่ไร้เทียมทาน การประสานงาน และศักยภาพของกองทัพสหรัฐฯ" พลเอกเคน กล่าว

"ในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ ภารกิจนี้ได้เปลี่ยนจากการวางแผนเชิงกลยุทธ์เป็นการปฏิบัติการระดับโลก" เขากล่าว พร้อมเสริมว่าเขาเห็นด้วยกับการประเมินของประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ที่ว่า "ไม่มีกองทัพใดในโลกที่สามารถทำเช่นนี้ได้"

นายเฮกเซธ กล่าวย้ำถึงเจตนาโดยรวมของการโจมตีครั้งนี้ว่า ภารกิจนี้มุ่งเน้นไปที่การป้องกันไม่ให้อิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์โดยเฉพาะ ภารกิจนี้ไม่เคยมีเป้าหมายเป็นการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ประธานาธิบดีได้อนุมัติปฏิบัติการที่แม่นยำเพื่อทำให้ภัยคุกคามต่อผลประโยชน์แห่งชาติของเราที่เกิดจากโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านหมดไป และ เพื่อสนับสนุนการป้องกันตนเองร่วมกับกองกำลังและพันธมิตรของเราอย่างอิสราเอล

ระเบิดนำวิถีเจาะทะลวงบังเกอร์ GBU-57 MOP 

GBU-57/B Massive Ordnance Penetrator (MOP) หรือ "ระเบิดทำลายบังเกอร์ขนาดมหึมา" เป็นระเบิดนำวิถีที่มีความพิเศษและแตกต่างจากระเบิดนำวิถีรุ่นอื่น เป็นอาวุธที่ถูกเลือกใช้ในการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ใต้ดินของอิหร่าน โดยมีน้ำหนักถึงลูกละ 30,000 ปอนด์ (ประมาณ 13,600 กิโลกรัม) และมีความยาวประมาณ 6.2 เมตร ซึ่งใหญ่กว่าและหนักกว่าระเบิดทำลายบังเกอร์รุ่นก่อนหน้าอย่าง GBU-28 หรือ GBU-37 ที่มีน้ำหนักเพียง 5,000 ปอนด์อย่างมาก 

พาหนะในการบรรทุก MOP

ด้วยขนาดและน้ำหนักที่มหาศาล ปัจจุบันมีเพียงเครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหน B-2 Spirit แบบเดียวเท่านั้นที่สามารถบรรทุกและทิ้งระเบิด MOP ได้ โดย B-2 แต่ละลำสามารถบรรทุก MOP ได้ 2 ลูกในช่องเก็บอาวุธภายในตัวเครื่อง

สร้างมาเพื่อการเจาะทะลวงบังเกอร์ที่มั่งคงสูง

เปลือกหุ้มเหล็กอัลลอยประสิทธิภาพสูง: ตัวระเบิดถูกสร้างจากเหล็กอัลลอยที่มีความหนาแน่นสูงและประสิทธิภาพพิเศษ (high-performance steel alloy) เพื่อให้สามารถทนทานต่อแรงกระแทกมหาศาลจากการเจาะทะลวงคอนกรีตเสริมเหล็กหรือหินลึกลงไปใต้ดิน โดยไม่เสียหายก่อนการระเบิด
เจาะลึกได้กว่า 60 เมตร: MOP ได้รับการออกแบบมาให้สามารถเจาะทะลวงคอนกรีตเสริมเหล็กได้มากกว่า 8 เมตร หรือทะลวงลงไปใต้ดินได้ลึกถึง 61 เมตร (200 ฟุต) ซึ่งระเบิดทั่วไปไม่สามารถทำได้

เทคโนโลยีระบบนำวิถีและชนวนอัจฉริยะ

MOP ใช้ระบบนำวิถีแบบคู่ (Dual-mode guidance system) แบบ GPS/INS Guidance ที่ผสมผสานระหว่าง GPS (Global Positioning System) และ INS (Inertial Navigation System) เพื่อความแม่นยำสูงในการกำหนดเป้าหมาย ทำให้สามารถโจมตีเป้าหมายได้ในระยะไม่กี่เมตรจากจุดที่กำหนด

Large Penetrator Smart Fuze (LPSF) ชนวนอัจฉริยะนี้สามารถตรวจจับช่องว่างหรือห้องใต้ดินได้ในระหว่างการเจาะทะลวง และสามารถปรับเวลาการระเบิดให้เหมาะสมกับความลึกของการเจาะและลักษณะของโครงสร้างใต้ดิน เพื่อให้เกิดการทำลายสูงสุดภายในเป้าหมายที่อยู่ลึก

Grid Fins ระเบิดนี้ใช้ "Grid Fins" (ครีบตะแกรง) แทนครีบแบบระนาบที่พบในระเบิดทั่วไป ซึ่งให้การควบคุมที่ดีกว่ามากในสภาวะการบินด้วยความเร็วสูง และสามารถพับเก็บได้เพื่อความสะดวกในการบรรจุในช่องเก็บระเบิดของเครื่องบิน B-2

พลังระเบิด MOP บรรทุกวัตถุระเบิดประมาณ 5,300 ปอนด์ ซึ่งเป็นสารระเบิดประสิทธิภาพสูง เช่น AFX-757 และ PBXN-114 ที่ให้พลังงานสูงและมีเสถียรภาพทางความร้อน ทำให้เกิดการระเบิดที่มีประสิทธิภาพแม้หลังจากเจาะทะลวงเข้าไปในคอนกรีตหรือชั้นหินลึก พลังระเบิดของ MOP มีมากกว่าระเบิดรุ่นก่อนหน้าอย่าง BLU-109 ถึง 10 เท่า

เที่ยวบินที่ไกลที่สุดของ B-2 ในภารกิจปฏิบัติการ

เที่ยวบินที่ไกลที่สุดที่เครื่องบิน B-2 Spirit เคยออกบินปฏิบัติการคือ ภารกิจในช่วงหลังเหตุการณ์ 9/11 ในปี 2001 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ปฏิบัติการ Enduring Freedom ในอัฟกานิสถาน โดยในภารกิจดังกล่าว เครื่องบิน B-2 ได้บินตรงจากฐานทัพอากาศ Whiteman ในรัฐมิสซูรี สหรัฐอเมริกา ไปยังเป้าหมายในอัฟกานิสถาน และบินกลับ โดยใช้เวลาปฏิบัติการต่อเนื่องนานกว่า 44 ชั่วโมง (บางรายงานระบุว่านานกว่า 70 ชั่วโมงสำหรับปฏิบัติการต่อเนื่องของเครื่องบินลำเดียวที่เปลี่ยนลูกเรือกลางทาง) ภารกิจนี้จำเป็นต้องมีการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศหลายครั้งเหนือมหาสมุทรแปซิฟิก มะละกา และมหาสมุทรอินเดีย ใกล้เกาะดิเอโก การ์เซีย เพื่อให้สามารถบรรลุภารกิจโจมตีเป้าหมายในอัฟกานิสถานก่อนที่จะกลับสู่ฐานทัพ

สำหรับภารกิจโจมตีอิหร่านล่าสุด (Operation Midnight Hammer) พลเอกแดน เคน ประธานเสนาธิการร่วม ระบุว่า เป็น "การโจมตีปฏิบัติการ B-2 ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ" และเป็น "ภารกิจ B-2 ที่ยาวนานเป็นอันดับสองเท่าที่เคยบินมา รองจากภารกิจในช่วงหลังเหตุการณ์ 9/11 เท่านั้น" โดยใช้เวลาบิน 18 ชั่วโมงเพื่อเข้าถึงพื้นที่เป้าหมาย และมีการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศหลายครั้งเช่นกัน.


You might be intertested in this news.

Mostview

เตือน! พายุ “หนองฟ้า” จ่อถล่มเวียดนาม หลาย จว.ไทย เจอฝนหนัก 30-1 ก.ย.

พายุโซนร้อนหมายเลข 14 คาด 30 ส.ค.ขึ้นฝั่งเวียดนาม ทำให้ฝนตกหนักมาก วันที่ 31 เช้า ภาคอีสานตอนบน วันที่ 31 บ่ายภาคเหนือตอนกลางและตอนล่างถึง 1 ก.ย...

ภาระผู้ลี้ภัยจากเพื่อนบ้าน น้ำใจไทยใยเขมรจึงลืมเลือน (ชมคลิป)

ภาระผู้ลี้ภัยจากเพื่อนบ้าน น้ำใจไทยใยเขมรจึงลืมเลือน (ชมคลิป)

รักเวียดนามชิงชังไทย เหตุใดเขมรจึงลำเอียง

รักเวียดนามชิงชังไทย เหตุใดเขมรจึงลำเอียง

5 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (28ส.ค.2025)

5 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (28ส.ค.2025)

7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (29ส.ค.2025)

7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (29ส.ค.2025)

TrustNEws Line