แนวโน้มSETวันนี้(8ก.ค.68) สหรัฐฯประกาศเก็บภาษีไทย 36%
by Trust News, 8 กรกฎาคม 2568
แนวโน้มSETวันนี้(8ก.ค.68) สหรัฐฯประกาศเก็บภาษีไทย 36%
คาดตลาดแกว่งลงมีแนวรับที่ 1095/1080 และ 1067 หลังสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีนำเข้ากับไทย 36% โดยในช่วงต้นเดือน เม.ย. ที่ไทยถูกเก็บภาษีนำเข้าที่ 36%
ตลาดลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1056 ก่อนมีช่วงปรับตัวขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสเจรจาได้ เบื้องต้นที่อัตราภาษีนี้ไทยจะสูญเสียความสามารถในการแข่งขันให้กับคู่แข่งอย่างเวียดนามที่มีอัตราภาษี 20% และมาเลเซียที่ 25%
ประเด็นสำคัญ :
1. สหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจาก 14 ประเทศ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2568 ไทยถูกเก็บในอัตรา 36% เท่าเดิม หากเทียบกับประกาศเดิมเมื่อ 2 เม.ย.
พบว่า 8 ประเทศถูกปรับลดอัตราภาษีนำเข้า ได้แก่ ลาว (จาก 48% → 40%), เมียนมา (44% → 40%), กัมพูชา (49% → 36%), บังกลาเทศ (37% → 35%), เซอร์เบีย (37% → 35%), บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา (35% → 30%), ตูนิเซีย (28% → 25%) และคาซัคสถาน (27% → 25%)
ในขณะที่ 4 ประเทศอัตราภาษีไม่เปลี่ยนแปลง ได้แก่ ไทย (36%), อินโดนีเซีย (32%), แอฟริกาใต้ (30%) และเกาหลีใต้ (25%)
ส่วน 2 ประเทศที่ถูกปรับเพิ่มภาษี ได้แก่ ญี่ปุ่น (24% → 25%) และมาเลเซีย (24% → 25%)
2. ปธน. ทรัมป์ประกาศจะเก็บภาษีศุลกากรต่อประเทศใดก็ตามที่สนับสนุนนโยบายต่อต้านอเมริกา (Anti-American Policies) ของกลุ่ม BRICS โดยไม่มีข้อยกเว้น โดยเกิดขึ้นหลังจากเผยแถลงการณ์ร่วมหลังการประชุมกลุ่ม BRICS เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ได้วิจารณ์ถึงภาษีศุลกากรสหรัฐฯ ที่สูงขึ้นอาจคุกคามการค้าโลก
3. อัตราเงินเฟ้อไทยผ่าน CPI มิ.ย. 2568 หดตัว 0.25%YoY หดตัวสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 0.1%YoY โดยมีแรงฉุดหลักจากสินค้าพลังงาน (น้ำมันและไฟฟ้า) และราคาผักสดและไข่ไก่ ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัว 1.06%YoY สะท้อนแรงกดดันเงินเฟ้อจากอุปสงค์ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ
4. ก.ล.ต. เผยยอดเงินลงทุนในกองทุน ThaiESGX ที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมามีเม็ดเงินรวม 32,168 ลบ. แบ่งเป็นเงินที่สับเปลี่ยนจาก LTF ราว 25,091 ลบ. และเม็ดเงินใหม่ 7,077 ลบ.
กลยุทธ์การลงทุน :
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวน โดยแม้มองปัจจัยการเมืองในประเทศจะยังไม่มีแรงกดดันเพิ่มในช่วงสั้น เพราะยังต้องรอผลการตัดสินขั้นสุดท้ายของศาลรัฐธรรมนูญหลังจากที่มีมติให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่
แต่ตลาดน่าจะให้น้ำหนักกับปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับความไม่ชัดเจนของมาตรการภาษีศุลกากรซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มส่งจดหมายแจ้งอัตราภาษีไปยังประเทศต่างๆ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 4 ก.ค. และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค.
สำหรับประเทศที่ยังไม่ได้บรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ ซึ่งรวมทั้งไทยด้วย อย่างไรก็ดีเราประเมิน SET ที่บริเวณต่ำกว่า 1100 จุด คิดเป็น PER ปี 2568 ต่ำกว่า 12 เท่า ยังเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว โดยกลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์ :
มอง SET แกว่งตัวผันผวน เนื่องจากกังวลความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการแจ้งอัตราภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ สำหรับประเทศที่ยังไม่ได้บรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ ซึ่งรวมทั้งประเทศไทยด้วย กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีม หลักและ 3 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้...
1. หุ้น Earning Play ซึ่งโมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 2Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ ขณะที่ 3Q68 คาดกำไรยังเติบโต YoY แนะนำ ADVANC BCH CBG CPALL SCCC
2. หุ้น Defensive ที่ผันผวนต่ำและผลการดำเนินงานต้านทานความเสี่ยงภายนอกได้ (ผลกระทบจำกัดจากปัจจัยภายในและภายนอก) อีกทั้งยังมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ แนะนำ ADVANC BCH DIF
3. หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET50 ที่มี SETESG Rating A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ ADVANC BBL PTT
Trading Idea :
สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไร แนะนำ...
1) หุ้น Undervalue (PER PBV < -1SD) แนะนำ Outperform อีกทั้งคาดให้ Div. Yield ไม่ต่ำกว่าปีละ 3% แนะนำ BBL BCPG BDMS CPALL DIF PTT SIRI TIDLOR
2) หุ้นที่มีโอกาสได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวไทย แนะนำ ERW CENTEL AAV
3) หุ้นที่คาดฟื้นตัวเร็วหากสงครามการค้ามีความชัดเจน แนะนำ WHA AMATA AOT MINT PTT TU
Daily top picks :
DIF : มองมีปัจจัยระยะสั้นจากการไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาด แนวโน้มใน 2Q68 คาดว่ากำไรปกติจะปรับตัวดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง คาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดีสูงถึง 11% ในปี 2568 และการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกใน 2H68 จะเป็นปัจจัยกระตุ้นได้
CPALL : มองราคาหุ้นได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดจำกัด คาดว่า กำไรปกติ 2Q68F อยู่ที่ 6.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% YoY จากการฟื้นตัวของธุรกิจ CVS และ CPAXT และปี 2568 จะเติบโตดีที่สุดในกลุ่มที่ 15%YoY และซื้อขาย PER 2568F ที่ 14 เท่า ส่วนการประกาศโครงการซื้อหุ้นคืน (ไม่เกิน 1.67% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด) ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. - 14 พ.ย. 2568 จะช่วยจำกัด Downside ของราคาหุ้น
กรอบค่าเงินบาทวันนี้ :
ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.45-32.70 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทอ่อนค่าขึ้นตั้งแต่วันก่อน หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมอีก 10% กับประเทศใดก็ตามที่สนับสนุนนโยบายของกลุ่ม BRICS และจะเรียกเก็บภาษีจากเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเพิ่มอีก 25%
ในช่วงข้ามคืนทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีตอบโต้ต่อไทยที่ 36% เท่ากับเมื่อเดือนเมษายน แต่เงินบาทยังทรงตัว
เงินเฟ้อไทยเดือนมิถุนายนออกมาที่ -0.25% ติดลบ 3 เดือนติดต่อกันจากราคาพลังงานและอาหารสดที่ลดลง ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 1.06%
ข่าวเศรษฐกิจสำคัญประจำวัน :
Economic release : JP – ดุลบัญชีเดินสะพัด พ.ค., ดุลการค้า (ฐาน BoP) พ.ค.
อ้างอิง : บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) , กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์
You might be intertested in this news.
Mostview
ถอดรหัส ข้าคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จริงหรือ? ต้องได้เป็นตัวจริงเท่านั้น
ถอดรหัส ข้าคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จริงหรือ? ต้องได้เป็นตัวจริงเท่านั้น
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (18ธ.ค.68) Sideway Up รอซื้อตามแนวรับ
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (18ธ.ค.68) Sideway Up รอซื้อตามแนวรับ
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (17ธ.ค.68) Sideway Up เก็งกำไรในกรอบ
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (17ธ.ค.68) Sideway Up เก็งกำไรในกรอบ
6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (17ธ.ค.68)
6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (17ธ.ค.68)
7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (18ธ.ค.68)
7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (18ธ.ค.68)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง