วันอังคาร, กันยายน 23, 2568

ประเมินไทยโดนภาษีทรัมป์ 36% กระทบกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และอาหาร

by Trust News, 9 กรกฎาคม 2568

ประเมินไทยโดนภาษีทรัมป์ 36% กระทบกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และอาหาร

มองช่วงสั้น SET จะผันผวนสูงและมีแนวโน้มปรับตัวลง จากความกังวลไทยถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีศุลกรในอัตรา 36% สูงกว่าประเทศคู่แข่งสำคัญในกลุ่มอาเซียน ซึ่งจะทำให้ไทยมีโอกาสสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน กดดันให้ GDP ไทยชะลอตัว

ทั้งนี้ แม้สถานการณ์ล่าสุดจะสอดคล้องกับกรณี Worse Case ที่เราเคยประเมินไว้ โดยกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบเชิงลบ ได้แก่ กลุ่มผู้ส่งออกอาหารทะเลและอาหารสัตว์ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มนิคมฯ

อย่างไรก็ดี มองไทยยังมีเวลาเจรจาการค้ากับสหรัฐในช่วงก่อนภาษีจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ส.ค. 68 อีกทั้งหุ้นในกลุ่มดังกล่าวมีผลกระทบต่อกำไรตลาดไม่มาก ทำให้ระยะสั้นคาด SET จะยังไม่ปรับลงไปต่ำกว่า 1056 (จุดต่ำสุดเดิมที่เกิดขึ้นจากประกาศภาษีครั้งแรกเมื่อ เม.ย.)

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นในช่วงตลาดผันผวน แนะนำทยอยสะสม

1) หุ้น Defensive ที่ผันผวนต่ำและผลการดำเนินงานต้านทานความเสี่ยงภายนอกได้ อีกทั้งยังสามารถจ่ายปันผลสม่ำเสมอ แนะนำ ADVANC DIF BCH

2) หุ้น Undervalue (PER PBV < -1SD) และฐานะการเงินแข็งแกร่ง สามารถจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ แนะนำ BDMS BBL TIDLOR สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง และเชื่อว่าการเจรจา (ก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้) จะทำให้สหรัฐพิจารณาปรับลดภาษีไทยลงมาอยู่ที่ระดับ 20% หรือต่ำกว่า อาจพิจารณาเก็งกำไรในหุ้นที่คาดฟื้นตัวเร็ว แนะนำ AMATA GPSC WHA

ล่าสุด สหรัฐฯ ส่งจดหมายระบุถึงอัตราภาษีศุลกากรใหม่ที่สหรัฐจะเรียกเก็บจากประเทศต่างๆ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 68

โดยไทยถูกเก็บในอัตรา 36% เท่าเดิม หากเทียบประกาศเดิมเมื่อ 2 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่ง INVX มองว่าช่วงสั้น SET จะผันผวนสูงและมีแนวโน้มปรับตัวลง เนื่องจากกังวลไทยจะสูญเสียความสามารถในการแข่งขันด้านราคาและส่วนแบ่งตลาดลดลงในสหรัฐ

รวมทั้งมีความเสี่ยงต่อการย้ายฐานการผลิตและการลดลงของ FDI หลังโดนเก็บภาษีศุลกากรสูงกว่าประเทศคู่แข่งในกลุ่มอาเซียน อย่างเวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย ซึ่งจะกดดันให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลง


ทั้งนี้ หลังเบื้องต้นได้มีการประเมินผลกระทบ ของมาตรการเก็บภาษีสินค้าไทย ส่งออกไปสหรัฐไปในรายงานเมื่อวันที่ 4 ก.ค. ซึ่งสถานการณ์ล่าสุดสอคคล้องกับกรณี Worse Case คือ ไทยต้องเผชิญภาษีส่งออกที่ระดับ 36% จึงทำให้คาดปีนี้ GDP จะหดตัวที่ -1.1% ซึ่งถือเป็นการชะลอตัวอย่างรุนแรงที่สุด

โดยการส่งออก คาดจะลดลงเกิน 10% ในช่วง 2H68 ขณะที่ SET Index ประเมินมีโอกาสปรับตัวลงไปหลุด 1000 จุด หากไม่สามารถเจรจาใดๆ เพิ่มเติมได้

อย่างไรก็ดี มองไทย ยังมีเวลาเจรจาการค้ากับสหรัฐ ซึ่งล่าสุดไทยมีแผนเสนออัตราภาษีนำเข้ากับสินค้าสหรัฐ 0% (ไม่ได้ให้หมดทุกรายการ) เช่นเดียว กับ เวียดนาม ซึ่งคงต้องติดตามว่าสหรัฐอาจพิจารณาปรับลดภาษีไทยลงจากที่ตั้งไว้

นอกจากนั้น ภาครัฐอาจเตรียมมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงนโยบายการเงินผ่านการลดดอกเบี้ยฉุกเฉินเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ

สำหรับผลกระทบลบต่ออุตสาหกกรมกรณีที่ไทยปรับลดภาษีนำเข้าจากสหรัฐเหลือ 0% ได้แก่ กลุ่มยานยนต์ กลุ่มเครื่องดื่ม และกลุ่มอาหาร (กรณีเปิดให้นำเข้าเนื้อหมูได้) ด้านกลุ่มที่อาจได้ประโยชน์ ได้แก่ กลุ่มโรงไฟฟ้าจากต้นทุน LNG ที่ลดลง  


ล่าสุดสหรัฐฯ ส่งจดหมายถึงผู้นำประเทศต่างๆ โดยระบุว่าอัตราภาษีใหม่นี้เท่ากับต้นทุนในการทำธุรกิจกับสหรัฐซึ่งเป็นตลาดอันดับหนึ่งของโลก

โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 68 โดยไทยถูกเก็บในอัตรา 36% เท่าเดิมหากเทียบประกาศเดิมเมื่อ 2 เม.ย. พบว่า 8 ประเทศถูกปรับลดภาษีนำเข้า

ได้แก่ ลาว (จาก 48% → 40%) , เมียนมา (44% → 40%), กัมพูชา (49% → 36%), บังกลาเทศ (37% → 35%), เซอร์เบีย (37% → 35%), บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา (35% → 30%) ตูนิเซีย (28% → 25%) และคาซัคสถาน (27% → 25%)

ขณะที่ 4 ประเทศอัตราภาษีไม่เปลี่ยนแปลง ได้แก่ ไทย (36%), อินโดนีเซีย (32%), แอฟริกาใต้ (30%) และเกาหลีใต้ (25%)

ส่วน 2 ประเทศที่ถูกปรับเพิ่มภาษี ได้แก่ ญี่ปุ่น (24% → 25%), มาเลเซีย (24% → 25%)

ทั้งนี้ในส่วนของไทย สหรัฐฯ ระบุว่าแม้จะยังเห็นความสำคัญของความสัมพันธ์การค้า แต่จำเป็นต้อง “ก้าวต่อไป” ด้วยเงื่อนไขการค้าที่ “สมดุลและเป็นธรรมมากขึ้น”

โดยระบุว่าความสัมพันธ์ทางการค้ากับไทยที่ผ่านมา “ไม่เป็นธรรม และไม่อยู่บนหลักต่างตอบแทน (reciprocal)” จึงประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยที่ 36% แยกจากอัตราภาษีรายอุตสาหกรรม และหากพบว่า สินค้ามีการสวมสิทธิ (transship) เพื่อเลี่ยงภาษี จะถูกเก็บภาษีในอัตราที่สูงขึ้น


อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ ระบุว่าหากไทยหรือบริษัทไทยเลือกลงทุนในสหรัฐฯ จะไม่มีการเก็บภาษีนำเข้า และรัฐบาลสหรัฐฯ ยินดีเร่งรัดการอนุมัติที่จำเป็น นอกจากนี้ท้ายจดหมายระบุว่า หากไทยยกเลิกนโยบายทางภาษีและอุปสรรคการค้าแบบไม่ใช่ภาษี (non-tariff barriers) สหรัฐฯ อาจพิจารณาลดภาษีที่ตั้งไว้ และยืนยันว่าไทยจะ “ไม่ผิดหวัง” กับสหรัฐอเมริกาในฐานะคู่ค้าระยะยาว

อ้างอิง : บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) , กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์


You might be intertested in this news.

Mostview

เจาะเบื้องลึก สนามบินเตโช ความภาคภูมิใจของกัมพูชา

เจาะเบื้องลึก สนามบินเตโช ความภาคภูมิใจของกัมพูชา (PART1)

อีนางคำดวง อาชีพ “นายฮ้อย” กับเรื่องจริงการค้าควาย สมัย ร.5

จากละคร สู่เรื่องจริง อาชีพ "นายฮ้อย" และการค้าขายควาย ในสมัย ร.5 สาเหตุที่เฟื่องฟู กับปัญหาการขโมยและปล้นควาย...

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(23ก.ย.68) หาจังหวะขายทํากำไร

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(23ก.ย.68) หาจังหวะขายทํากำไร

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(22ก.ย.68) หาจังหวะขายทํากําไร

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(22ก.ย.68) หาจังหวะขายทํากําไร

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(17ก.ย.68) เก็งกําไรในกรอบ

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(17ก.ย.68) เก็งกําไรในกรอบ

TrustNEws Line