แนวโน้มSETวันนี้ (11ก.ค.68) การขึ้นยังจำกัดจากความเสี่ยง
by Trust News, 11 กรกฎาคม 2568
แนวโน้มSETวันนี้ (11ก.ค.68) การขึ้นยังจำกัดจากความเสี่ยง
คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์/รีบาวด์ มีแนวรับที่ 1110/1100-1095 ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1120/1128 มองการขึ้นยังจำกัดจากความไม่แน่นอนจากอัตราภาษี
ล่าสุดสหรัฐฯ เก็บภาษีฟิลิปปินส์ที่ 20% แม้เพิ่มจาก 2 เม.ย. ที่ 17% แต่เป็นอัตราภาษีที่เท่ากับเวียดนาม ซึ่งยังต่ำกว่าไทยที่ 36% ทำให้ไทยมีความเสี่ยงสูญเสียความสามารถในการแข่งขันหากยังเจรจาไม่ได้ ด้านคุณทักษิณเสนอแผนแก้ศก.ใน 2 ปี เร่งตั้ง AMCและหนุนการลงทุนแบบ PPP ซึ่งมองยังดำเนินการได้ไม่เร็ว
ประเด็นสำคัญ :
1. ปธน. ทรัมป์ประกาศว่าจะเริ่มมาตรการเก็บภาษีนำเข้าทองแดงที่เคยเกริ่นไปก่อนหน้านี้ในวันที่ 1 ส.ค. 2568 เป็นต้นไป เนื่องจากทองแดงเป็นโลหะสำคัญสำหรับอุตฯ เซมิคอนดักเตอร์, Data Center, แบตเตอร์รี, อาวุธ เป็นต้น และเป็นวัสดุที่กลาโหมสหรัฐฯ ใช้มากเป็นอันดับสอง และถูกใช้มากที่สุดเป็นอันดับสามของโลก รองจาก เหล็ก และอลูมิเนียม
2. รายงานการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 17-18 มิ.ย. ที่ผ่านมา คกก. ส่วนใหญ่มองการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้เป็นเรื่องที่เหมาะสม เนื่องจากประเมินผลกระทบมาตรการภาษีศุลกากรต่อภาวะเงินเฟ้อจะเกิดขึ้นไม่มากและเพียงชั่วคราว โดยคาดการณ์ใน Dot Plot โดย จนท. เฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้รวม 50bps
3. ม. หอการค้าเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค มิ.ย. 2568 ลดลงสู่ 52.7 ต่ำที่สุดในรอบ 28 เดือน กดดันจากความไม่แน่นอนของสงครามการค้าที่และเสถียรภาพการเมืองไทย ทั้งนี้การสำรวจอยู่ในช่วงที่นายกฯ ยังไม่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่และไม่รวมปัจจัยการประกาศอัตราภาษีศุลกากรสหรัฐฯ ต่อไทยที่ 36%
4. กรมธุรกิจพลังงานเผยยอดใช้น้ำมันเชื้อเพลิงช่วง 5M68 เพิ่มขึ้น 0.8%YoY สู่ 158.44 ล้านลิตร/วัน การเพิ่มขึ้นหนุนจากเบนซิน +0.8%YoY และน้ำมันอากาศยาน +12.3%YoY ตามการขนส่งทางอากาศที่ขยายตัว แต่การใช้ดีเซลกลับลดลง 1.5%YoY จากกิจกรรม ศก. ที่ลดลงและฝนที่ตกหนัก
5. ททท. ประกาศกลับมาเปิดระบบให้ประชาชนกลับมาลงทะเบียนโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ได้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. จากก่อนหน้านี้ได้ปิดระบบชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา
กลยุทธ์การลงทุน :
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวน โดยแม้มองปัจจัยการเมืองในประเทศจะยังไม่มีแรงกดดันเพิ่มในช่วงสั้น เพราะยังต้องรอผลการตัดสินขั้นสุดท้ายของศาลรัฐธรรมนูญ หลังจากที่มีมติให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่
แต่ตลาดน่าจะกำลังติดตามความเสี่ยงเรื่องอัตราภาษีศุลกากรใหม่ของสหรัฐฯ ที่ประกาศเรียกเก็บจากประเทศคู่ค้าซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. โดยสำหรับไทยถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 36% สูงกว่าประเทศคู่แข่งสำคัญในกลุ่มอาเซียน ซึ่งทำให้ไทยมีโอกาสสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน
อย่างไรก็ดี เบื้องต้นประเมิน SET ที่บริเวณต่ำกว่า 1100 จุด คิดเป็น PER ปี 2568 ต่ำกว่า 12 เท่า ยังเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว โดยกลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์ :
มอง SET แกว่งตัวผันผวน กังวลไทยถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีศุลกากรอัตรา 36% สูงกว่าประเทศคู่แข่งสำคัญในกลุ่มอาเซียน ซึ่งจะทำให้ไทยมีโอกาสสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีม หลักและ 3 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้...
1. หุ้น Earning Play ซึ่งโมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 2Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ ขณะที่ 3Q68 คาดกำไรยังเติบโต YoY แนะนำ ADVANC BCH CBG CPALL SCCC
2. หุ้น Defensive ที่ผันผวนต่ำและผลการดำเนินงานต้านทานความเสี่ยงภายนอกได้ (ผลกระทบจำกัดจากปัจจัยภายในและภายนอก) อีกทั้งยังมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ แนะนำ ADVANC BCH DIF
3. หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET50 ที่มี SETESG Rating A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ ADVANC BBL PTT
Trading Idea :
สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้น Undervalue (PER และ PBV < -1SD) และเราแนะนำ Outperform อีกทั้งคาดให้ Div. Yield ไม่ต่ำกว่าปีละ 3% แนะนำ BBL BCPG BDMS CPALL DIF PTT SIRI TIDLOR
2) หุ้นที่มีโอกาสได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวไทย แนะนำ ERW CENTEL AAV
3) หุ้นที่คาดฟื้นตัวเร็วหากเชื่อว่าการเจรจาจะทำให้สหรัฐพิจารณาปรับลดภาษีไทยลงมาอยู่ที่ระดับ 20% หรือต่ำกว่า แนะนำ AMATA GPSC WHA
Daily top picks :
MTC : ราคาหุ้นได้รับปัจจัยกระตุ้นจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอิงทางลง คาดว่ากำไรสุทธิ 2Q68 จะเติบโตดีทั้ง YoY และ QoQ และในปี 2568 คาดกำไรเติบโต 16%YoY โดยได้แรงหนุนจากสินเชื่อที่เติบโต และ Credit Cost ที่ลดลง มองเป็นหุ้น Undervalued ปัจจุบันซื้อขายที่ PBV 68F ระดับ 1.70 เท่า คิดเป็น -2SD
SCC : มองราคาหุ้นได้รับผลบวกจากแนวโน้มกำไร 2Q68 ที่จะฟื้นตัว QoQ เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวจากส่วนต่าง Chemical Spreads ที่ดีขึ้นอย่างมีนัยยะ และปริมาณขายเพิ่มขึ้น QoQ และ มีการเปลี่ยนวิธีการบันทึกบัญชีของ CAP มาเป็นการรับรู้แบบเงินปันผล ทำให้ SCC ไม่ต้องรับรู้ขาดทุนจาก CAP มองว่าราคาหุ้นยัง "ถูก" ที่ P/BV เพียง 0.4 เท่า และ P/E ปี 2568 เพียง 18.8 เท่า
กรอบค่าเงินบาทวันนี้ :
ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.55-32.80 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทแข็งค่าขึ้นโดยโดนกดดันจากราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้น
เงินบาท มีทยอยอ่อนค่าไปบ้าง ในช่วงประกาศยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claim) ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่กลับมาแข็งค่าจากราคาทองที่สูงขึ้น
ตลาดยังคงระมัดระวัง ต่อความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งตอนนี้ตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะสามารถลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้ง ในปีนี้
ข่าวเศรษฐกิจสำคัญประจำวัน :
Economic release : GE – ดัชนี CPI EU Harmonized มิ.ย. (รอบสุดท้าย)
อ้างอิง : บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) , กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์
You might be intertested in this news.
Mostview
ถอดรหัส ข้าคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จริงหรือ? ต้องได้เป็นตัวจริงเท่านั้น
ถอดรหัส ข้าคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จริงหรือ? ต้องได้เป็นตัวจริงเท่านั้น
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (18ธ.ค.68) Sideway Up รอซื้อตามแนวรับ
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (18ธ.ค.68) Sideway Up รอซื้อตามแนวรับ
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (17ธ.ค.68) Sideway Up เก็งกำไรในกรอบ
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (17ธ.ค.68) Sideway Up เก็งกำไรในกรอบ
6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (17ธ.ค.68)
6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (17ธ.ค.68)
7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (18ธ.ค.68)
7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (18ธ.ค.68)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง