วันศุกร์, กันยายน 19, 2568

ศาลทหารแจงคนละกรณี คดีน้องเมยตายยังไม่มีการฟ้อง

by Trust News, 24 กรกฎาคม 2568

ศาลทหาร แจงคำพิพากษารอลงอาญารุ่นพี่ทำร้าย 'น้องเมย' คนละกรณี คดีเสียชีวิตยังไม่มีการฟ้องคดี...

จากกรณีเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์คำพิพากษาคดีการทำร้ายร่างกาย นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย ซึ่งถูกนักเรียนเตรียมทหารรุ่นพี่ 1 คน เป็นผู้สั่งธำรงวินัย โดยศาลฯ เห็นว่าจำเลยไม่เคยได้รับโทษมาก่อน การลงโทษจำเลยตามที่โจทก์ขอถือว่าไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัวรับราชการ รับใช้ชาติต่อไปจะเป็นประโยชน์มากกว่า ศาลจึงลงโทษจำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี

ล่าสุด แหล่งข่าวจากศาลทหาร เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า ขณะนี้สังคมมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนต่อคำพิพากษาที่ปรากฏเป็นข่าว เพราะข้อเท็จจริงก่อนที่ นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย จะเสียชีวิต ถูกทำร้ายร่างกายหลายครั้ง และมีการแจ้งความดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องหลายกรณี

โดยคดีที่ ศาลสั่งลงโทษจำคุกจำเลยเป็นเวลา 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี ตามที่ปรากฏเป็นข่าว เป็นคดีเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายเท่านั้น ไม่ใช่ความผิดจากกรณีทำให้เสียชีวิต เป็นคนละกรณีกัน

ส่วนความผิดในคดีฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายที่เหตุเกิดในเดือน ต.ค.2560 นั้น ปัจจุบันยังไม่มีการฟ้องคดีต่อศาลทหาร และไม่มีข้อมูลยืนยันว่าพนักงานสอบสวน ได้มีการสรุปสำนวนฟ้องคดีแล้วหรือไม่ ขณะที่คดีพลทหารถูกซ้อมทรมานจนเสียชีวิต ที่ผ่านมา ศาลทหาร ก็มีคำพิพากษาลงโทษจำคุก จำเลยไปแล้ว อาทิ คดีพลทหารวิเชียร เผือกสม ที่ถูกซ้อมทรมานจนเสียชีวิต ในค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อปี 2554 เป็นต้น

คุก “ร้อยโท ลูกนายพล” พร้อมพวกอีก 7 คนคดีซ้อมพลทหารวิเชียร
ทั้งนี้ เกี่ยวกับข้อเท็จจริงกรณีนี้ เมื่อวันที่ 24 ก.ค.2568 ศาลทหาร ได้เผยแพร่เอกสารข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีเป็นทางการไปแล้ว มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ตามที่ปรากฎเป็นข่าวว่า ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 โจทก์ กับนักเรียนเตรียมทหาร ธ. จำเลย โดยมีการพิพากษาลงโทษในสถานเบา และรอการลงโทษให้กับจำเลย กรณีจำเลยทำร้ายร่างกายด้วยการสั่งธำรงวินัยแก่นักเรียนเตรียมทหาร ภ.ผู้เสียหาย จนเสียชีวิตนั้น

คดีตามคำพิพากษาของศาลทหารสูงสุดที่ 18/2568 มีข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2560 จำเลยสั่งธำรงวินัยโดยให้ผู้เสียหายทำท่า "แคงการู" ระหว่างนั้นผู้เสียหายเป็นลมหมดสติ จำเลยได้ไปตามเพื่อนนักเรียนเตรียมทหารและได้ช่วยกันปฐมพยาบาล นำผู้เสียหายส่งโรงพยาบาล มีบาดแผลถลอกบริเวณศีรษะด้านบนประมาณ 4 เซนติเมตร

แพทย์ให้ความเห็นว่า ผู้เสียหายมีอาการวูบ ไม่รู้สึกตัว ความดันต่ำ เห็นควรทุเลาฝึก งดออกกำลังกายหนัก มีกำหนด 7วัน กับงดออกกำลังกายในท่าศีรษะก้มลงต่ำกว่าตัว เพราะมีโอกาสทำให้เกิดความดันตกได้

จากนั้น มารดาของผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับจำเลย ข้อหาทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 พนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้อง ในความผิดฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 และอัยการศาลมณฑลทหารบกที่ 12 ได้ฟ้องจำเลย ตามความเห็นของพนักงานสอบสวนศาลมณฑลทหารบกที่ 12 พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 ให้รอการกำหนดโทษจำเลยไว้ 1 ปี

ศาลทหารกลางพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่จิตใจ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎในการพิจารณาว่าผู้เสียหายถูกธำรงวินัยจนหมดสติ ให้จำคุกจำเลย 4 เดือน 15 วัน ปรับ 15,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ มีกำหนด 2ปี

จำเลยฎีกาว่า ไม่มีเจตนาทำร้ายร่างกาย ไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง และโจทก์ฎีกาขอให้ไม่รอการลงโทษ ศาลทหารสูงสุดพิพากษาว่า การที่จำเลยสั่งธำรงวินัยผู้เสียหายโดยฝ่าฝืนระเบียบของโรงเรียนเตรียมทหาร และมารดาผู้เสียหายไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีกับจำเลยในความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเป็นเหตุได้รับอันตรายแก่กาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 เห็นว่า จำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเป็นเหตุได้รับอันตรายแก่จิตใจ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 และภายหลังเกิดเหตุ จำเลยได้ไปตามเพื่อนนักเรียนเตรียมทหารและได้ช่วยกันปฐมพยาบาล นำผู้เสียหายส่งโรงพยาบาลเฝ้าดูอาการจนปลอดภัย กับทั้งถูกโรงเรียนเตรียมทหารตัดคะแนนความประพฤติและปลดจากการเป็นนักเรียนบังคับบัญชา ประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน

เมื่อคำนึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ การศึกษาของจำเลย จึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 วรรคหนึ่ง พิพากษายืนตามศาลทหารกลาง

ด้วยเหตุนี้ คดีที่ศาลทหารสูงสุดมีคำพิพากษาดังกล่าว ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 ส.ค.2560 จึงไม่ใช่คดีที่มีการกล่าวหาว่าทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนถึงแก่ความตาย อันจะเป็นความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 ที่มีการกระทำเกิดขึ้นในเดือน ต.ค.2560 เป็นเหตุให้นักเรียนเตรียมทหาร ภ.ถึงแก่ความตาย พฤติการณ์ในคดีดังกล่าวจึงเป็นคนละกรณีกัน

นอกจากนี้ คดีดังกล่าวเป็นคดีที่เกิดขึ้นก่อนที่ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 จะใช้บังคับ จำเลยจึงไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565

สำหรับคดีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายที่เหตุเกิดในเดือน ต.ค.2560 นั้น ปัจจุบันยังไม่มีการฟ้องคดีต่อศาลทหาร ส่วนคดีชันสูตรพลิกศพไม่อยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลทหารในการพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวง ศาลทหารทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง ปราศจากอคติ ยึดมั่นตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายและความเป็นธรรม

 


You might be intertested in this news.

Mostview

เบื้องหลังไฟปะทุGENZ ถ้าการเมือง เนปาล ดี? (ชมคลิป)

เบื้องหลังไฟปะทุGENZ ถ้าการเมือง เนปาล ดี? (ชมคลิป)

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(17ก.ย.68) เก็งกําไรในกรอบ

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(17ก.ย.68) เก็งกําไรในกรอบ

7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (18ก.ย.2025)

7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (18ก.ย.2025)

4เดือนรัฐบาลอนุทิน โครงการลงทุนที่เป็นไปได้

4เดือนรัฐบาลอนุทิน โครงการลงทุนที่เป็นไปได้

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(18ก.ย.68) แกว่งออกข้าง

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(18ก.ย.68) แกว่งออกข้าง

TrustNEws Line