วันเสาร์, กรกฎาคม 26, 2568

สรุปสถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชา 26 ก.ค.68 ปักธงยอดภูมะเขือ-กริพเพนมาแล้ว

by Trust News, 26 กรกฎาคม 2568

ภาพเครื่องบินขับไล่โจมตี Gripen ฝูงบิน 701 กองบิน 7 เครดิต กองทัพอากาศ

สถานการณ์การสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา 26 ก.ค.68 มีการปะทะอย่างต่อเนื่องทั้ง 2 ฝ่าย มีการยิงปืนใหญ่ตกในพื้นที่พลเรือนหลายแห่ง ขณะที่ผลักดันฝ่ายตรงข้ามอออกจากภูมะเขือได้ และรักษาแนวตามแผนที่ 1/50,000 ขณะที่ ทอ.ส่ง กริพเพน ทิ้งระเบิดทำลายเป้าหมายภาคพื้นดินแล้ว

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 (ณ เวลา 12.00 น.) ตามที่เกิดสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปผลการปฏิบัติที่สำคัญ ดังนี้

สถานการณ์การสู้รบ ยังคงมีการปะทะอย่างต่อเนื่องและมีการเตรียมพร้อม และ เพิ่มเติมกำลังของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะที่พื้นที่ ช่องบก, ช่องอานม้า, ซำแต, ช่องตาเฒ่า ภูมะเขือ, ปราสาทตาควาย และ กลุ่มปราสาทตาเมือนธม มีการยิงปืนใหญ่ตกในพื้นที่พลเรือนหลายแห่ง แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ มีการอพยพ พนักงานคาสิโนชาวกัมพูชาออกจากบ่อนชายแดน ตรงข้ามช่องสายตะกู จ.บุรีรัมย์

ตลอดช่วงบ่ายของวันที่ 25 ก.ค. 68 กำลังของกัมพูชา มีการระดมยิงด้วยปืนใหญ่, เครื่องยิงลูกระเบิด (ค.), และ BM-21 อย่างหนัก โดยมีความพยายามเข้ารุกราน ในพื้นที่สำคัญ เช่น พื้นที่ซำแต, ภูผี, ช่องตาเฒ่า, และปราสาทตาเมือนธม ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารได้ทำการตอบโต้อย่างเท่าเทียม ตามลำดับด้วยการใช้อาวุธประจำกาย การยิงปืนใหญ่, เครื่องยิงลูกระเบิด และ การใช้กำลังทางอากาศยิงทำลายเป้าหมาย ที่ช่องอานม้า, ภูผี, ช่องตาเฒ่า, ช่องบันไดหัก

การใช้กำลังเข้าผลักดันข้าศึก ที่ภูมะเขือปัจจุบันสามารถยึดควบคุมพื้นที่ ตามแนวเส้นปฏิบัติการ 1 ต่อ 50,000 ของเราไว้ได้ทั้งหมด ส่วนพื้นที่ปราสาทตาควาย ยังคงมีความพยายามผลักดันอยู่แต่มีข้อจำกัดเรื่องการใช้กำลังใกล้โบราณสถาน, พื้นที่และห้วงเวลาที่มีการปะทะหนักได้แก่, พื้นที่ ภูมะเขือ 6 ครั้ง, พื้นที่ประสาทตาเมือนธม 4 ครั้ง, พื้นที่ช่องบก 3 ครั้ง, พื้นที่ช่องอานม้า 3 ครั้ง, พื้นที่ซำแต 2 ครั้ง และพื้นที่ช่องตาเฒ่า 3 ครั้ง

การใช้กำลังทางอากาศ : วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร รายงานว่า เมื่อช่วงบ่าย กองทัพอากาศใช้ทั้งเครื่องบินขับไล่ F-16 และ JAS-39 Gripen ใน 2 แนวรบชายแดนกัมพูชา ทั้งที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ และ หลังปราสาทตาเมือนธม  จ.สุรินทร์ รวมทั้ง การโจมตีรอบที่ 2 ที่ ปราสาทตาควาย เพื่อสนับสนุนทหารไทยที่ถูกกดดันหนัก แม้ มีข่าวว่า การบินเข้าพื้นที่การรบมีความเสี่ยง เพราะฝ่ายกัมพูชาจะเตรียมขีปนาวุธต่อสู้อากาศยาน KS-1C ไว้ก็ตาม แต่การปฏิบัติงานทิ้งระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ GBU-12 เข้าเป้าหมายแม่นยำและกลับถึงฐานปลอดภัยทุกลำ ทั้งนี้ ถือเป็นการปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดิน ด้วยเครื่องบินขับไล่แบบกริพเพนครั้งแรกของโลก นับตั้งแต่มีประจำการในกองทัพ 

Gripen ทอ.ไทย บินสาธิตการติดตั้งอาวุธ

Gripen ทอ.ไทย บินสาธิตการติดตั้งอาวุธ

พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่พื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พื้นที่ อ.กาบเชิง และ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ คาดว่ากำลังของฝ่ายกัมพูชาจะใช้การยิงปืนใหญ่ เพื่อมุ่งทำลายชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือน เพื่อกดดันทางการเมือง ให้รัฐบาลไทยตัดสินใจยุติการต่อสู้ ในสภาพเสียเปรียบ

การอพยพประชาชน ไปยังพื้นที่รวบรวมพลเรือน พื้นที่ตอนในทั้ง 4 จังหวัด ได้แก่ จ.บุรีรัมย์ อพยพเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือน 1 จุด 6,238 คน, จ.สุรินทร์ อพยพเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือน 51 จุด 32,843 คน, จ.ศรีสะเกษ อพยพเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือน 82 จุด 34,248 คน และ จ.อุบลราชธานี อพยพเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือน 76 จุด 14,709 คน ล่าสุดอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือนแล้ว จำนวน 88,038 คน

ผลกระทบต่อประชาชน พื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ มีจรวด BM-21 ตกในพื้นที่ บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 7 หลังคาเรือน ไม่มีรายงานการสูญเสียต่อชีวิตของประชาชน

จิตอาสาพระราชทาน ดูแลช่วยเหลือประชาชน ในพื้นที่ 4 จังหวัด เพื่อดูแลและช่วยเหลือประชาชน อำนวยความสะดวกประชาชนในศูนย์พักพิงชั่วคราว และช่วยขนย้ายสิ่งของ รวมทั้งช่วยในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้ประชาชนได้รับทราบ โดยมีกำลังจิตอาสา 904 111 นาย, จิตอาสาประชาชน 2,480 นาย, เยาวชน และ รด.จิตอาสา 220 นาย

การจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อประกอบอาหารดูแลประชาชนผู้อพยพ โดยมีโรงครัวพระราชทาน ในพื้นที่ 4 จังหวัด 7 แห่ง รถครัวประกอบอาหาร 9 คัน รวมข้าวกล่องตั้งแต่ วันที่ 24 – 26 ก.ค. 68 จำนวน 87,600 กล่อง

ตามที่ปรากฏข่าวสาร การรบปะทะระหว่างไทย - กัมพูชา แล้วมีกระสุนไปตกยังฝั่ง สปป.ลาว ทำให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือน และทรัพย์สินของประชาชนฝั่ง สปป.ลาว นั้น ฝ่ายไทยขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง แต่จากการตรวจสอบและประสานกับ สปป.ลาว แล้วทราบว่า กระสุนดังกล่าวไม่ได้เป็นกระสุนจากอาวุธของกองทัพไทย แต่เป็นกระสุนของฝ่ายกองทัพกัมพูชา โดยฝ่ายไทยมีความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งในการใช้อาวุธยิงสนับสนุน ที่จะไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเป้าหมายที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร

ข่าวแจ้งเตือนประชาชน เรื่อง ขีปนาวุธ ซึ่งเป็นระบบขีปนาวุธ PHL-03 ที่มีความสามารถในการยิงหลายลูกพร้อมกันในระยะทางไกลถึง 130 กิโลเมตร จากตำแหน่งยิง ขีปนาวุธชนิดนี้สามารถทำลายที่หมายทางยุทธศาสตร์ และที่ตั้งกำลังทางทหาร ซึ่งกองทัพได้เตรียมการรองรับสถานการณ์ ในการปฏิบัติตามแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง และมีเครื่องมือในการทำลายขีปนาวุธชนิดนี้ แต่เพื่อไม่ประมาทในการป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือน ขอให้ระมัดระวังการถูกโจมตีที่ไม่พึงประสงค์นี้ ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนไม่ตื่นตระหนก และติดตามการแจ้งเตือนจากทางการ.


You might be intertested in this news.

Mostview

ทหารเตือน ระวังอันตราย ขีปนาวุธ PHL-03 ระยะยิงกว่า 130 กม.จากแนวชายแดน

กองทัพภาคที่ 2 เตือนพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ระวังอันตรายจาก PHL-03 ขีปนาวุธ พื้นสู่พื้นหลายท่อยิงของฝ่ายกัมพูชา ชี้พิสัยไกล 130 กม. อาจตกใส่เขตชุมชนแบบไม่พึงประสงค์ ทั้งนี้ พยายามอยู่ห่างจากที่ตั้งหน่วยงานราชการไว้ก่อน

พลาดพลั้ง สู่การกำเนิดใหม่ ชีวิตที่พลิกผัน ของ อูโก้ เอกิติเก้ (ชมคลิป)

พลาดพลั้ง สู่การกำเนิดใหม่ ชีวิตที่พลิกผัน ของ อูโก้ เอกิติเก้ (ชมคลิป)

รีวิวหนัง “โอชิ อสูรขี้อ้อน พา น้อน กลับบ้าน”

รีวิวหนัง “โอชิ อสูรขี้อ้อน พา น้อน กลับบ้าน” หนังเด็ก ที่ดูได้เรื่อยๆ

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(22ก.ค.68) ระวังแรงขายระยะสั้น

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(22ก.ค.68) ระวังแรงขายระยะสั้น

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (23ก.ค.68) ทยอยขายทํากําไร

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (23ก.ค.68) ทยอยขายทํากําไร

TrustNEws Line