สรุปประเด็นสำคัญทางเศรษฐกิจ รับข่าวไทยได้ภาษีทรัมป์ 19%
by Trust News, 1 สิงหาคม 2568
สรุปประเด็นสำคัญทางเศรษฐกิจ รับข่าวไทยได้ภาษีทรัมป์ 19%
- ไทยได้รับอัตราภาษี 19% 
- Core PCE ออกมาสูงกว่าตลาดคาด 
- BoJ มีท่าทีชะลอการขึ้นดอกเบี้ย 
- เศรษฐกิจไทยเดือน มิ.ย. ชะลอลงต่อเนื่อง
1. ไทยได้รับอัตราภาษี 19% เท่ากับมาเลเซีย และต่ำกว่าคู่แข่งสำคัญอย่าง เวียดนามและไต้หวันซึ่งถูกเก็บ 20% ขณะที่ประเทศที่ไม่สามารถเจรจาทัน เช่น อินเดีย, แอฟริกาใต้ และสวิตเซอร์แลนด์ ถูกเก็บภาษีในระดับที่สูงกว่ามาก (25–39%)
2. ดัชนี Core PCE เพิ่มขึ้น +0.3%MoM และ +2.8%YoY ในเดือน มิ.ย. สูงกว่าตลาดคาด (+2.7%) สะท้อนแรงกดดันเงินเฟ้อที่ยังไม่คลี่คลาย โดยเฉพาะจากต้นทุนสินค้านำเข้า เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า อุปกรณ์กีฬา ซึ่งได้รับผลจากมาตรการภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ เพิ่มแรงกดดันให้ Fed ต้องระมัดระวังต่อการผ่อนคลายนโยบาย
โดยเฉพาะเมื่อเงินเฟ้อยังเร่งขึ้น และทรัมป์อาจประกาศขึ้นภาษีรอบใหม่ในวันที่ 1 ส.ค. ซึ่งจะยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านราคาในระยะถัดไป
ขณะที่การใช้จ่ายผู้บริโภค (real consumer spending) เพิ่มขึ้นเพียง +0.1%MoM หลังหดตัวในเดือนก่อน บ่งชี้แรงซื้อที่ยังอ่อนแอ โดยเฉพาะการใช้จ่ายสินค้าคงทนที่หดตัว 3 เดือนติด เช่น รถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนรายได้แท้จริงไม่เพิ่มขึ้นเลย (flat) และอัตราออมยังอยู่ที่ระดับต่ำ 4.5%
3. BoJ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5% ตามคาด ขณะที่ปรับประมาณการเงินเฟ้อและเศรษฐกิจปีนี้สูงขึ้น แนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่นในระยะต่อไปมีแนวโน้มชะลอลงจากแรงกดดันด้านการค้าและนโยบายของแต่ละประเทศที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง
ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเติบโตในอัตราที่ช้าลง ซึ่งกระทบต่อเนื่องมายังผลประกอบการของภาคธุรกิจญี่ปุ่น ด้านเงินเฟ้อ อัตราการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ไม่รวมอาหารสด คาดว่าจะอยู่ในช่วง 2.5–3.0% ในปีงบประมาณ 2025 โดยการเร่งตัวของเงินเฟ้อในระยะสั้นมีสาเหตุหลักจากราคาสินค้าอาหาร
4. คาด BoJ จะยังคงท่าที Wait and See เช่นเดียวกับธนาคารกลางอื่นๆ เพื่อรอประเมินผลกระทบของการบังคับใช้ภาษีศุลกากรในวันที่ 1 ส.ค. โดยภายหลังการประชุมตลาดมองโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ ลดลงโดย Implied rate ในช่วงสิ้นปีอยู่ที่ 0.65% ลดลงจาก 0.68% ก่อนการประชุม
5. เศรษฐกิจไทยในเดือนมิถุนายนส่งสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากภาคการบริโภคและภาคการผลิตที่อ่อนแรงลงรวมถึงการส่งออกที่ขชะลอลง โดยเครื่องชี้การใช้จ่ายภาคเอกชนลดลงเล็กน้อยจากหมวดบริการและสินค้าคงทน
สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงจากหลายประเทศสำคัญ ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมหดตัวทั้งในกลุ่มที่ผลิตเพื่อส่งออกและบริโภคในประเทศ สะท้อนแรงส่งของคำสั่งซื้อที่เริ่มแผ่วลง แม้การส่งออกโดยรวมยังขยายตัวดีจากฐานต่ำและการเร่งส่งออกในช่วงก่อนหน้า แต่ตัวชี้วัดเชิงปริมาณเริ่มสะท้อนภาวะชะลอตัว โดยเฉพาะในหมวดอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์
6. ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2025 เศรษฐกิจไทยคาดจะชะลอตัวแม้ตัวเลข GDP ในช่วงต้นปีจะดูดี แต่มีแรงหนุนจากการ frontload ส่งออก ซึ่งไม่ยั่งยืน
โดยเฉพาะหากไทยมีโดนภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯในอัตราที่สูงกว่าคู่ค้ารายอื่น เราจึงคงมุมมองว่า ธปท. ควรปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้งภายในปี 2025 รวม 0.50% นำดอกเบี้ยลงสู่ ระดับ 1.25% ต่อปี
อ้างอิง : บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) , กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์
You might be intertested in this news.
Mostview
เล่นเร็ว เน้นบอลยาวและฟรีคิก แท็กติกที่ทำให้แมนยูฯเริ่มดีขึ้น
เล่นเร็ว เน้นบอลยาวและฟรีคิก แท็กติกที่ทำให้แมนยูฯเริ่มดีขึ้น
แนวโน้มราคาทองคำวันนี้(29ต.ค.68) ฟื้นตัวในกรอบจำกัด
แนวโน้มราคาทองคำวันนี้(29ต.ค.68) ฟื้นตัวในกรอบจำกัด
แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (30ต.ค.68) ฟื้นตัวในกรอบจำกัด
แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (30ต.ค.68) ฟื้นตัวในกรอบจำกัด
8 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (29ต.ค.2068)
8 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (29ต.ค.2068)
8 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (30ต.ค.2568)
8 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (30ต.ค.2568)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง