วันศุกร์, กันยายน 19, 2568

ทบ.สรุปหลังหยุดยิงไทยไม่ได้ปราสาทตาควาย-ช่องอานม้า แบ่งกัน 2 ฝ่ายดูพื้นที่

by Trust News, 2 สิงหาคม 2568

กองทัพบก แจง ไม่ได้พื้นที่ช่องอานม้า 100% เพราะก่อนหยุดยิงฝ่ายกัมพูชาถล่มหนัก ทั้งใช้ทหารราบ รถถัง และกองทัพโดรน จนต้องถอยออกมา ทั้งนี้ หน่วยในพื้นที่ตกลงแบ่งกำลังฝ่ายละ 5 นายดูแลพื้นที่อ้างสิทธิ์ร่วมกันที่อนุสาวรีย์ตาอม ขณะที่ ทหารไทยตรึงกำลังพื้นที่รอบๆ

จากข้อมูลเมื่อวันที่ 31 ก.ค.2568 ตามรายงานจากศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปเหตุการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ดังนี้

ตรวจพบการเสริมกำลังและสร้างความมั่นคงของฝ่ายกัมพูชาตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา

พบการใช้อากาศยานไร้คนขับ (ไม่ทราบฝ่าย/ชนิด) บินตรวจการณ์บริเวณที่ตั้งของฝ่ายไทยในหลายพื้นที่ ได้แก่ ช่องอานม้า (อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี), ภูมะเขือ, สัตตะโสม, ปราสาทโดนตรวล, ภูผี (อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ), ช่องจอม (อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์) และช่องสายตะกู (อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์)

การดำเนินการต่อทหารกัมพูชา 20 นาย ที่ยอมจำนนในพื้นที่ช่องซำแต ถูกส่งดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ส่วนผู้บาดเจ็บ 2 นาย ถูกส่งรักษาตัวที่ รพ.ค่ายวีรวัฒน์โยธิน จ.สุรินทร์

การวางกำลังควบคุมพื้นที่โดยรอบปราสาทตาควาย บริเวณลานหน้าปราสาทตาควาย ซึ่งเคยเป็นพื้นที่พักและท่องเที่ยวร่วมกันของทั้งสองประเทศ ปัจจุบันเชื่อว่าถูกวางทุ่นระเบิด PMN2 ซึ่งเคยสร้างความเสียหายแก่ทหารไทย การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา และการนำกำลังเข้าครอบครองโบราณสถาน ยังเป็นการละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน
กองทัพบก สรุปสถานการณ์พื้นที่รอบปราสาทตาควาย (31 ก.ค. 68)

พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แถลงระบุว่า แม้ยังไม่สามารถวางกำลังที่ตัวปราสาทตาควายได้ แต่กองทัพไทยสามารถขยายการควบคุมพื้นที่โดยรอบเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายทางทหาร โดยมุ่งเน้นการยึดพื้นที่สูงซึ่งมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์มากกว่าตัวปราสาทที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่ำ จุดยุทธศาสตร์หลัก คือ “เนิน 350” ซึ่งฝ่ายตรงข้ามใช้เป็นฐานยิงโจมตี การเข้าถึงพื้นที่ดังกล่าวมีความสำคัญแต่ต้องดำเนินการภายใต้ข้อจำกัดด้านเวลา นอกจากนี้ การเคลื่อนกำลังเข้าพื้นที่ยังถูกขัดขวางด้วยสนามทุ่นระเบิด ส่งผลให้ ร.ต.เกียรติวงศ์ สถาวร ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งกระทบต่อการรุกขั้นสุดท้าย ขณะนี้อยู่ในช่วงหยุดยิง จึงไม่มีการเคลื่อนไหวทางทหารเพิ่มเติม

ด่าน ช่องยูทูบวาสนา นาน่วม (WassanaNanuam) เผยไทยไม่ได้พื้นที่ ช่องอานม้า หลังกรณีทหารกัมพูชา พาคณะทูตทหารจาก 23 ชาติลงดูพื้นที่บริเวณตลาด และ รูปปั้น ตาอมขี่ม้า ขณะที่ทหารไทยมองตาปริบ จนคนไทยงงว่า ตอนแรกกองทัพบกแถลงว่า ก่อนหยุดยิงคุมพื้นที่ได้ แต่ภาพที่ออกมาเกิดอะไรขึ้น มาเฉยยในคลิป (สุดเดือด! ทหารเขมรยึดช่องอานม้านาทีสุดท้าย ด้วยกองทัพโดรน-รถถัง กับอาถรรพ์ตาอมขี่ม้า ขออง ฮุนมาเนต)

โดยได้มีการอธิบายว่า ช่องอานม้า ตั้งอยู่ในพื้นที่ บ้านน้ำยืน หมู่ที่ 6 ตำบลโซง อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี จุดนี้อยู่บนพื้นที่ทับซ้อนที่ทั้ง 2 ฝ่ายอ้างสิทธิ ตาม MOU. 2543 แต่ฝ่ายกัมพูชามีเจตนาเข้ามายึดครองพื้นทื่ ทำให้ช่วงหลายสิบปีมีการนำเอาประชาชนชาวเขมรแทรกซึมเข้ามาสร้างชุมชนก่อนมาตั้งเป็นตลาด แม้ฝ่ายไทยจะมีการประท้วงไปก็ไม่เป้นผล ทหารไทยต้องยืนเฝ้ามองการเติบโตของตลาดแห่งนี้ รวมทั้ง การสร้างอนุสาวรีย์ตาอมขี่ม้าจ้องหน้ามาฝั่งไทย ที่ได้ประท้วงไปเช่นกันแต่ก็หยุดไม่ได้ จนสร้างเสร็จสมบูรณ์

ในช่วงการสู้รบวันที่ 3 ทหารไทยสามารถเข้ายึดพื้นที่ช่องอานม้าได้ ด้วยการสนับสนุนโจมตีทางอากาศศตัดกำลังกัมพูชาตจนล่าถอย แต่ในช่วงก่อนหยุดยิงก่อนเที่ยงคืน ทหารกัมพูชา ได้รวบรวมกำลังทหารราบและรถถัง บุกมาตีเอาคืนควบคู่กับการยิงปืนใหญ่สนับสนุนจากเนิน 667 จนทหารไทยบาดเจ็บหลายนาย ผนวกกับการใช้โดรนพลีชีพทำให้ทหารไทยต้องสูญเสีย เลยล่าถอยจากตลาดช่องอานม้า กลับไปอยู่ในแนวเส้นปฏิบัติการเดิมตามแผนที่ 1/50,000  เป็นเหตุให้หลายวันต่อมาก ฝ่ายกัมพูชาจึงพาคณะทูตทหาร 23 ชาติไปดูความเสียหายของตลาดที่พังยับ แต่ต้องบอกว่า ความเสียหายที่เกิดในตลาดทั้งหมด มาจากการยิงปืนใหญ่ฝั่งตัวเองใส่ตลาดไล่ทหารไทย รวมทั้ง ทำให้อนุสาวรีย์ตาอมขี่ม้าโดนระเบิดพังเป็นซากตามภาพในข่าวนั้นเอง

ขณะที่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษก ทบ. ชี้แจงกรณีพื้นที่ “ช่องอานม้า” ว่า ก่อนเกิดเหตุการปะทะเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 กำลังทหารฝ่ายไทย ไม่เคยสามารถเข้าไปในพื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ตาอม ได้ เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาวางกำลังตรึงพื้นที่ไว้ฝ่ายเดียวมาตลอดซึ่งผิดหลักธรรมชาติ แต่ปัจจุบันหลังปะทะ และหยุดยิง ฝ่ายไทยสามารถเข้าพื้นที่ได้ ตามเงื่อนไขที่ ทหารทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกัน

สำหรับกรณีเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 กองทัพกัมพูชาได้นำคณะทูตทหารจาก 13 ประเทศเข้าไปสังเกตการณ์ในพื้นที่ จะพบว่า พื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ตาอมขณะนั้นมีทหารไทยได้ควบคุมพื้นที่อยู่

แต่ด้วยแนวปฏิบัติร่วมในพื้นที่อ้างสิทธิ์บริเวณ “ช่องอานม้า” หน่วยทหารในพื้นที่ ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงแนวทางปฏิบัติร่วมกันไว้ ดังนี้:
1. จัดกำลังฝ่ายละ 5 นาย โดยแต่ละฝ่ายส่งเจ้าหน้าที่ 5 นายเข้าไปในพื้นที่ร่วม/พื้นที่ที่ต่างฝ่ายได้อ้างสิทธิ์
2. ไม่มีการพกพาอาวุธเจ้าหน้าที่ทุกนายต้องงดเว้นการพกพาอาวุธในขณะปฏิบัติภารกิจ
3. มีการลาดตระเวนร่วมกันทั้งสองฝ่ายร่วมเดินลาดตระเวนบริเวณรอบ “ตาอม” (ฝั่งกัมพูชา) และพื้นที่ใกล้เคียง เป็นเวลา 15 นาทีต่อครั้ง
4. ไม่จำกัดช่วงเวลาในการเข้า-ออกพื้นที่ สามารถเข้าปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนได้ ตลอดเวลา โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา

ปัจจุบันกองทัพไทยสามารถควบคุมสถาปนาพื้นที่ได้เพิ่มขึ้น หลายพื้นที่สามารถผลักดันกำลังฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่รุกล้ำอธิปไตยไทยได้สมบูรณ์ รวมถึงเข้ายึดพื้นที่ในแนวจุดยุทธศาสตร์ทางทหารที่สำคัญได้หลายจุด โดยเมื่อยึดพื้นที่ได้แล้ว ฝ่ายไทยได้จัดกำลังตรึงพื้นที่ เฉพาะในเขตที่มั่นใจว่าเป็นดินแดนของไทย และสามารถครอบครองได้โดยชอบธรรม เพื่อรักษาความได้เปรียบทางยุทธวิธี เพื่อได้เปรียบในการป้องกันการกระทบกระทั่งที่อาจเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต.

 


You might be intertested in this news.

Mostview

เบื้องหลังไฟปะทุGENZ ถ้าการเมือง เนปาล ดี? (ชมคลิป)

เบื้องหลังไฟปะทุGENZ ถ้าการเมือง เนปาล ดี? (ชมคลิป)

อีนางคำดวง อาชีพ “นายฮ้อย” กับเรื่องจริงการค้าควาย สมัย ร.5

จากละคร สู่เรื่องจริง อาชีพ "นายฮ้อย" และการค้าขายควาย ในสมัย ร.5 สาเหตุที่เฟื่องฟู กับปัญหาการขโมยและปล้นควาย...

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(17ก.ย.68) เก็งกําไรในกรอบ

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(17ก.ย.68) เก็งกําไรในกรอบ

7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (18ก.ย.2025)

7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (18ก.ย.2025)

4เดือนรัฐบาลอนุทิน โครงการลงทุนที่เป็นไปได้

4เดือนรัฐบาลอนุทิน โครงการลงทุนที่เป็นไปได้

TrustNEws Line