แนวโน้มSETวันนี้(18ส.ค.68) เริ่มมีโอกาสชะลอที่แนวต้าน
by Trust News, 18 สิงหาคม 2568
แนวโน้มSETวันนี้(18ส.ค.68) เริ่มมีโอกาสชะลอที่แนวต้าน
มองตลาดจะเแกว่งตัวไซด์เวย์/พักตัว ติดตาม GDP ไทยที่จะรายงานในวันนี้เบื้องต้นตลาดคาดว่าจะลดลงจากไตรมาสก่อนที่ +3.1% เหลือ +2.5% ส่วนสัญญาณการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียประเด็นสงครามยูเครน แม้ว่ายังไม่ได้ข้อสรุป แต่หากมีสัญญาณดีอาจกดดันราคาน้ำมันและหุ้นพลังงานในช่วงสั้น
ด้านเทคนิคมีแนวรับหลัก 1250 ไม่ควรลงหลุดต่ำกว่า การลงหลุดต่ำกว่ามีโอกาสพักนานและมีแนวรับหลักถัดไป 1230 ส่วนแนวต้านประเมินไว้ที่ 1266/1273
ประเด็นสำคัญ :
1. การประชุมสุดยอดระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียในมลรัฐอลาสกาเพื่อหารือการยุติสงครามยูเครนยังไม่ได้ข้อสรุป ปธน. ทรัมป์เผยว่าการพูดคุยกับ ปธน. ปูตินมีความคืบหน้าแต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด ด้านผู้นำยุโรปออกแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้ยูเครนมีส่วนร่วมในการเจรจาครั้งนี้และเคารพในอธิปไตยของยูเครน
2. ปธน. ทรัมป์เผยว่าจะตั้งภาษีศุลกากรใหม่ภายใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ครอบคลุม เซมิคอนดักเตอร์และเหล็ก และอาจสูงถึง 200-300% จากก่อนหน้านี้ได้ประกาศจะเก็บภาษีเซมิคอนดักเตอร์ 100% และจะละเว้นหากบริษัทมีแผนจะย้ายฐานการผลิตกลับสหรัฐฯ และเริ่มเก็บภาษีเหล็กในอัตรา 50% ตั้งแต่ มิ.ย. ที่ผ่านมา
3. ปธน. ทรัมป์ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่าในขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณาการเก็บภาษีศุลกากรต่อจีนกรณีนำเข้าน้ำมันรัสเซียในตอนนี้ จากในสัปดาห์ก่อนที่ได้เรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าอินเดียเพิ่มเติม 25% แต่ได้เผยว่าจะไม่ได้ปิดโอกาสที่จะพิจารณาเรียกเก็บในระยะเวลาอันใกล้
4. สภาผู้แทนฯ ลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ ประจำปีงบฯ 2569 วาระที่สามด้วยคะแนน 257-229 เสียง โดยงบฯ มีวง 3.78 ล้านลบ.
5. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ใน ส.ค. จากผลสำรวจของ ม. มิชิแกน ลดลงสู่ระดับ 58.6 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ ซึ่งได้รับผลกระทบจากความพุ่งขึ้นของภาวะเงินเฟ้อ
6. จีนเผยตัวเลข ศก. สำคัญใน ก.ค. ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ ผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัว 5.7%YoY ชะลอลงจากเดือนก่อน, ยอดค้าปลีกขยายตัว 3.7%YoY ทำระดับต่ำที่สุดของปี และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรช่วง 7M68 ขยายตัวชะลอลงเหลือ 1.6%YoY คาดรัฐบาลจีนจะคงเดินหน้าใช้มาตรการกระตุ้น ศก. แบบค่อยเป็นค่อยไป
กลยุทธ์การลงทุน :
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสพักฐาน หลังดัชนีปรับขึ้นต่อเนื่องจนเข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่ 1280/1300 จุด ซึ่งคาดได้สะท้อนถึงแรงหนุนจาก Fund Flow ที่ไหลเข้าและการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ไปแล้วในระดับหนึ่ง
สัปดาห์นี้คาดตัวเลข GDP 2Q68 และการส่งออกไทยจะออกมาดีกว่าตลาดคาดเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้า ส่วนประเด็นการเมืองที่เกี่ยวกับคดีของอดีตนายกฯ ทักษิณมองไม่มีนัยยะกับตลาด แต่ต้องจับตา ป.ป.ช. ว่าจะมีมติส่งคดีตามมาตรา 144 ซึ่งเกี่ยวกับการโยกงบประมาณไปใช้ในโครงการ Digital Wallet ให้ศาล รธน. วินิจฉัยหรือไม่ ซึ่งอาจเพิ่มความผันผวนให้กับตลาดได้ กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์ :
มอง SET มีโอกาสพักฐาน ขณะที่มีหลายประเด็นที่ต้องเฝ้าติดตาม จากก่อนหน้านี้ดัชนีได้รับแรงหนุนจาก Fund Flow ไหลเข้า กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีม หลักและ 3 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้...
1. หุ้น Earning Play ซึ่งคาด 2H68 ผลการดำเนินงานจะยังเติบโตดีทั้ง HoH และ YoY แรงหนุนจากปัจจัยฤดูกาลและจากปัจจัยบวกที่มีเฉพาะตัว ได้แก่ ADVANC BCPG GULF SCC TIDLOR
2. หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET100 ที่มี SETESG Rating A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ ADVANC BBL PTT SIRI TTB
Trading Idea :
สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ...
1) หุ้น Laggard Play ซึ่งคาดได้อานิสงส์หาก Fund Flow ไหลเข้าต่อเนื่อง โดยเลือกหุ้น SET50 ซึ่งราคาหุ้นปรับขึ้น MTD ต่ำกว่า SET และ Valuation ถูก โดยมี PBV และ PER 2568F < -1SD อีกทั้งมีพื้นฐานดี (กำไรเติบโต ฐานะการเงินแข็งแกร่งและมี ESG Rating A-AAA) แนะนำ BDMS CPALL MINT PTT WHA;
2) เก็งกำไรหุ้นใน SET50 ที่ทางเทคนิคยังต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน และเราแนะนำ Outperform ได้แก่ BCP CBG GULF MTC;
3) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลงและจาก GDP 2Q68 มีโอกาสออกมาดีกว่าตลาดคาด แนะนำ กลุ่มอสังหาฯ AP SIRI, กลุ่มค้าปลีก CPALL HMPRO GLOBAL และกลุ่ม REITs ได้แก่ FTREIT LHSC
Daily top picks :
SCC : ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกระยะสั้นจากแนวโน้ม GDP ที่มีโอกาสออกมาดีกว่าคาด และราคาต้นทุนพลังงานที่ลดลง ส่วนงบ 2H68 คาดว่าจะดีขึ้นจากครึ่งปีแรก โดยมีแรงหนุนจาก 1) โครงการลดต้นทุนที่ทยอยเห็นผล 2) ผลของการปรับราคาปูนซีเมนต์ขึ้น 20% ที่จะสะท้อนมากขึ้น และ 3) ไม่ต้องรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก CAP
GULF : ราคาหุ้นมีแรงหนุนระยะสั้นจากต้นทุนพลังงานที่ลดลง กำไรใน 2H68 มีโอกาสโตจากโรงไฟฟ้าJackson (1,200MW, ถือ 49%) รับ Capacity Payment ใหม่ตั้งแต่ มิ.ย. จาก US$30 เป็น US$270/MW-day ส่วน Data Center 25MW มีลูกค้าเต็มเริ่มรับรู้รายได้ ส.ค. นี้ รวมถึงการทยอย COD โครงการ Solar และ Solar+BESS
อ้างอิง : บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) , กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์
You might be intertested in this news.
Mostview
ถอดรหัส ข้าคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จริงหรือ? ต้องได้เป็นตัวจริงเท่านั้น
ถอดรหัส ข้าคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จริงหรือ? ต้องได้เป็นตัวจริงเท่านั้น
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (18ธ.ค.68) Sideway Up รอซื้อตามแนวรับ
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (18ธ.ค.68) Sideway Up รอซื้อตามแนวรับ
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (17ธ.ค.68) Sideway Up เก็งกำไรในกรอบ
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (17ธ.ค.68) Sideway Up เก็งกำไรในกรอบ
6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (17ธ.ค.68)
6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (17ธ.ค.68)
7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (18ธ.ค.68)
7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (18ธ.ค.68)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง