"ทำจริงทำได้ ขายได้มีกินมีใช้" ตัวอย่างที่ "บ้านกูแบสีรา" จ.ปัตตานี หลังขยายผลองค์ความรู้สู่ชุมชน ช่วยเกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รายได้เพิ่ม 500 บาท/สัปดาห์ จากปลูกผักอินทรีย์เสริม ทำนา สวนยางฯ ผลไม้

นายครองศักดิ์ สงรักษา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า โครงการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรกูแบสีราตามแนวทางพระราชดำริ เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำริไว้ ในคราวเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรสภาพพื้นที่และทรงเยี่ยมราษฎร รับทราบถึงความเดือดร้อนของราษฎร ที่ต้องประสบปัญหาน้ำท่วมขังที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทำการเกษตรเป็นเวลานาน รวมถึงยังขาดแคลนน้ำในการอุปโภคและบริโภคในช่วงหน้าแล้ง โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาแก้ไขปัญหาให้แก่ราษฎรเป็นการเร่งด่วน พร้อมทั้งให้ดำเนินการศึกษาในภาพรวมทั้งระบบ เมื่อศึกษาภาพรวมทั้งระบบได้แล้วให้ดูว่า ส่วนใดควรแก้ไขอย่างไร โดยขอให้ดำเนินการแก้ไขไปทีละส่วนเป็นขั้นตอน จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งระบบ

รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวต่อว่า ทางกรมฯ โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดปัตตานี สำนักงานเกษตรอำเภอยะรัง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่ น้อมนำแนวทางพระราชดำริ ตลอด 20 ปี ร่วมบูรณาการแก้ไขปัญหาทั้งระบบ โดยวางแนวทางส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรที่เหมาะสมตามศักยภาพของพื้นที่ พร้อมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการส่งเสริมและการดำเนินชีวิตได้จริง ให้มีการวิเคราะห์ พื้นที่ คน สินค้า ที่มาจากปัญหา ความต้องการ และสภาพภูมิสังคมภายใต้การมีส่วนร่วมของชุมชน ทำให้เกิดกระบวนการเรียนรู้สมัยใหม่ สอดคล้องกับความต้องการของตลาดที่ส่งผลให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เกิดความมั่นคงทางอาหาร ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และมีความยั่งยืนในการประกอบอาชีพการเกษตร

นายครองศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในปี 2568 นี้ สำนักงานเกษตรจังหวัดปัตตานีและสำนักงานเกษตรอำเภอยะรัง ร่วมกันดำเนินกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำการเกษตรตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงกับ นายดาโอะ บือแน เกษตรกรต้นแบบเกษตรผสมผสาน ของบ้านกูแบสีรา หมู่ 4 ตำบลกอลำ อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี และนางพาซียะ เนือเร็ง เกษตรกรต้นแบบปลูกผักอินทรีย์ หมู่ที่ 7 ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี ในหัวข้อเรื่อง การทำเกษตรปลอดภัย การจัดการดิน และ การใช้ปุ๋ยตามความต้องการของพืช การผลิตสารชีวภัณฑ์ในการควบคุมโรคพืช โดยมีเกษตรกรเข้าร่วม 30 ราย เกษตรกรนำความรู้ที่ได้รับไปปฏิบัติเพื่อยกระดับรายได้ และขยายผลองค์ความรู้ไปสู่ชุมชน โดยให้ชุมชนทำข้อตกลงแนวทางการพัฒนาอาชีพการเกษตร ได้แก่ การทำเกษตรปลอดภัย การเพิ่มมูลค่าการผลิต การสร้างเครือข่ายเกษตรกรต้นแบบ เชื่อมโยงการผลิตเพื่อเข้าสู่ตลาดสินค้าเกษตรของชุมชน เน้นการปลูกพืชที่เหมาะสมตามศักยภาพของพื้นที่และสอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยคำนึงถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เน้นการรวมกลุ่มเพื่อพัฒนาองค์รวมของชุมชน

รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวด้วยว่า จากการทำเวทีวิเคราะห์ชุมชนมีมติให้แบ่งกลุ่มผลิตเป็น 2 กลุ่มๆ ละ 15 ราย คือ กลุ่มผลิตพืชผักปลอดภัย ได้แก่ แตงกวา ผักบุ้ง ถั่วฝักยาว ถั่วพู กระเจี๊ยบเขียว ฟักเขียว มะเขือเปราะ บวบเหลี่ยม ข้าวโพดหวาน เป็นต้น และกลุ่มผลิตพืชสมุนไพร ได้แก่ ตะไคร้ ใบบัวบก ยอดมะรุม ผักชีใบเลื่อย ผักแพว กุยช่าย กะเพรา โหระพา ขมิ้น ขมิ้นขาว ข่า พริก เป็นต้น โดยเกษตรกรมีการรวบรวมผลผลิตทางการเกษตรของเกษตรเพื่อจำหน่ายในชุมชน พื้นที่ใกล้เคียง และจำหน่ายตลาดเกษตรจังหวัดปัตตานี ทำให้สมาชิกทั้ง 2 กลุ่ม มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยสัปดาห์ละ 500 บาท/คน ทั้งนี้ เกษตรกรแต่ละรายนี้มีรายได้จากการทำนา ทำสวนยางพารา ทำสวนไม้ผลและการทำเกษตรแบบผสมผสาน โดยเฉลี่ยปีละ 85,000 -120,000 บาท

ทั้งนี้ จากการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพด้านเกษตรในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกษตรกรมีความเชื่อมั่นแนวทางการส่งเสริมการเกษตร จากการให้วิเคราะห์พื้นที่ คน สินค้า ที่มาจากปัญหา ความต้องการภายใต้การมีส่วนร่วมของชุมชน ทำให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ ในการที่จะทำให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เกิดความมั่นคงทางอาหาร ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ดังคำกล่าวของเกษตรกรที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมกล่าวไว้ว่า “ทำจริงทำได้ ขายได้มีกินมีใช้”.