วิเคราะห์3สัญญาณบวก ดันท่องเที่ยวไทยฟื้นตัว
by Trust News, 22 สิงหาคม 2568
วิเคราะห์3สัญญาณบวก ดันท่องเที่ยวไทยฟื้นตัว
หลังจาก 2Q68 ที่อ่อนแอ เบื้องต้นพบ 3 สัญญาณบวกที่สะท้อนถึงความคืบหน้าในการฟื้นตัวอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ประการแรก :
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรายสัปดาห์ลดลง YoY น้อยลง โดยในสัปดาห์ที่ 33 ของปี 2568 (วันที่ 11-17 ส.ค.) นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง 9% YoY ฟื้นตัวอย่างชัดเจนจากช่วง 4 สัปดาห์ก่อนหน้า (ที่ลดลงราว 14% ถึง 18% YoY) การฟื้นตัวนำโดยตลาดนักท่องเที่ยวประเทศอื่นๆ (ที่ไม่ใช่ตลาดจีน) ซึ่งลดลงเพียง 1% YoY
ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนยังคงอ่อนแอ แต่ทรงตัวที่ -39% YoY
ประการที่สอง :
การดำเนินงานของผู้ประกอบการโรงแรมชี้ให้เห็นว่าผลประกอบการทำจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q68 และมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น
ประการที่สาม :
กลุ่มท่องเที่ยวมีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง CENTEL และ ERW โดยปรับคำแนะนำขึ้นเป็น OUTPERFORM (จาก NEUTRAL) และเลือกเป็นหุ้นเด่น
สรุปผลประกอบการ 2Q68 :
ใน 2Q68 ผลประกอบการของ AWC และ ERW ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม กำไรปกติถูกฉุดรั้งโดยช่วงโลว์ซีซั่น ของ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มี.ค.
ในทางกลับกัน CENTEL มีผลประกอบการที่น่าผิดหวังอย่างมีนัยสำคัญ โดยผลประกอบการ 2Q68 แย่กว่าตลาดคาดซึ่งเป็นผลมาจากขาดทุน จากโรงแรมใหม่ 2 แห่งในมัลดีฟส์
ขณะที่ MINT มีผลประกอบการแข็งแกร่งตามคาด เนื่องจากกำไรปกติทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยได้แรงหนุนจากช่วงไฮซีซั่นในยุโรป
สำหรับ 3 สัญญาณบวกที่สะท้อนความคืบหน้าในการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ประกอบด้วย :
1) แนวโน้มการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเริ่มชัดเจนขึ้น ข้อมูลรายสัปดาห์แสดงสัญญาณการฟื้นตัว โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง YoY น้อยลง
ในสัปดาห์ที่ 33 ของปี 2568 (วันที่ 11–17 ส.ค.) มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 613,372 คน ลดลง 9% YoY ฟื้นตัวอย่างชัดเจนจากช่วง 4 สัปดาห์ก่อนหน้าที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง 14–18% YoY
โดยปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ คือ การฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ (ไม่รวมจีน) ซึ่งลดลงเพียง 1% YoY ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนยังคงลดลงต่อเนื่อง แต่ลดลงในระดับคงที่ที่ 39% YoY
2) ข้อมูลด้านการดำเนินงานจากผู้ประกอบการโรงแรมชี้ให้เห็นว่าผลประกอบการน่าจะทำจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q68 และมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยมีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจนจากการลดลง YoY ของ RevPAR ที่ชะลอตัวลงในเดือนก.ค. สำหรับโรงแรมของ CENTEL ในกรุงเทพฯ และกลุ่มโรงแรมระดับ 3–5 ดาวของ ERW และ
3) ได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มที่อ่อนแอใน 7M68 เบื้องต้น จึงปรับลดประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยลงมาอยู่ที่ 33.8 ล้านคน (จาก 35 ล้านคน) ในปี 2568 และคาดว่าจะอยู่ที่ 35 ล้านคนในปี 2569 หรือลดลง 5% ในปี 2568 และเพิ่มขึ้น 3% ในปี 2569
มาตรการล่าสุดของรัฐบาลไทย ในการกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ คือ การร่วมมือกับสายการบินไทย 6 สายการบินในการมอบตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ (ไป-กลับ) ฟรีแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 200,000 คน เพื่อส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยและท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วงเดือนก.ย. ถึง พ.ย. 2568
สำหรับประมาณการดังกล่าว สะท้อนถึงการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจากฐานที่ต่ำ แทนที่จะเป็นการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว (V-shaped) ดังที่เห็นในอดีตเนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก...
ปรับคำแนะนำสำหรับ CENTEL และ ERW ขึ้นเป็น OUTPERFORM และเลือกเป็นหุ้นเด่น แม้ว่าหุ้นกลุ่มโรงแรมแสดงสัญญาณฟื้นตัวในระยะสั้น แต่ YTD ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 6-35% เทียบกับ SET ที่ลดลง 11% การปรับตัว underperform ตลาดส่วนใหญ่เป็นผลมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ถึงการฟื้นตัว ซึ่งน่าจะเป็นแรงหนุนหุ้นกลุ่มนี้ ด้วยแนวโน้มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้นและและโมเมนตัมผลประกอบการที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น เราจึงมองว่าเป็นโอกาสลงทุนที่น่าสนใจในหุ้นกลุ่มโรงแรม
จึงปรับคำแนะนำสำหรับ CENTEL และ ERW ขึ้นเป็น OUTPERFORM (จาก NEUTRAL) และเลือกเป็นหุ้นเด่น...
CENTEL : (ราคาเป้าหมาย 36 บาท) อยู่ในสถานะที่ดีสำหรับการฟื้นตัว โดยผลประกอบการน่าจะทำจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q68 โดยได้รับการสนับสนุนจากผลขาดทุนที่ลดลงจากโรงแรมใหม่ 2 แห่งในมัลดีฟส์ จากการดำเนินงานที่เร่งตัวขึ้น และคาดว่าผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 3Q68 ถึง 1Q69
นอกจากนี้ ยังมองเห็นโอกาสเก็งกำไรใน ERW : (ราคาเป้าหมาย 3.3 บาท) ราคาหุ้นได้รับแรงกดดันจากประเด็น overhang เกี่ยวกับการต่อสัญญาเช่าโรงแรม Grand Hyatt Erawan Bangkok
ในกรณีเลวร้ายที่สุด ซึ่งใช้สมมติฐานว่าโรงแรมแห่งนี้ จะไม่สามารถดำเนินงานได้ ราคาเป้าหมายของ เบื้องต้นจะปรับลดลงมาอยู่ 2.9 บาท/หุ้น สูงกว่าราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ 17% ซึ่งบ่งชี้ว่าราคาหุ้นสะท้อนมุมมองเชิงลบมากเกินไป ขณะที่ ERW ยังคงได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ปัจจัยเสี่ยง :
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคและความต้องการเดินทาง การขาดแคลนแรงงาน และต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG คือ การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก พลังงาน น้ำเสีย และขยะ ที่มีประสิทธิภาพ (E)
อ้างอิง : บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) , กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์
You might be intertested in this news.
Mostview
ประวัติน้องตู้เย็น และความตั้งใจ ที่ใช้สยบดรามาโชเชียลมีเดีย (ชมคลิป)
ประวัติน้องตู้เย็น และความตั้งใจ ที่ใช้สยบดรามาโชเชียลมีเดีย (ชมคลิป)
5 ปมสั่งตาย “แคล้ว ธนิกุล” เจ้าพ่อนครบาลกับพระสมเด็จวัดระฆัง ที่หายไป?
เบื้องหน้า เบื้องหลัง 117 นัด ดับ เจ้าพ่อนครบาล “แคล้ว ธนิกุล” 5 ปมสั่งตาย กับพระสมเด็จวัดระฆัง กับข่าวลือเรื่องหนังเหนียว …
รีวิว “Eden สวรรค์คนบาป” ดิบ ดิ่ง เร้าร้อน ล่อลวง
รีวิว “Eden สวรรค์คนบาป” ดิบ ดิ่ง เร้าร้อน ล่อลวง
ฉากทัศน์การเมือง29ส.ค. ผลกระทบเศรษฐกิจไทย
ฉากทัศน์การเมือง29ส.ค. ผลกระทบเศรษฐกิจไทย
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(20ส.ค.68) รอสัญญาณกลับตัว
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(20ส.ค.68) รอสัญญาณกลับตัว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
