7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (25ส.ค.2025)
by Trust News, 25 สิงหาคม 2568
7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (25ส.ค.2025)
1. ตลาดหุ้นพุ่ง บอนด์ยีลด์ลด รับความคาดหวัง Fed ลดดอกเบี้ยเดือน ก.ย.
ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นและ Treasury Yields สหรัฐฯ ลดลง หลังจาก Jerome Powell ส่งสัญญาณเปิดทางลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน แม้ไม่ได้ให้คำมั่นชัดเจน โดย S&P 500 และ Nasdaq เพิ่มขึ้น 1.5% และ 1.7% ตามลำดับ
ขณะที่ Dow Jones ทะยานขึ้น 2.2% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้าน 2-year Treasury Yield ลดลงเกือบ 10 bps มาที่ 3.69% และดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.89% Powell ให้น้ำหนักกับรายงานการจ้างงานและเงินเฟ้อที่จะออกมาก่อนการประชุม Fed วันที่ 16-17 กันยายน แต่ไม่ได้ให้แนวทางชัดเจนเกี่ยวกับความเร็วในการลดดอกเบี้ยต่อไป
2. ประธาน Fed เจอโรม พาวเวลล์ ชี้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น พิจารณาลดดอกเดือน ก.ย. ใน Jackson Hole
หลังการประชุม Jackson Hole ประธาน Fed เจอโรม พาวเวลล์ ส่งสัญญาณอาจพิจารณาเตรียมลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน โดยชี้ความเสี่ยงจากตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่เปราะบางพร้อมกล่าวถึงสมดุลความเสี่ยงที่เปลี่ยนไป อาจทำให้ต้องปรับท่าทีเชิงนโยบาย แต่ยังคงเตือนถึงความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ ที่เกิดจากภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้น แต่คาดว่าจะเป็นลักษณะการปรับขึ้นราคาเพียงครั้งเดียว
Fed ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานที่ระมัดระวัง พร้อมปรับกรอบนโยบายเป็น “Flexible Inflation Targeting” เพิ่มความคล่องตัวในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต Fed แสดงความมั่นใจว่าสามารถรับมือเงินเฟ้อได้ และไม่มีแรงกดดันจากตลาดแรงงานมากเกินไป จึงมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ
3. ECB อาจกลับมาลดดอกเบี้ยอีกครั้ง หลังคงดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. นี้
ECB อาจเริ่มพูดคุยเรื่องลดดอกเบี้ยอีกครั้งหลังการหยุดพักในเดือนกันยายน หากเศรษฐกิจยูโรโซนอ่อนแอลง โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นว่าธนาคารกลางยุโรปจะคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนก่อน และอาจกลับมาหารือลดดอกเบี้ยในฤดูใบไม้ร่วงเมื่อมีแนวโน้มข้อมูลเศรษฐกิจและเงินเฟ้อออกมาต่ำกว่าคาดการณ์
ขณะนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่าเศรษฐกิจและเงินเฟ้ออยู่ในกรอบที่เหมาะสม ทำให้นโยบายการเงินของ ECB สามารถคงนโยบายเพื่อรอปัจจัยกระตุ้นหรือชะลอจากสงครามของสหรัฐฯที่มีการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากยุโรป หากไม่มีข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแออย่างเฉียบพลัน การลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนจึงถูกมองว่าไม่จำเป็น
4. BOJ’s Ueda คาดตลาดแรงงานตึงตัว จะดันค่าแรงขึ้นต่อ พร้อมเปิดทางขึ้นดอกเบี้ย
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) โดยผู้ว่าการ Kazuo Ueda ระบุที่งานสัมมนา Jackson Hole ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังเผชิญตลาดแรงงานที่ตึงตัวเป็นพิเศษ ซึ่งจะสร้างแรงกดดันให้ค่าแรงปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง “เว้นเสียแต่จะเกิดช็อกด้านอุปสงค์อย่างหนัก ตลาดแรงงานจะยังตึงและกดดันค่าแรงให้สูงขึ้น”
นอกจากนี้ Ueda ยังเห็นว่าอัตราค่าแรงเริ่มขยายไปสู่ธุรกิจขนาดกลางและเล็กทั่วประเทศ และสถานการณ์นี้เป็น “เงื่อนไขสำคัญ” ที่อาจนำไปสู่การขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหม่ในปีนี้ หลังราคาและค่าจ้างโตเหนือเป้าหมาย BOJ เป็นเวลาหลายเดือน
นักวิเคราะห์แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม—บางรายมองว่า BOJ ยัง “ตามหลังตลาด” กับภาวะเงินเฟ้อและการขึ้นค่าจ้าง บางรายมองว่าแม้ตลาดแรงงานตึงและเงินเฟ้อยังสูงแต่การขึ้นดอกเบี้ยยังต้องรอจังหวะที่เหมาะสม
5. อินเดียยืนยันการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อ ท่ามกลางภาษีใหม่ที่กำลังจะมาถึง
รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดียระบุว่าการเจรจาการค้ากับวอชิงตันยังคงดำเนินต่อไป แต่มี 'redlines' ที่อินเดียต้องปกป้อง ขณะที่สินค้าอินเดียกำลังเผชิญภาษีเพิ่มเติมจากสหรัฐฯ สูงถึง 50% เนื่องจากการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย โดยภาษี 25% มีผลบังคับใช้แล้ว และอีก 25% จะมีผลวันที่ 27 สิงหาคม
การเจรจาการค้าระหว่างสองประเทศล้มเหลวเมื่อต้นปีเนื่องจากอินเดียไม่ยอมเปิดภาคเกษตรและนม นักวิเคราะห์จาก Capital Economics ระบุว่าหากภาษีทั้งหมดมีผลบังคับใช้ จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดีย ถึง 0.8 เปอร์เซ็นต์ ทั้งปีนี้ และปีหน้า
6. สหรัฐฯ เข้าถือหุ้น Intel 10% ในความเคลื่อนไหวล่าสุดของทรัมป์ต่อภาคธุรกิจ
ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่าสหรัฐฯ จะเข้าถือหุ้นราว 10% ใน Intel มูลค่า $8.9 พันล้าน ที่ราคา $20.47 ต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคาปิดวันศุกร์ที่ $24.80 โดยใช้เงินจากเงินอุดหนุน CHIPS Act ที่ยังไม่ได้จ่าย $5.7 พันล้าน และเงินสนับสนุนโครงการ Secure Enclave อีก $3.2 พันล้าน
ข้อตกลงนี้ทำให้ Intel จะได้รับเงินประมาณ $10 พันล้าน สำหรับการสร้างหรือขยายโรงงานในสหรัฐฯ และช่วยฟื้นฟูธุรกิจ foundry ที่ขาดทุน ความเคลื่อนไหวนี้เป็นการแทรกแซงภาคธุรกิจครั้งล่าสุดของรัฐบาลทรัมป์ หลังจากก่อนหน้านี้มีข้อตกลงกับ Nvidia และ MP Materials
7. กระทรวงการคลังไทยกำลังเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับช่วงที่เหลือของปี 2568
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเผยรัฐบาลอยู่ระหว่างเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี 2568 โดยจะเลือกจังหวะเหมาะสมเพื่อออกมาตรการกระตุ้นการบริโภค เช่น มาตรการทางภาษี และการสนับสนุนกำลังซื้อในประเทศ
พร้อมเตรียมรับมือผลกระทบจากสงครามการค้าและภาษีของสหรัฐฯ ทั้งนี้จะใช้งบประมาณ กองทุนเพิ่มขีดความสามารถ และโครงการสินเชื่อ Soft Loan ผ่านธนาคารรัฐ คาดว่าจะช่วยผลักดัน GDP โตเกิน 2% โดยจะเห็นความชัดเจนในช่วงปลายปี 68
ประเด็นที่ต้องติดตาม :
ยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐฯ เดือน ก.ค. คาดการณ์ที่ 6.35 แสนหลัง ก่อนหน้าที่ 6.27 แสนหลัง
อ้างอิง : บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) , กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์
You might be intertested in this news.
Mostview
รีวิวหนัง Curious Tales of a Temple เรื่องพิศวงตำนานลึกลับ
Curious Tales of a Temple แอนิเมชั่น ตำนานเรื่องเล่าปรัมปรา ของ จีน ที่หยิบมา 5 เรื่อง มาเล่าเป็นตอนๆ ให้ดูกัน โดยการผลัดกันเล่า ระหว่าง คางคก เต่า และ ชายหนุ่ม ที่เผลอตกลงไปใน บ่อน้ำโบราณ ....
เล่นเร็ว เน้นบอลยาวและฟรีคิก แท็กติกที่ทำให้แมนยูฯเริ่มดีขึ้น
เล่นเร็ว เน้นบอลยาวและฟรีคิก แท็กติกที่ทำให้แมนยูฯเริ่มดีขึ้น
แนวโน้มราคาทองคำวันนี้(29ต.ค.68) ฟื้นตัวในกรอบจำกัด
แนวโน้มราคาทองคำวันนี้(29ต.ค.68) ฟื้นตัวในกรอบจำกัด
แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (30ต.ค.68) ฟื้นตัวในกรอบจำกัด
แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (30ต.ค.68) ฟื้นตัวในกรอบจำกัด
8 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (29ต.ค.2068)
8 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (29ต.ค.2068)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง