ปิดตำนาน "Godzilla" GTR เมื่อรถสปอร์ตซิ่งโดนบีบด้วยธุรกิจและสิ่งแวดล้อม
by Trust News, 28 สิงหาคม 2568
รถสปอร์ตรุ่น นิสสัน GT-R (R35) หรือ ฉายา "Godzilla" คันสุดท้ายออกจากโรงงานโทชิงิแบบเป็นทางการเมื่อ 26 ส.ค. 2025 สิ้นสุดตำนานที่ยืนหยัดมา 18 ปี สะท้อนปัญหาทางธุรกิจที่บีบรัดบริษัท รวมทั้งกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่ตีกรอบบีบการพัฒนาให้ต้นทุนสูง
เมื่อวันที่ 26 ส.ค.2568 ที่ผ่านมา บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด ตัดสินใจยุติการผลิตจีที-อาร์ รถสปอร์ตต้นแบบ และเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา การผลิตคันสุดท้ายได้เสร็จสิ้นลงที่โรงงานในจังหวัดโทชิงิ โดยรถคันดังกล่าว คือ GTR R35 รุ่น "Premium Edition T-spec" ตัวถังสี "Midnight Purple" ที่ถูกส่งมอบให้กับลูกค้าในประเทศบ้านเกิด ในขณะที่ข่าวการยุติการผลิตได้สร้างความผิดหวังให้กับแฟนๆ ทั่วโลก
นายไอแวน เอสปิโนซา ประธานและซีอีโอ นิสสัน กล่าวแบบให้ความหวังลูกค้าแฟนคลับว่า "แม้จะมีการยุติการผลิต R35 แต่อยากให้อดทนรอ GT-R จะไม่หายไปตลอดกกาล ยืนยันว่าชื่อ "GT-R" จะกลับมาอีกครั้งในอนาคต" คำกล่าวนี้สะท้อนถึงความพยายามของนิสสันในการรักษาตำนานและจิตวิญญาณของรถยนต์รุ่นนี้ไว้ และจะถูกนำกลับมาใช้กับ "สิ่งที่พิเศษอย่างแท้จริง" เท่านั้น ทั้งนี้ มีรายงานว่าบริษัทตัดสินใจยุติการผลิตเนื่องจากต้นทุนการพัฒนาพุ่งสูงขึ้นจากกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม การยุติการผลิตครั้งนี้จึงเป็นเหมือนการสิ้นสุดบทหนึ่งของตำนาน และเปิดโอกาสให้นิสสันได้ "นิยามใหม่" ให้กับชื่อ GT-R สำหรับคนรุ่นใหม่ โดยที่อนาคตของรถรุ่นนี้คาดว่าจะมาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบไฮบริด หรือ ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นความท้าทายที่สำคัญของบริษัทในการรักษาจิตวิญญาณของ "Godzilla" ให้คงอยู่ต่อไปในยุคใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์
รถสปอร์ตรุ่น "สกายไลน์ จีที-อาร์" รถสปอร์ต "สกายไลน์" รุ่นแรก รหัส PGC และ KPGC10 ใช้เครื่องยนต์ L20 เดิมจากโรงงานได้รับการสร้างใหม่อย่างพิถีพิถัน พร้อมคาร์บูเรเตอร์สามตัวแบบ GT-R PP และท่อไอเสียขนาด 90 มม.ที่เป็นซิกเนเจอร์ มีชื่อเล่นว่า "ฮาโกสึกะ" ในช่วงปี 1969 ไปจนถึงช่วงทศวรรษ 1970 หลังจากการประกาศเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990 การพัฒนาจึงเริ่มต้นขึ้นภายใต้การบริหารของ "คาร์ลอส กอส์น" ซีอีโอ นิสสัน ในขณะนั้น ในฐานะรถรุ่นต่อยอด
ปัจจุบันภายใต้เครื่องยนต์ V6 เทอร์โบอันทรงพลัง และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะที่สูง ไม่เพียงแต่การใช้ในชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในสนามแข่งด้วย เครื่องยนต์นี้ประกอบขึ้นด้วยมือทีละเครื่องโดยช่างฝีมือทีมทาคุมิ (Takumi Team) อันโด่งดังของโรงงานนิสสัน และได้รับความนิยมทั่วโลกในฐานะ รถยนต์รุ่นเรือธงของนิสสัน จนถึงปัจจุบัน มีการผลิตไปแล้วประมาณ 48,000 คัน และมียอดขายมากกว่า 17,000 คันในญี่ปุ่น
สำหรับ หนึ่งในหัวใจสำคัญของตำนาน GT-R คือ "Takumi" ทีมช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญเพียง 9 คนที่โรงงานในโยโกฮาม่า ซึ่งเป็นผู้ประกอบ เครื่องยนต์ VR38DETT V6 Twin-turbo ของรถยนต์ทุกคันด้วยมือ ชื่อของช่างฝีมือแต่ละคนจะถูกจารึกไว้บนแผ่นโลหะที่ติดอยู่บนเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความหลงใหลและความทุ่มเทที่ฝังอยู่ในรถยนต์ทุกคันที่ออกจากโรงงาน ในยุคที่การผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ถูกควบคุมโดยหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เรื่องราวของทีม "Takumi" จึงเป็นคุณค่าทางวัฒนธรรมที่หาได้ยากและทำให้ GT-R แตกต่างจากคู่แข่ง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับเสียง สิ่งแวดล้อม และความปลอดภัย จึงจำเป็นต้องมีการออกแบบและชิ้นส่วนใหม่ และต้นทุนการพัฒนาก็เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ ราคาขายก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยในขณะที่เปิดตัว ถือเป็นรุ่นที่ถูกที่สุดและรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว 7.77 ล้านเยน แต่รุ่นปัจจุบันมีราคาสูงกว่า 14.44 ล้านเยน หรือราคาเพิ่มขึ้นกว่า 1.8 เท่าในขณะนั้น แม้แต่เป็นรุ่นที่ถูกที่สุดก็ตาม
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต้นทุนการพัฒนาจึงสูงขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย ทำให้การจัดหาชิ้นส่วนเป็นเรื่องยาก นิสสันจึงตัดสินใจยุติการผลิต GT-R และปิดฉากประวัติศาสตร์ 18 ปีของบริษัทลง เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม โรงงานแห่งสุดท้ายในจังหวัดโทชิงิได้เสร็จสิ้นการผลิต และเหล่านักพัฒนาก็ได้ต้อนรับรถยนต์ที่ออกมาจากสายการผลิต
ความหวังที่จะให้ GT-R ที่มาพร้อมกับ DNA ใหม่
นายมิตสึทากะ มัตสึโมโตะ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนา นิสสัน ผู้รับผิดชอบด้านการพัฒนารถ GT-R มากว่า 20 ปี กล่าวว่า แม้ว่าเราจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการพัฒนา แต่เราก็ต้องตัดสินใจยุติการผลิต เพราะเราสงสัยว่าลูกค้าจะสามารถซื้อได้ในราคาที่เอื้อมถึงหรือไม่ ขณะนี้ นิสสันกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่เราคาดหวังว่าคนรุ่นต่อไปจะฟื้นคืนชีพ ชื่อ GT-R กลับขึ้นมาพร้อมกับ DNA ใหม่
ขณะนี้ นิสสัน ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างฝ่ายบริหาร ประกาศเมื่อเดือน ก.ค.2568 ที่ผ่านมา ว่ากำไรและขาดทุนขั้นสุดท้ายตั้งแต่เดือนเมษายนถึงมิถุนายนของบริษัทขาดทุนมากกว่า 115 พันล้านเยน และการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์เพื่อฟื้นยอดขายจึงเป็นเรื่องสำคัญ
กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม เข้มงวดขึ้น ส่งผลต่อผู้ผลิตในการพัฒนารถสปอร์ต
นายทาคาอากิ ซูกิอุระ นักวิจัยอาวุโสจากสถาบันวิจัยมิตซูบิชิ ผู้ที่คุ้นเคยกับอุตสาหกรรมยานยนต์ กล่าวว่า นอกจากกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว การตอบสนองต่ออุปกรณ์ความปลอดภัยและมาตรการรักษาความปลอดภัยก็เป็นปัจจัยที่ผลักดันต้นทุนการพัฒนา เมื่อการลงทุนพัฒนาขนาดใหญ่กลายเป็นเรื่องยาก จึงมีบางกรณีที่เราต้องละทิ้งขั้นตอนการพัฒนาต่อไป ในทางกลับกัน สำหรับแนวโน้มของผู้บริโภคที่ซื้อรถยนต์ "คนรุ่นพ่อแม่ให้ความสำคัญกับการใช้งานจริง เช่น รถมินิแวน รถ SUV และรถยนต์ที่นั่งสามแถวได้รับความนิยม ความต้องการมีมาตรฐานมากขึ้น และจำนวนคนที่ให้ความสำคัญกับการใช้งานจริงมากกว่าสไตล์และการวิ่งอาจเพิ่มขึ้น
"ยิ่งไปกว่านั้น เป็นเรื่องน่าเศร้าที่รถสปอร์ตสูญหายไปเนื่องจากการพัฒนาและการจัดการที่มีเหตุผลมากขึ้นในแง่ของความหลากหลาย และการมีอยู่ของรถรุ่นต่างๆ ทั่วโลกนำไปสู่ขนาดและความน่าดึงดูดใจของตลาด" นายซูกิอุระ กล่าว
รถสปอร์ตญี่ปุ่นที่ยุติการผลิตแล้ว
นอกจาก GT-R แล้ว ยังมีกรณีที่ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นแบรนด์อื่นๆ หยุดการผลิตรถสปอร์ตเนื่องจากกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม ความล้มเหลวในการทำตลาด นโยบายของบริษัท และข้อจำกัดในด้านเทคโนโลยี ได้แก่
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ยุติผลิต 'Lancer Evolution' ในปี 2015 ในรุ่น Final Edition
ซูบารุ ยุติการผลิต Subaru Impreza WRX STI ในปี 2020
มาสด้า ยุติการผลิต Mazda RX-7 (FD3S) ไปในปี 2002
ฮอนด้า ยุติการผลิต รถสปอร์ต 1 ใน 4 จตุรเทพ อย่างรุ่น Honda NSX (NC1) ในปี 2022 เช่นกัน
ในทางกลับกัน รถสปอร์ต รุ่น GR86 ของโตโยต้า ที่สืบทอดเป็นทายาทของรถรุ่น AE86 , รถรุ่น Fairlady Z ของนิสสัน ที่สืบทอดตำนานรถสปอร์ตขับเคลื่อนล้อหลัง และ Roadster ของมาสด้า ที่เป็นรถที่สืบทอดตำนานสปอต์ตเปิดประทุน ยังคงอยู่ในระหว่างการผลิตอยู่
เครดิต ต้นเรื่องจาก สำนักข่าว NHK
You might be intertested in this news.
Mostview
ถอดรหัส ข้าคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จริงหรือ? ต้องได้เป็นตัวจริงเท่านั้น
ถอดรหัส ข้าคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จริงหรือ? ต้องได้เป็นตัวจริงเท่านั้น
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (17ธ.ค.68) Sideway Up เก็งกำไรในกรอบ
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (17ธ.ค.68) Sideway Up เก็งกำไรในกรอบ
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (18ธ.ค.68) Sideway Up รอซื้อตามแนวรับ
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (18ธ.ค.68) Sideway Up รอซื้อตามแนวรับ
6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (17ธ.ค.68)
6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (17ธ.ค.68)
7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (18ธ.ค.68)
7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (18ธ.ค.68)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง