วันจันทร์, พฤศจิกายน 3, 2568

แนวโน้มSETวันนี้(11ก.ย.68) ยังรอมาตรการกระตุ้น ศก.ใหม่

by Trust News, 11 กันยายน 2568

แนวโน้มSETวันนี้(11ก.ย.68) ยังรอมาตรการกระตุ้น ศก.ใหม่

คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์/แกว่งขึ้น ยังติดตามความคืบหน้าในการจัดตั้ง ครม. และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่เพิ่มเติมจากโครงการคนละครึ่งเป็นความหวังของตลาด

ส่วนปัจจัยภายนอก ตัวเลข PPI สหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาดมาก หนุนเฟด ลดดอกเบี้ยได้ง่ายขึ้นในการประชุมสัปดาห์หน้า ตลาดติดตาม CPI คืนนี้ต่อ

ทางเทคนิคหากยังไม่หลุด 1265/1255 ยังไม่เสียแนวโน้มการแกว่งขึ้น แนวต้านประเมินที่ 1285/1290

ประเด็นสำคัญ :

1. นายกฯ เปิดตัว “เอกนิติ” รับตำแหน่งรองนายกฯ ควบ รมว. คลัง และ “ศุภจี” รับตำแหน่ง รมว. พาณิชย์ ว่าที่ รมว. คลัง เผยได้มอบหมายเดินหน้า “คนละครึ่ง” และคลังได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว ด้านปลัดคลังเผยมี 11 ล้านคนที่ยื่นแบบภาษีเงินได้ซึ่งจะได้รับสิทธิ์รัฐช่วยจ่าย 60%


2. ปธน. ทรัมป์เสนอสหภาพยุโรปร่วมกดดันประเทศที่นำเข้าพลังงานรัสเซีย ได้แก่ จีนและอินเดีย ผ่านการเก็บภาษีการค้าในอัตราสูงสุด 100% เพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซียให้เร่งยุติสงครามกับยูเครน ขณะที่สหรัฐฯ ได้เริ่มเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติมต่ออินเดียในอัตรา 50% แล้ว


3. วานนี้ (10 ก.ย.) อิสราเอลโจมตีทางอากาศต่อกรุงซานาของเยเมน โดยมุ่งเป้าไปที่กระทรวงกลาโหมซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มฮูตี ซ้ำเติมความตึงเครียดในตะวันออกกลางจากเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ที่อิสราเอลได้โจมตีต่อกรุงโดฮาของกาตาร์ โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้นำของกลุ่มฮามาส หนุนให้ราคาน้ำมันดิบ Brent วานนี้ปรับขึ้น 1.5%


4. EIA ประเมินความต้องการใช้ไฟฟ้าในสหรัฐฯ จะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องในปี 2568 และ 2569 หนุนจากตัวของอุตฯ AI ผ่าน Data Center และ Cryptocurrency และการเปลี่ยนผ่านสู่ไฟฟ้าจากฟอสซิล มองเป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีการลงทุนในสหรัฐฯ (BCPG, BPP และ GULF) 


5. CPI จีนใน ส.ค. 2568 หดตัว 0.4%YoY หดตัวสูงกว่าที่ตลาดคาดและพลิกติดลบครั้งแรกในรอบ 3 เดือน กดดันจากราคาอาหารและฐานที่สูงในปีก่อน สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างด้านอุปสงค์ในประเทศที่ยังซบเซา และ ศก. จีนที่เริ่มชะลอลงในช่วง 2H68 โดยการส่งออกใน ส.ค. 2568 ขยายตัวชะลอลงแรงสุดในรอบ 6 เดือน
 
กลยุทธ์การลงทุน :

ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสแกว่งตัวขึ้น หลังสถานการณ์การเมืองไทยมีความชัดเจนขึ้น รอติดตามการจัดตั้งรัฐบาลใหม่และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งจะทำให้ความเชื่อมั่นการลงทุนฟื้นตัว โดยคาด Fund Flow จะทยอยไหลเข้าและประเมินแนวต้านที่ 1280/1300

ส่วนปัจจัยต่างประเทศสำคัญติดตาม ได้แก่ CPI ส.ค. ของสหรัฐฯ โดยตลาดคาดเพิ่มขึ้น 2.9%YoY เร่งตัวขึ้นจาก 2.7%YoY ใน ก.ค. ซึ่งหากเป็นไปตามคาดหรือไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยต่อใน ก.ย. นี้ ขณะที่การประชุมนโยบายการเงินของ ECB ในวันที่ 11 ก.ย. นี้คาดยังคงดอกเบี้ยไว้ที่เดิม กลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
 
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์ :

ช่วงสั้นมอง SET มีแนวโน้มจะปรับขึ้น หลังสถานการณ์การเมืองไทยมีความชัดเจน คาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจัดตั้งรัฐบาลใหม่ กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีม หลักและ 3 ธีมเทรดดิ้ง ดังนี้...

1. หุ้น Earnings Play ซึ่งคาด 2H68 ผลการดำเนินงานจะยังเติบโตดีทั้ง HoH และ YoY แรงหนุนจากปัจจัยฤดูกาลและจากปัจจัยบวกที่มีเฉพาะตัว ได้แก่ ADVANC BCPG GULF SCC


2. หุ้นปันผลคุณภาพดี (SET100 ที่มี SETESG Rating A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตในระยะสั้น คาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ PTT TTB 


Trading Idea :

สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ...

1) หุ้น Laggard Play คาดได้อานิสงส์หาก Fund Flow ไหลเข้าต่อ โดยเลือกหุ้น SET50 ราคาหุ้นปรับขึ้น QTD ต่ำกว่า SET และ Valuation ถูก มี PBV และ PER 2568F < -1SD มีพื้นฐานดี (กำไรเติบโต ฐานะการเงินแข็งแกร่งและมี ESG Rating A-AAA) แนะนำ BDMS CPALL CRC MTC PTT WHA

2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลงและ/หรือดอลลาร์อ่อนค่า(บาทแข็ง) แนะนำ กลุ่ม REITs (DIF) กลุ่มอสังหาฯ (AP SIRI) กลุ่มเช่าซื้อ (MTC) และกลุ่มโรงไฟฟ้า (GPSC BCPG GULF)

3) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก (CPALL GLOBAL TNP) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG OSP HTC ICHI) กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL) กลุ่มนิคม (AMATA) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (SCC)
 
Daily top picks :

PRM : มีปัจจัยกระตุ้นจากกำไรที่แข็งแกร่งใน 2H68 จากรับรู้รายได้เรือลำใหม่เต็มไตรมาสและมีอัตราใช้เรือที่เพิ่มขึ้น หนุนให้ปี 2568 คาดกำไรพลิกโต 5%YoY และโตต่อ 9%YoY ในปี 2569 อีกทั้ง Valuation ไม่แพง เทรด PER 2568F 6.8 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 8.9 เท่า และคาดให้ Div. yield สูงปีละ 7.6% ราคาเป้าหมายระยะสั้นที่ 6.85 บาท
 
BCPG : ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากข่าว EIA ประเมินความต้องการใช้ไฟฟ้าในสหรัฐฯ จะทำสถิติสูงสุดใหม่ เมื่อบวกกับ จะรับรู้ค่า Capacity Payment  ที่เพิ่มขึ้นมากในสหรัฐฯ เต็มไตรมาสและการเริ่มดำเนินการโครงการใหม่หลายโครงการ คาดจะหนุนกำไร 2H68 เติบโตแข็งแกร่ง ราคาเป้าหมายระยะสั้นที่ 8.70 บาท

อ้างอิง : บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) , กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์


You might be intertested in this news.

Mostview

รีวิวหนัง Curious Tales of a Temple เรื่องพิศวงตำนานลึกลับ

Curious Tales of a Temple แอนิเมชั่น ตำนานเรื่องเล่าปรัมปรา ของ จีน ที่หยิบมา 5 เรื่อง มาเล่าเป็นตอนๆ ให้ดูกัน โดยการผลัดกันเล่า ระหว่าง คางคก เต่า และ ชายหนุ่ม ที่เผลอตกลงไปใน บ่อน้ำโบราณ ....

แนวโน้มราคาทองคำวันนี้(29ต.ค.68) ฟื้นตัวในกรอบจำกัด

แนวโน้มราคาทองคำวันนี้(29ต.ค.68) ฟื้นตัวในกรอบจำกัด

แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (30ต.ค.68) ฟื้นตัวในกรอบจำกัด

แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (30ต.ค.68) ฟื้นตัวในกรอบจำกัด

8 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (29ต.ค.2068)

8 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (29ต.ค.2068)

8 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (30ต.ค.2568)

8 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (30ต.ค.2568)

TrustNEws Line