วันพฤหัสบดี, กันยายน 18, 2568

โอกาสในการลงทุน ยุคฟื้นฟูเทคโนโลยีจีน

by Trust News, 18 กันยายน 2568

โอกาสในการลงทุน ยุคฟื้นฟูเทคโนโลยีจีน

ทศวรรษที่ผ่านมา ตลาดหุ้นโลกได้เห็นการผงาดขึ้นของบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ สู่ระดับ Trillion-Dollar Club อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็น Apple, Microsoft, Amazon, Alphabet หรือ NVIDIA ที่สร้างมูลค่ามหาศาลจากการใช้ประโยชน์จากขนาดธุรกิจ (scale), ผลกระทบจากแพลตฟอร์ม (platform effect) และนวัตกรรมที่ก้าวล้ำ จนหลายคนอาจตั้งคำถามว่า แล้วบริษัทเทคโนโลยีจีนจะไม่มีโอกาสก้าวไปถึงระดับนั้นบ้างหรือ?

ในอดีตตลาดหุ้นจีนเคยถูกมองว่าเป็น “Silicon Valley ของโลกตะวันออก” โดยโมเดลธุรกิจของบริษัทเทคโนโลยีทั้งหลายได้รับแรงบันดาลใจจากบริษัทอเมริกันในช่วงแรก เช่น Alibaba และ Amazon ที่มีทำธุรกิจ E-commerce และ Cloud เหมือนกัน Baidu และ Alphabet ที่มีอยู่ในธุรกิจ Search Engine  เหมือนกัน

ส่งผลให้บริษัทเทคโนโลยีของทั้ง 2 ประเทศ ถูกเปรียบเทียบกันมาโดยตลอดทั้งแนวโน้มการเติบโต การพัฒนานวัตกรรม ไปจนถึงความสามารถในการแข่งขัน อย่างไรก็ตามจุดเปลี่ยนได้เริ่มขึ้นในช่วงปลายปี 2020 หลังรัฐบาลจีนเริ่มสืบสวน Alibaba ข้อหาผูกขาด และตามมาด้วยการจัดระเบียบบริษัทเทคโนโลยี
 
ในช่วงต้นปี 2021 จนถึงปลายปี 2022 บริษัทเทคโนโลยีจีนเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลจากกฎระเบียบและนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ และกดดันการเติบโตของธุรกิจ ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อมูลค่าบริษัทและความเชื่อมั่นของนักลงทุน หากพิจารณาผ่านดัชนี Hang Seng Tech Index จะปรับตัวลดลงราว -75% จากจุดสูงสุด ณ วันที่ 5 ก.พ. 2021  ถึงจุดต่ำสุด ณ วันที่ 15 พ.ย. 2022
 
ทั้งนี้ จุดเปลี่ยนสำคัญที่เริ่มสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนเกิดขึ้นในช่วงเดือน ก.พ. 2025 หลัง สี จิ้งผิง พบปะบริษัทเอกชน พร้อมส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ยิ่งกว่านั้นคือการกลับมาของ แจ็ค หม่า (Jack Ma) ที่ Alibaba สะท้อนว่าบรรยากาศกำลังเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ

ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงสร้างความหวังให้แก่พนักงานและบริษัท แต่ยังเป็นสัญญาณบวกที่อาจจุดประกายการฟื้นฟูครั้งใหญ่ของภาคเทคโนโลยีจีน ซึ่งเราขอเรียกมันว่า “China Tech Renaissance”

หัวใจสำคัญของการฟื้นตัวนี้คือ Alibaba ซึ่งเคยเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีน ด้วยมูลค่าตลาดเกือบ 859 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2020 ก่อนที่จะร่วงลงมาเหลือราว 396 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปัจจุบัน การกลับมาของ แจ็ค หม่าสู่บริษัทอย่างเต็มตัว ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนส่วนตัวจำนวนมหาศาล

การมีส่วนร่วมในธุรกิจ AI และ Cloud และการประชุมกับผู้บริหารอย่างใกล้ชิด ได้สร้างความเชื่อมั่นอย่างมากว่า Alibaba กำลังจะกลับมาทวงบัลลังก์คืนอีกครั้ง และหาก Alibaba สามารถกลับไปสู่มูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ได้อีกครั้ง นั่นหมายถึงโอกาสในการเติบโตกว่า 2.8 เท่าจากมูลค่าปัจจุบัน
 
เปรียบเทียบ : US Tech vs China Tech
 
หากพิจารณาในแง่ของมูลค่าและโอกาสการเติบโต จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และจีน โดยบริษัทสหรัฐฯ อย่าง Amazon, Alphabet และ NVIDIA มีมูลค่าตลาดที่สูงลิ่วและซื้อขายกันในระดับ P/E (Price-to-Earnings) ที่ค่อนข้างสูงกว่า สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในนวัตกรรมและโอกาสการเติบโตที่ต่อเนื่อง ส่วนบริษัทจีนอย่าง Alibaba, Tencent และ Baidu กลับมีมูลค่าตลาดที่ต่ำลงมากและซื้อขายกันในระดับ P/E ที่ต่ำกว่าเช่นกัน

ซึ่งสะท้อนถึงแรงกดดันในอดีต แต่หากพิจารณาด้านนวัตกรรม พบว่า บริษัทเทคโนโลยีของจีนถือได้ว่ามีนวัตกรรมในหลายๆ ส่วนที่เทียบเท่ากับสหรัฐฯ เช่น โมเดล AI ที่มีคะแนนอยู่ในระดับทัดเทียมกับสหรัฐฯ การพัฒนาชิป AI ที่ขยับเข้าใกล้กับของสหรัฐฯ มากขึ้น

ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าจีนนับว่ามีความก้าวหน้าในระดับสูงและสัดส่วนทางการตลาด (Market Share) สูงที่สุดในโลก “ความถูก” ของหุ้นจีนในปัจจุบันจึงนับว่ามี “โอกาส” ที่ซ่อนอยู่ หากสามารถปลดล็อคการเติบโตได้อีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุนในยุคฟื้นฟูเทคโนโลยีจีน :
 
สำหรับนักลงทุน การกลับมาของแจ็ค หม่า และการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายของจีนถือเป็นโอกาสที่น่าจับตามองสำหรับการลงทุนหุ้นเทคโนโลยีจีนในระยะยาว โดยกลยุทธ์การลงทุนสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเข้าซื้อหุ้นรายตัวโดยตรงอย่าง Alibaba (ผ่าน BABA23 / 09988.HK / NASDAQ : BABA) หรือ Tencent (00700.HK)

ซึ่งเป็นแกนหลักของการฟื้นตัวและมีมูลค่าที่น่าสนใจ หรือจะเลือกใช้กลยุทธ์ที่กระจายความเสี่ยงมากขึ้นผ่าน ETF ที่เน้นลงทุนในกลุ่มอินเทอร์เน็ตจีนอย่าง KWEB (China Internet ETF) เพื่อลดความเสี่ยงเฉพาะตัวของหุ้นแต่ละตัว
 
นอกจากนี้ การใช้กลยุทธ์แบบ Barbell Approach หรือการกระจายพอร์ตการลงทุนโดยจับคู่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและมีโอกาสเติบโตสูงอย่างหุ้นเทคโนโลยีจีน เข้ากับสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงและเติบโตสม่ำเสมออย่างหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ

ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนสามารถรับผลตอบแทนจากการฟื้นตัวของตลาดจีน ในขณะเดียวกันก็ยังคงมีเสถียรภาพจากตลาดสหรัฐฯ ที่เป็นผู้นำของโลก
 
โดยสรุป แม้ว่าบริษัทเทคโนโลยีจีนจะเผชิญกับความท้าทายมาหลายปี แต่ศักยภาพและระบบนิเวศของพวกเขายังคงแข็งแกร่ง และด้วยสัญญาณบวกที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทั้งการผ่อนคลายนโยบายและการกลับมาแจ็ค หม่า ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางภาพลักษณ์และทิศทางของตลาดอย่างมีนัยสำคัญ

มีโอกาสให้มูลค่าของบริษัทเทคโนโลยีจีนที่ถูกกดดันสามารถฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับ Trillion-Dollar Club ได้ นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่นักลงทุนควรพิจารณา China Tech ในฐานะ “Strategic Long-Term Bet” หรือการเดิมพันเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว ไม่ใช่เพียงการเก็งกำไรระยะสั้น เพราะหากการฟื้นฟูนี้เกิดขึ้นจริง โอกาสในการเติบโตจะมหาศาลอย่างแน่นอน

อ้างอิง : บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) , กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์


You might be intertested in this news.

Mostview

ไขรหัสจุดระเบิดชาวอินโดนีเซีย เมื่อประชาชนต้องปลุกจิตสำนึกส.ส. (ชมคลิป)

ไขรหัสจุดระเบิดชาวอินโดนีเซีย เมื่อประชาชนต้องปลุกจิตสำนึกส.ส. (ชมคลิป)

เบื้องหลังไฟปะทุGENZ ถ้าการเมือง เนปาล ดี? (ชมคลิป)

เบื้องหลังไฟปะทุGENZ ถ้าการเมือง เนปาล ดี? (ชมคลิป)

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(17ก.ย.68) เก็งกําไรในกรอบ

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(17ก.ย.68) เก็งกําไรในกรอบ

7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (11ก.ย.2025)

7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (11ก.ย.2025)

4เดือนรัฐบาลอนุทิน โครงการลงทุนที่เป็นไปได้

4เดือนรัฐบาลอนุทิน โครงการลงทุนที่เป็นไปได้

TrustNEws Line