แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(22ก.ย.68) หาจังหวะขายทํากําไร
by Trust News, 22 กันยายน 2568
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(22ก.ย.68) หาจังหวะขายทํากําไร
ราคามีแรงซื้อกลับมา หลังสร้างฐานได้สําเร็จ จึงมีโอกาสแกว่งตัวในระดับ 3,630 - 3,710 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสามารถเก็งกําไรในกรอบนี้ได้
โดยนักลงทุนกระจายเงินเข้าซื้อบางส่วน และอีกส่วนรอซื้อตามแนวรับพร้อมขายทํากําไรเมื่อราคาดีดตัวประมาณ 10 ดอลลาร์สหรัฐ จากจุดซื้อหรือทดสอบแนวต้าน อย่างไรก็ตามควรตัดขาดทุนหากราคาปรับฐานลงต่ำกว่า 3,650 ดอลลาร์สหรัฐ
แนวรับ : $3,670 / $3,660 / $3,650
แนวต้าน : $3,690 / $3,700 / $3,710
ปัจจัยพื้นฐานตลาดทองคำ :
มีแรงซื้อกลับ หลังตลาดรับรู้ว่าธนาคารกลาง สหรัฐฯ (เฟด) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด และมีการส่งสัญญาณว่าจะทยอยผ่อนคลายนโยบายการเงินในอนาคต โดยมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้
นักลงทุนพิจารณากระจายเงินรอเข้าซื้อตามแนวรับ เพื่อเก็งกำไรระยะสั้น ด้านราคาทองคำใน ประเทศถูกกดดันจากค่าเงินบาทที่กลับมาแข็งค่า พิจารณาขายทำกำไรที่ระดับราคา 55,500 - 55,600 บาท
ตารางเศรษฐกิจ :
22.00 น. : การแสดงความเห็นของกรรมการเฟด(+/-)
บทวิเคราะห์ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง :
แนวโน้มราคาทอง Sideway
ทองปิดบวก +$40.84 ขานรับสหรัฐฯ สุ่มเสี่ยงภาวะชัตดาวน์ และ SPDR ซื้อหนัก ขณะที่ดอลลาร์แข็ง
Gold spot : สูงสุด – 3,685 ดอลลาร์สหรัฐ ต่ำสุด – 3,633 ดอลลาร์สหรัฐ
ราคาทองคำแท่ง : สูงสุด – 55,400 บาท ต่ำสุด – 55,400 บาท
ภาพการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา :
ทองโลกมีการปรับตัวขึ้น จากการที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญหน้ากับความเสี่ยงที่จะเกิดการชัตดาวน์บางส่วนของรัฐบาล (partial government shutdown) ในช่วงปลายเดือนก.ย.นี้
เนื่องจากพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรได้ริเริ่มให้มีการผ่านร่างกฎหมายที่จะขยายงบประมาณของรัฐบาลออกไปอีกเจ็ดสัปดาห์จนถึงวันที่ 21 พ.ย. ในขณะที่พรรคเดโมแครตปฏิเสธร่างกฎหมายของพรรครีพับลิกันอย่างสิ้นเชิง โดยมีจุดยืนที่ต้องการให้มีการรวมงบประมาณด้านการดูแลสุขภาพที่ถูกตัดออกไปกลับคืนมา ซึ่งการเจรจาครั้งสำคัญนี้มีเส้นตายอย่างเป็นทางการในวันที่ 29-30 ก.ย.
ในขณะที่ทางด้านกองทุน SPDR ซื้อทองคำ 18.90 รวมสุทธิ 994.56 ตัน อย่างไรก็ตาม ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) แข็งค่าเป็นวันที่ 3 สู่ระดับ 97.64 หน่วย จาก 96.61 หน่วย อีกทั้งบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ได้ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 สู่ระดับ 4.13% จากที่ระดับ 4.02%
ในขณะที่ตลาดได้จับตาประธานศาลฎีกา จอห์น โรเบิร์ตส์ ที่ได้ร้องขอคำชี้แจงเพิ่มเติมจากนางลิซ่า คุก ผู้ว่าการเฟด ภายในวันที่ 25 ก.ย.นี้ เพื่อใช้ในการพิจารณาคดีเกี่ยวกับความพยายามของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการปลด “ลิซ่า คุก” ออกจากตำแหน่ง
วิเคราะห์ราคาทอง :
ราคาทองโลกกราฟราย 4 ชั่วโมง มีแนวโน้ม Sideway ในกรอบแนวรับและแนวต้านที่ 3,700 และ 3,660 ดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ จึงประเมินว่า ทองโลกอาจยังคงแกว่งตัวขึ้นลงอยู่ในกรอบดังกล่าว แต่หากทองโลกหลุดแนวรับถัดไปที่ 3,650 ดอลลาร์สหรัฐ ทองโลกอาจเข้าสู่ระยะขาลง
ราคาทองตลาดโลก :
แนวรับ : 3,660 และ 3,650 ดอลลาร์สหรัฐ
แนวต้าน : 3,700 และ 3,707 ดอลลาร์สหรัฐ
ทองโลกยังคงแกว่งตัวในกรอบ แนะนำใช้กลยุทธ์ย่อเก็บสะสมจากแนวรับที่ระดับ 3,660 ดอลลาร์สหรัฐ และขายทำกำไรหากราคาขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 3,700 ดอลลาร์สหรัฐ แต่หากราคาหลุดแนวรับที่ 3,650 ดอลลาร์สหรัฐ แนะนำขายตัดขาดทุนไปก่อน
ราคาทองคำแท่ง 96.5% :
แนวรับ : 55,150 และ 55,050 บาท
แนวต้าน : 55,550 และ 55,600 บาท
ราคาทองในประเทศรับตัวขึ้นตามทองโลก ในขณะที่ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่า จึงแนะนำเข้าซื้อสะสมแนวรับที่ระดับ 55,150 บาท และขายทำกำไรหากราคาทดสอบแนวต้านที่ 55,550 บาท แต่หากราคาหลุดแนวรับที่ 55,050 บาท ลงไป แนะนำขายตัดขาดทุน
ผลสำรวจมุมมองต่อทิศทางราคาทองคำในประเทศรายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 22-26 ก.ย.68 จากการสำรวจ GRC Gold Survey โดย ศูนย์วิจัยทองคำ :
13 ผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำที่ได้มีส่วนร่วมตอบแบบสำรวจ ในจำนวนนี้มี 6 ราย หรือเทียบเป็น 46% คาดว่าราคาทองคำในสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น
ส่วนจำนวน 3 ราย หรือเทียบเป็น 23% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 4 ราย หรือเทียบเป็น 31% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับนักลงทุนทองคำ ได้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ จำนวน 337 ราย ในจำนวนนี้มี 233 ราย หรือเทียบเป็น 69% คาดว่าราคาทองคำในประเทศของสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น
ส่วนจำนวน 72 ราย หรือเทียบเป็น 21% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 32 ราย หรือเทียบเป็น 10% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สถานการณ์ราคาทองคำ :
ราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ตามประกาศ สมาคมค้าทองคำ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 54,700 – 55,400 บาท ต่อบาททองคำ โดยราคาทองคำปิดอยู่ที่ระดับ 55,400 บาท ต่อบาททองคำ เพิ่มขึ้น 750 เมื่อเปรียบเทียบกับราคาปิดของสัปดาห์ก่อนหน้า (สัปดาห์ก่อนหน้าปิดที่ 54,650 บาท)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม :
1. นโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) โดย FED ปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกของปี 2568 แต่ส่งสัญญาณว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปจะเป็นไปอย่างระมัดระวัง
2. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน หลังข้อมูลภาคการผลิตและยอดค้าปลีกเมื่อเดือน สิงหาคม 2568 เติบโตช้าลง รัฐบาลจีนมีแรงกดดันที่จะเร่งออกมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อตอกย้ำเป้าหมายการเติบโต ซึ่งหากมาตรการออกมาอย่างเข้มข้นอาจหนุนความเชื่อมั่นในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์รวมถึงทองคำ
3. รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP), ดัชนีราคาผู้บริโภคส่วนบุคคล (PCE), ดัชนีความเชื่อมั่นและตัวเลขเงินเฟ้อคาดการณ์ของผู้บริโภคเดือน กันยายน 2568 และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
หมายเหตุ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
อ้างอิง : สมาคมค้าทองคำ , บทวิเคราะห์ บริษัท ออโรร่า เทรดดิ้ง จำกัด , บทวิเคราะห์ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง
You might be intertested in this news.
Mostview
ทำไมทีมไหนๆจึงเลือกใช้ บอล Direct โจมตี ลิเวอร์พูล (ชมคลิป)
ทำไมทีมไหนๆจึงเลือกใช้ บอล Direct โจมตี ลิเวอร์พูล (ชมคลิป)
เล่นเร็ว เน้นบอลยาวและฟรีคิก แท็กติกที่ทำให้แมนยูฯเริ่มดีขึ้น (ชมคลิป)
เล่นเร็ว เน้นบอลยาวและฟรีคิก แท็กติกที่ทำให้แมนยูฯเริ่มดีขึ้น (ชมคลิป)
“พระปรุหนัง” ของขลังมหาอุตม์ของ “เสือฝ้าย” และจุดจบที่แสนอดสู
เรื่องเล่า "ของขลัง" ขุนโจรฉายา "จอมพลฝ้าย" ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน 4 เสือสุพรรณ โดยมีของดี เป็น "พระเครื่องปรุหนัง" พระระดับตำนานที่สร้างในสมัยอยุธยา ขึ้นชื่อเรื่อง มหาอุตม์ แต่จุดจบของเสือฝ้ายกลับตายอย่างน่าอดสู....
แนวโน้มราคาทองวันนี้ (7พ.ย.68) Sideway ดีดตัวขึ้นกรอบบน
แนวโน้มราคาทองวันนี้ (7พ.ย.68) Sideway ดีดตัวขึ้นกรอบบน
แนวโน้มราคาทองวันนี้ (5พ.ย.68) ยังคงเป็น Sideway
แนวโน้มราคาทองวันนี้ (5พ.ย.68) ยังคงเป็น Sideway
ข่าวที่เกี่ยวข้อง