วันพุธ, ตุลาคม 1, 2568

แนวโน้มSETวันนี้(1ต.ค.68) กระตุ้นบริโภคเติมเงินสวัสดิการรัฐ

by Trust News, 1 ตุลาคม 2568

แนวโน้มSETวันนี้(1ต.ค.68) กระตุ้นบริโภคเติมเงินสวัสดิการรัฐ

คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์/พักตัว รัฐบาลเริ่มกระตุ้นการบริโภคหลัง ครม. เห็นชอบการเติมเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในเดือน พ.ย. และ ธ.ค. ครั้งละ 850 บาท ส่วนโครงการคนละครึ่งพลัสจะเข้า ครม. สัปดาห์หน้า

ทางเทคนิค ตลาดยังไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน 1290-1293 กลับมาปรับตัวลงหลุดต่ำกว่าแนวรับแรกที่ 1278 หากลงหลุดต่ำกว่าแนวรับสองที่ 1268 อีกจะเป็นการแกว่งตัวลงรอบใหม่มีแนวรับถัดไปที่ 1260

ประเด็นสำคัญ :

1. รมว. คลังเผยแนวคิดนโยบาย ศก. “กระตุ้นสั้น ได้ยาว กระจายตัว” มุ่งเน้น 5 เสาหลัก คือ การกระตุ้น ศก. และการท่องเที่ยว, การแก้หนี้ครัวเรือน, การเสริมสภาพคล่อง SMEs, การเพิ่มการออม และการสร้างอุตฯ อนาคต ภายใต้งบกระตุ้น ศก. และงบกลาง รวม 4.4 หมื่นลบ. โดยไม่กู้เพิ่ม และตั้งเป้าหมายที่วัดผลได้ เช่น GDP 4Q68 ต้องสูงกว่าที่คาดไว้ 0.3%, หนี้ครัวเรือนต่อ GDP ต้องต่ำกว่า 87% จาก 87.4%


2. รมว. พาณิชย์เผยจะเร่งสรุปผลการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าต่างประเทศ (ART) ภายในสิ้นปี 2568 และกำหนดให้กรมการค้าต่างประเทศเป็นหน่วยงานเดียวที่ออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า และจะเร่งบรรลุข้อตกลง FTA กับ EU และเกาหลีใต้ และหาตลาดส่งออกใหม่ใน ตะวันออกกลาง, แอฟริกา, อาเซียน และเอเชียใต้


3. ครม. เห็นชอบใช้วงเงิน 2.2 หมื่นลบ. เติมเงินบัตรสวัสดิการเพิ่มเติม 13.4 ล้านคนอีก 1,700 บาท/คน โดยจะจ่ายเพิ่มเดือนละ 850 บาท ใน พ.ย. และ ธ.ค. 2568 หนุนกำลังซื้อ บวกต่อกลุ่มค้าปลีก เครื่องดื่ม ไฟแนนซ์


4. ครม. เห็นชอบขยายมาตรการค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายสำหรับสายสีม่วงและแดงถึงวันที่ 30 พ.ย. 2568 และมอบหมายกระทรวงคมนาคมศึกษาแนวทางที่ยั่งยืนในการลดค่าเดินทางและไม่เป็นภาระคลังใน 2 เดือน


5. สศอ. เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม MPI ส.ค. 2568 ลดลง 4.2%YoY สู่ 92.13 กดดันจากเงินบาทที่แข็งค่ากระทบความสามารถการแข่งขันการส่งออก ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิต (CapU) อยู่ที่ 57.19%


6. ทำเนียบขาวเผยแผนโครงการ “TrumpRx” ขายยารักษาโรคผ่านเว็ปไซด์แก่ชาวอเมริกันโดยตรงในราคาพิเศษ ด้าน ปธน. ทรัมป์ประกาศบริษัทยา Pfizer (PFE.US) จะเป็นบริษัทยาเจ้าแรกที่เข้ารวมโครงการ และคาดว่าอีกหลายบริษัทจะทยอยร่วมโครงการ
 
กลยุทธ์การลงทุน :

ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสแกว่งตัวในกรอบ 1260-1300 จุด โดยปัจจัยในประเทศติดตามการแถลงนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะแผนการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีผลต่อความเชื่อมั่นการลงทุน ส่วนปัจจัยต่างประเทศติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ PMI จีน และ สหรัฐฯ รวมทั้งตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯ

ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าตัวเลขจะออกมาไม่ได้แย่กว่าที่ตลาดกังวล ทำให้ไม่กดดันตลาดหุ้นไทยมากนัก แต่หากอ่อนแอมากขึ้น คาดจะทำให้ตลาดมีคาดหวังมากขึ้นต่อการเร่งปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในระยะถัดไป ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
 
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์ :

ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบ ตลาดรอติดตามการแถลงนโยบายรัฐบาล และตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในต่างประเทศ กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีม หลักและ 3 ธีมเทรดดิ้ง ดังนี้...

1. หุ้น Earnings Play ซึ่งคาด 2H68 ผลการดำเนินงานจะยังเติบโตดีทั้ง HoH และ YoY แรงหนุนจากฤดูกาลและจากปัจจัยเฉพาะตัว ADVANC BCPG GULF SCC

2. หุ้นปันผลคุณภาพดี (SET100 ที่มี SET ESG Ratings A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตระยะสั้น คาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ TTB (XD 6 ต.ค.)

3. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC TIDLOR

Trading Idea : 

สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงและต้องการเก็งกำไร...

1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากช่วงวันหยุดยาวชาติจีน 1-8 ต.ค. กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL ERW)

2) หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการบริโภคและการท่องเที่ยว กลุ่มค้าปลีก/ส่ง (CPALL CPAXT BJC TNP) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG OSP HTC ICHI) และกลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL ERW)

3) หุ้นที่ได้อานิสงส์จากความต้องการซ่อมแซมถนนและที่อยู่อาศัย หลังน้ำท่วม กลุ่มวัสดุก่อสร้างและกลุ่มค้าปลีก (TASCO BJC HMPRO GLOBAL)
 
Daily top picks :

BCPG :  ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยลดลง อีกทั้งกำไรปกติ 2H68 คาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี จากการปรับตัวขึ้นมากของ Capacity Payment ในสหรัฐฯ และการเริ่มดำเนินการโครงการใหม่หลายโครงการ ประเมินราคาเป้าหมายระยะสั้น 8.70 บาท

BJC :  ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากอานิสงส์นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการบริโภคและการท่องเที่ยว อาทิ คนละครึ่งพลัสและท่องเที่ยวเมืองรอง ปี 2568 คาดกำไรจะเติบโต 7%YoY และเติบโตต่อ 10%YoY ในปี 2569 อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง ซื้อขายที่ PER 68F ที่ 16.7 เท่า ซึ่งต่ำกว่า -2SD ประเมินราคาเป้าหมายระยะสั้น 21.00 บาท

อ้างอิง : บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) , กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์


You might be intertested in this news.

Mostview

ลงมือทำย่อมดีกว่าเอาแต่พูด! จุดกำเนิดความสำเร็จ Walkman (ชมคลิป)

ลงมือทำย่อมดีกว่าเอาแต่พูด! จุดกำเนิดความสำเร็จ Walkman (ชมคลิป)

แม้ไม่มีไทย เขมรก็อยู่ได้ สนามบินเตโชช่วยได้จริงหรือ? (ชมคลิป)

แม้ไม่มีไทย เขมรก็อยู่ได้ สนามบินเตโชช่วยได้จริงหรือ? PART2 (ชมคลิป)

24 กันยายน หลุมยุบยักษ์ใน กทม. กับ 35 ปี แก๊สระเบิด ถนนเพชรบุรี

24 กันยายน 2568 เกิดเหตุหลุมยุบ กลางเมือง ในกทม. และไม่น่าเชื่อในวันเดียวกันเมื่อ 35 ปี ก่อน กับเหตุการณ์ รถแก๊สคว่ำ และเกิดระเบิด ที่ถนนเพชรบุรี ...

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(30ก.ย.68) เก็งกําไรระยะสั้น

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(30ก.ย.68) เก็งกําไรระยะสั้น

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(1ต.ค.68) เก็งกําไรระยะสั้น

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(1ต.ค.68) เก็งกําไรระยะสั้น

TrustNEws Line