วันอังคาร, ตุลาคม 21, 2568

6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (21ต.ค.2025)

by Trust News, 21 ตุลาคม 2568

6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (21ต.ค.2025)

1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น รับคาดการณ์งบไตรมาส 3

ดัชนีหุ้นหลักของสหรัฐฯ ได้แก่ Dow Jones, S&P 500 และ Nasdaq ปรับขึ้นกว่า 1% รับความคาดหวังผลประกอบการ (earnings report) จากบริษัทใหญ่ เช่น Tesla, IBM, Netflix, Procter & Gamble และ Coca-Cola ในสัปดาห์นี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี ลดลง 2.7 bps อยู่ที่ 3.982%

ส่วนราคาทองคำ (gold price) พุ่งขึ้นกว่า 2.5% จากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยและคาดการณ์เฟดจะลดดอกเบี้ยอีก ดัชนี MSCI World และ STOXX 600 ของยุโรปปรับขึ้นเช่นกัน ด้านน้ำมันดิบ Brent และ WTI ปรับลดลงจากความกังวลอุปทานส่วนเกินนักลงทุนยังจับตา US government shutdown และการเจรจาการค้ากับจีน

2. สหรัฐฯ-ออสเตรเลียลงนามข้อตกลง รับมือการควบคุมแร่หายากของจีน

ประธานาธิบดีทรัมป์และนายกรัฐมนตรีอัลบาเนซีของออสเตรเลียลงนามข้อตกลงแร่สำคัญ (Critical Minerals) เพื่อรับมือการควบคุมอุปทานแร่หายาก (Rare Earths) ของจีน ทั้งสองประเทศจะลงทุน $1 พันล้านในโครงการเหมืองและการแปรรูป พร้อมตั้งราคาฐาน (price floor) สำหรับ Critical Minerals ซึ่งรวมถึง Rare Earths, lithium และ nickel

ข้อตกลงนี้ยังครอบคลุมการลดขั้นตอนอนุญาตเหมืองและความร่วมมือด้าน mapping, recycling และป้องกันการขายสินทรัพย์สำคัญด้านความมั่นคง นอกจากนี้ EXIM Bank ของสหรัฐฯ ประกาศสนับสนุนโครงการในออสเตรเลียกว่า $2.2 พันล้าน ลดการพึ่งพาจีน

3. ทรัมป์ขู่คงภาษีนำเข้าต่ออินเดีย หากยังนำเข้าน้ำมันรัสเซีย

ประธานาธิบดีทรัมป์ยืนยันจะคงภาษีศุลกากรในอัตราสูงต่อสินค้านำเข้าจากอินเดีย หากอินเดียยังคงนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย โดยชี้ว่ารายได้จากน้ำมันช่วยสนับสนุนสงครามยูเครนของรัสเซีย แม้จะมีข้อขัดแย้งเรื่องการสนทนาระหว่างผู้นำทั้งสอง

อินเดียยังคงเป็นผู้นำเข้าน้ำมันทางทะเลจากรัสเซียรายใหญ่ที่สุด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 20% ในเดือน ต.ค. นี้เป็น 1.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-อินเดียยังดำเนินไปอย่างเป็นมิตร แต่ยังไม่มีข้อสรุปเรื่องการลดนำเข้าน้ำมันรัสเซียในทันที

4. GDP จีนเติบโตดีกว่าคาดที่ 4.8% แต่เป็นการเติบโตต่ำสุดในรอบหนึ่งปี

เศรษฐกิจจีนในไตรมาส 3 ปี 2025 ขยายตัว 4.8% YoY ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.7% เล็กน้อย แต่ยังคงเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดในรอบหนึ่งปี สะท้อนแรงกดดันจากการชะลอตัวในภาคอสังหาริมทรัพย์และการใช้จ่ายภายในประเทศที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ แม้ว่าภาครัฐจะพยายามใช้มาตรการกระตุ้นด้านโครงสร้างพื้นฐานและเครดิตเพื่อพยุงเศรษฐกิจ

ในขณะที่ภาคส่งออกและเทคโนโลยียังช่วยรองรับบางส่วน แต่ตลาดยังมองว่าจีนจะต้องดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพิ่มเติม โดยเฉพาะผ่านการลดดอกเบี้ย หรือการเพิ่มสภาพคล่อง เพื่อช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ

5. ตลาดหุ้นเวียดนามร่วงแรงสุดในรอบ 6 เดือน จากความกังวลเรื่องตราสารหนี้ภาคเอกชน

ดัชนี VN Index ร่วงลงกว่า 5.6% หลังจากสำนักงานผู้ตรวจการรัฐบาลเวียดนามเปิดเผยผลตรวจสอบพันธบัตรของบริษัท 67 แห่ง (รวมถึงธนาคาร 5 แห่ง) ที่พบการกระทำผิดหลายประการ เช่น การใช้เงินระดมทุนผิดวัตถุประสงค์ การเปิดเผยข้อมูลไม่ครบถ้วน การบริหารเงินทุนที่ไม่เหมาะสม และการชำระคืนดอกเบี้ยล่าช้า

นอกจากนี้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยิ่งสั่นคลอนเมื่อ Novaland ประกาศว่าไม่สามารถชำระหนี้พันธบัตรแปลงสภาพได้ตามกำหนด ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่ เช่น Vingroup, Vinhomes และ Vietcombank เป็นแรงกดดันหลักต่อดัชนี ส่งผลให้นักลงทุนรายย่อยที่ใช้มาร์จิ้นสูงในช่วงตลาดปรับขึ้นแรงในช่วงก่อนหน้า ต้องเร่งขายลดพอร์ตเมื่อเกิดข่าวลบ ส่งผลให้เกิดแรงเทขายกว้างทั่วทั้งตลาด

6. สิทธิ์ลงทะเบียน “คนละครึ่งพลัส” ครบ 20 ล้านสิทธิ์ในวันแรก – คลังพิจารณาขยายรอบใหม่หลัง 11 พ.ย.นี้

กระทรวงการคลังเปิดลงทะเบียนโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ปรากฏว่ามีประชาชนแห่ลงทะเบียนเต็มจำนวน 20 ล้านสิทธิ์ ภายในเวลาเพียง 10 ชั่วโมง ถือเป็นการตอบรับอย่างล้นหลามเกินคาด

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่าโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก คาดว่าจะอัดฉีดเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 88,000 ล้านบาท เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจช่วงปลายปี โดยเฉพาะในภาคการค้าปลีกและท่องเที่ยว

ทั้งนี้ ผู้ที่ได้สิทธิ์จะสามารถเริ่มใช้จ่ายผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568 และต้องใช้สิทธิ์ครั้งแรกภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 มิฉะนั้นจะถูกตัดสิทธิ์ และรัฐบาลจะนำโควตานั้นมาเปิดให้ลงทะเบียนรอบใหม่ในเดือน มกราคม 2569

นายเอกนิติ ระบุว่า กระทรวงการคลัง กำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการขยายสิทธิ์เพิ่มเติม เนื่องจากมีความต้องการจำนวนมากและอาจเปิด “เฟส 2” หากผลการใช้จ่ายรอบแรกเป็นไปตามเป้าหมาย

ประเด็นที่ต้องติดตาม :

คำแถลงการณ์ของประธาน ECB

อ้างอิง : บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) , กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์


You might be intertested in this news.

Mostview

แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (17ต.ค.68) ยังคงเป็นขาขึ้น

แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (17ต.ค.68) ยังคงเป็นขาขึ้น

แนวโน้มราคาทองวันนี้(16ต.ค.68) ยังเป็นขาขึ้น

แนวโน้มราคาทองวันนี้(16ต.ค.68) ยังเป็นขาขึ้น

แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (15ต.ค.68) ยังเป็นขาขึ้น

แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (15ต.ค.68) ยังเป็นขาขึ้น

แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (21ต.ค.68) ยังเป็นขาขึ้น

แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (21ต.ค.68) ยังเป็นขาขึ้น

7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (17ต.ค.2025)


7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (17ต.ค.2025)


TrustNEws Line