8 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (17พ.ย.68)
by Trust News, 17 พฤศจิกายน 2568
8 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (17พ.ย.68)
1. ตลาดหุ้นโลกปรับลง ในขณะที่ Bond yield เพิ่มขึ้น หลังตลาดปรับลดโอกาส เฟดลดดอกเบี้ย ลง
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวแบบผันผวน โดย S&P 500 -0.05%ส่วน Nasdaq +0.13% ในวันศุกร์ที่ผ่านมา นักลงทุนปรับลดโอกาสที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย เดือน ธ.ค. เหลือ 46% จาก 66.9% หลังเจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณกังวลเรื่องเงินเฟ้อและตลาดแรงงานแข็งแกร่ง
ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปีขยับขึ้นแตะ 4.146% ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับยูโรและเยน ส่วนราคาน้ำมันปรับขึ้นจากความกังวลอุปทานหลังเหตุการณ์โจมตีในรัสเซีย ขณะที่ราคาทองคำและ Bitcoin ปรับลดลงตามแรงกดดันจากเฟด
2. Scott Bessent คาดสหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงด้านแร่หายากภายในวันขอบคุณพระเจ้า
Scott Bessent รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ แสดงความคิดเห็นว่า เขามีความหวังอย่างมากว่าข้อตกลงด้านแร่หายากระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะบรรลุผลภายในหรือก่อนวันขอบคุณพระเจ้า (27 พฤศจิกายน 2025) โดยในปัจจุบันอยู่ในช่วงเจรจารายละเอียดข้อตกลง เช่น เงื่อนไขใบอนุญาตส่งออกสำหรับการใช้ทางทหาร รวมถึงกรอบเวลาการใช้มาตรการผ่อนปรนจริง
พร้อมเน้นว่าการประนีประนอมและความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อความมั่นคงของซัพพลายเชนโลก โดยสถานการณ์ยังเป็นที่น่าจับตาเนื่องจากจะส่งผลต่อราคาและซัพพลายของสินค้ากลุ่มเทคโนโลยีและกลาโหมโดยตรง
3. สวิตเซอร์แลนด์บรรลุข้อตกลงลดภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ เหลือ 15% พร้อมลงทุน $200 พันล้านในสหรัฐฯ
รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ประกาศว่า สหรัฐฯ จะลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสวิตเซอร์แลนด์ จาก 39% เหลือ 15% ตามข้อตกลงการค้าใหม่ บริษัทสวิตฯ จะลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่ารวม 200,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2028 ครอบคลุมอุตสาหกรรมยา อุปกรณ์การแพทย์ อากาศยาน และการผลิตทอง
ข้อตกลงนี้ช่วยให้ธุรกิจสวิตฯ แข่งขันได้เท่าเทียมกับบริษัทในสหภาพยุโรป และลดความเสี่ยงจากภาษี Section 232 ที่อาจสูงถึง 100% ในบางสินค้า เศรษฐกิจสวิตเซอร์แลนด์คาดว่าจะเติบโตมากกว่า 1% ในปี 2026 จากผลของการลดภาษีและการลงทุนครั้งใหญ่
4. GDP ญี่ปุ่นหดตัวลง -0.4% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ติดตามท่าที BoJ
เศรษฐกิจญี่ปุ่นในช่วงไตรมาสที่ 3 (กรกฎาคมถึงกันยายน) ของปี 2025 หดตัว 0.4% จากไตรมาสก่อนหน้า หรือเทียบเท่าอัตราหดตัวรายปีที่ 1.8% นับเป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 6 ไตรมาส
การหดตัวในครั้งนี้มีปัจจัยหลักมาจากการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ลดลง อัตราเงินเฟ้อที่สูง รวมถึงการส่งออกที่อ่อนแอจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และผลกระทบจากนโยบายภาษีการค้าของสหรัฐ ซึ่งกดดันกลุ่มผู้ส่งออก ในขณะที่ BoJ อาจมีท่าทีการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น หลังเศรษฐกิจชะลอตัวลง
5. ญี่ปุ่นเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 17 ล้านล้านเยน
รัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี Sanae Takaichi กำลังพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่าประมาณ 17 ล้านล้านเยน (ราว 110 พันล้านดอลลาร์) โดยมีงบประมาณเพิ่มเติม (supplementary budget) ราว 14 ล้านล้านเยน ซึ่งสูงกว่าปีก่อน
อาจเพิ่มหนี้สาธารณะของประเทศ มาตรการนี้เน้นใช้มาตรการทางคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รับมือกับต้นทุนชีวิตที่สูงขึ้น และสนับสนุนการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเติบโตเช่น AI และ semiconductors รวมถึงการปรับลดภาษีเงินได้, ภาษีน้ำมัน, ให้เงินอุดหนุนด้านสาธารณูปโภค และ อาหาร คาดว่าจะได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีวันที่ 21 พฤศจิกายน นี้
6. จีนตอบโต้ญี่ปุ่น หลังแสดงท่าทีอาจใช้กำลังทหาร หากจีนโจมตีไต้หวัน
จีนตอบโต้ญี่ปุ่นหลังนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น Sanae Takaichi ออกแถลงการณ์ถึงความเป็นไปได้ที่ญี่ปุ่นจะใช้กำลังทหารหากจีนโจมตีไต้หวัน โดยกระทรวงกลาโหมจีนและกระทรวงการต่างประเทศออกแรงกดดันเต็มที่ พร้อมประกาศเตือนให้ประชาชนจีนงดเดินทางและพิจารณาแผนการศึกษาต่อที่ญี่ปุ่น
กลุ่มสื่อหลักในจีนโจมตีญี่ปุ่นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง และขู่ตอบโต้ด้วยกำลังทางทหารหากญี่ปุ่นแทรกแซงในไต้หวัน โดยมาตรการล่าสุดของจีนในมิติต่าง ๆ เช่น ข้อห้ามการเดินทาง การศึกษา รวมถึงการเพิ่มการตั้งด่านชายฝั่งและการซ้อมรบถือเป็นการส่งสัญญาณบีบคั้นญี่ปุ่นอย่างเข้มข้น พลวัตสถานการณ์ล่าสุดเริ่มเลวร้ายลงอย่างมาก ในเดือนพฤศจิกายน 2025.
7. AI จีนมีความสามารถใกล้เคียงกับสหรัฐฯ แม้มีเงินลงทุนต่ำกว่า
อุตสาหกรรม AI ของจีนกำลังสร้างจุดเปลี่ยน โดยโมเดลชั้นนำของจีนสามารถทำผลงานได้ถึง 90% ของระดับสหรัฐฯ ด้วยการลงทุนด้านทุน (CapEx) ที่ต่ำกว่ามาก การใช้จ่ายรวมด้าน CapEx ของบริษัท hyperscalers จีนช่วงปี 2023-2025 อยู่ที่ 124 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าสหรัฐฯ ถึง 82% ในขณะที่โมเดล MiniMax M2 ของจีนสามารถทำคะแนนได้ 90% เทียบกับ GPT-5 Codex ของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ความสำเร็จของจีนมาจากการมุ่งเน้นประสิทธิภาพรูปแบบโมเดล และการใช้นวัตกรรมด้านโครงสร้างโมเดล โดยเน้นผลตอบแทนการลงทุนและประสิทธิภาพคอมพิวท์มากกว่าอเมริกาที่เน้นปริมาณฮาร์ดแวร์และกำลังในการคำนวณ นอกจากนี้ โมเดลโอเพนซอร์สของจีนเริ่มแซงหน้าของสหรัฐฯ พร้อมกับต้นทุนการใช้งานที่ต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด
8. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยอยู่ที่ 51.9 ในเดือน ต.ค. สูงสุดในรอบ 9 เดือน
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนตุลาคม 2568 อยู่ที่ 51.9 ปรับสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน ปัจจัยสำคัญคือความเชื่อมั่นหลังจากสถานการณ์การเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้นและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่าง “คนละครึ่งพลัส”
ส่งผลให้ผู้บริโภคคลายความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจในระยะสั้น ขณะเดียวกันประเมินว่า GDP ไทยไตรมาส 4/68 จะโต 1.1% และทั้งปี 2568 โต 2.4% ภายใต้แรงหนุนจากนโยบายรัฐ แม้จะยังมีความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนสูงและปัจจัยเสี่ยงภายนอก
ประเด็นที่ต้องติดตาม :
GDP ไทยไตรมาสที่ 3/2025 คาดการณ์ที่ 1.6% YoY ก่อนหน้าที่ 2.3% YoY
อ้างอิง : บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) , กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์
You might be intertested in this news.
Mostview
รีวิวหนัง IN THE LOST LANDS “แดนทมิฬ เมืองต้องสาป”
IN THE LOST LANDS “แดนทมิฬ เมืองต้องสาป” ต้องบอกว่า ตอนที่เข้าไปดูหนังเรื่องนี้ คือ “ไม่รู้เรื่องราวจริงๆ” รู้แค่ว่า ชอบ 2 นักแสดงนำ อย่าง “มิลลา โยโววิช” และ “เดฟ บอทิสต้า”
ทำความเข้าใจแบบไม่ดรามา ภาพรวมศักยภาพ “นมไทย”
ทำความเข้าใจแบบไม่ดรามา ภาพรวมศักยภาพ “นมไทย”
แนวโน้มราคาทอง Sideway แนะทยอยซื้อสะสม
แนวโน้มราคาทอง Sideway แนะทยอยซื้อสะสม
แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (20พ.ย.68) Sideway รอซื้อตามแนวรับ
แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (20พ.ย.68) Sideway รอซื้อตามแนวรับ
แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (14พ.ย.68) Sideway รอซื้อตามแนวรับ
แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (14พ.ย.68) Sideway รอซื้อตามแนวรับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง