แนวโน้มSETวันนี้ (17พ.ย.68) แกว่งตัว จับตา GDP 3Q68
by Trust News, 17 พฤศจิกายน 2568
แนวโน้มSETวันนี้ (17พ.ย.68) แกว่งตัว จับตา GDP 3Q68
คาดตลาดแกว่งตัว อาจเห็นการรีบาวด์ได้บ้าง คาดแรงขายในหุ้นงบ 3Q68 ต่ำคาดน่าจะเริ่มชะลอลง ขณะที่การเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ ล่าสุดไม่หยุดชะงัก น่าจะช่วยคลายกังวล แต่แนะนำรอติดตามการยืนยันจากรัฐบาลอีกครั้ง
วันนี้ ติดตามสภาพัฒน์รายงาน GDP 3Q68 คาดโต 1.0-1.5% เมื่อเปรียบเทียบแบบปีต่อปี ชะลอตัวลงจากขยายตัว 2.8% เมื่อเปรียบเทียบแบบปีต่อปี ใน 2Q68 ทางเทคนิคดัชนีร่วงลงมาทดสอบ 1265 จุด หากยังไหลลงต่อจะมีแนวรับถัดไป 1250 ถึง 1235 จุด แต่หากไม่หลุดมีโอกาสรีบาวด์ระยะสั้น แนวต้านที่ 1280 ถึง 1285 จุด
ประเด็นสำคัญ :
1. ส.อ.ท. แนะรัฐบาลอธิบายกรอบเวลาให้ชัดว่าหนังสือแจ้งหยุดเจรจาภาษีการค้าจาก USTR เกิดขึ้นก่อน ปธน. สหรัฐฯ พูดคุยกับนายกฯ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นการเจรจาเดินหน้าต่อได้ นลท. ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ กลยุทธ์ลงทุนระยะสั้นแนะนำลงทุนในธีมหุ้น Defensive และหุ้นปันผลคุณภาพดี และหลีกเลี่ยงการลงทุนหุ้นกลุ่มอิเล็กฯ และนิคม
2. สกนช. เสนอ 4 ประเด็นเร่งด่วนต่อ รมว. พลังงานซึ่งรวมถึงการจัดทำแผนวิกฤตราคาน้ำมันปี 2568-2572 ปรับนิยาม “ภาวะวิกฤตราคาน้ำมัน” ให้ชัดเจนและทบทวนการกำหนดเพดานราคาดีเซลที่ 30 บาท/ลิตร (ปัจจุบัน B7 31 บาท/ลิตร) และ LPG ที่ 423 บาท/ 15 ก.ก.
3. ม. หอการค้าไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคใน ต.ค. 2568 ที่ 51.9 ปรับขึ้นต่อเป็นเดือนที่สอง หนุนจากความชัดเจนทางการเมืองและความเชื่อมั่นต่อ “คนละครึ่งพลัส” ที่จะช่วยฟื้นกำลังซื้อและลดภาระค่าใช้จ่าย ประเมิน GDP 4Q68 จะเติบโต 1.1% และปี 2568 ที่ 2.4%
4. ท่าเรือ Novorossiysk รัสเซียกลับมาลำเลียงน้ำมันตามปกติตั้งแต่วานนี้ (16 พ.ย.) หลังหยุดดำเนินการเป็นเวลาสองวันเนื่องจากยูเครนโจมตี ท่าเรือดังกล่าวส่งออกน้ำมันราว 2.2MBD หรือคิดเป็น 2% ของอุปทานโลก ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Brent เมื่อวันศุกร์ปรับขึ้น 2.0%
5. ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญจีนใน ต.ค. 2568 สะท้อนเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอ การผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกขยายตัวชะลอลง ส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรลดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อน
6. จีนมีท่าทีกดดันต่อญี่ปุ่นอย่างหนักนับตั้งแต่นายกฯ ญี่ปุ่นได้พูดถึงจีนอาจใช้กำลังทหารต่อไต้หวัน กระทรวงกลาโหมจีนได้แสดงท่าทีที่รุนแรงต่อญี่ปุ่นและรัฐบาลจีนเตือนประชาชนงดท่องเที่ยวและการวางแผนศึกษาต่อในญี่ปุ่น
กลยุทธ์การลงทุน :
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสพักตัวหรือแกว่งตัวลง หลังตลาดเริ่มขาดปัจจัยบวกใหม่ โดยทางเทคนิคหลังดัชนีหลุดต่ำกว่าแนวรับสำคัญ 1285 ทำให้มีโอกาสแกว่งลงไปที่บริเวณ 1265/1240 จุด ส่วนปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ GDP 3Q68 ซึ่งคาดเติบโต 1.0-1.5%YoY ชะลอตัวลงจาก +2.8%YoY ใน 2Q68, ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งอาจกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนในระยะสั้น แม้คาดจะมีผลกระทบจำกัดต่อผลประกอบการ บจ. ไทยโดยรวม
รวมทั้งการประชุม ครม. คาดจะมีการพิจารณามาตรการแก้หนี้เสียรายย่อย, รถไฟฟ้าสายสีม่วง-สีแดง 40 บาทตลอดสาย และเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ FOMC Minutes, ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญทั้งภาคแรงงาน NFPs และภาคเงินเฟ้อ PCE CPI หากหน่วยงานราชการกลับมาเปิด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์ :
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสพักตัวหรือแกว่งตัวลง หลังตลาดเริ่มขาดปัจจัยบวกใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักและ 2 ธีมเทรดดิ้งที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้...
1. หุ้น Defensive ซึ่งผลการดำเนินงานสามารถต้านทานความผันผวนภายนอก คาด 4Q68 กำไรยังเติบโตดี YoY และ แนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดี แนะนำ ADVANC BDMS BCPG BEM BGRIM PTT
2. หุ้นปันผลคุณภาพดีซึ่งมี SET ESG Ratings A-AAA เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตระยะสั้น โดยคาดจะมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 2568 หลังหักเงินปันผลจ่ายระหว่างกาลแล้ว ซึ่งให้ Div. Yield เกิน 5% แนะนำ Outperform ได้แก่ BAM KTB AP SIRI TOP BLA
3. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค. และปีหน้า 2 ครั้งในช่วง 1H69 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC รวมทั้งหุ้นกลุ่ม REITs แนะนำ DIF FTREIT LHHOTEL
Trading Idea :
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ...
1) หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากรัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ แนะนำ กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL ERW) จากมาตรการเที่ยวดีมีคืน, กลุ่มไฟแนนซ์ (BAM MTC) จากมาตรการพักหนี้และให้สินเชื่อรายย่อย
2) หุ้นที่คาดมีโอกาสได้ประโยชน์จากสถานการณ์น้ำท่วมขังเฉพาะจุด แนะนำ TASCO HMPRO GLOBAL ขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงหุ้นที่อาจจะได้รับผลกระทบจิตวิทยา หากสถานการณ์ความตึงเครียดไทย-กัมพูชาบานปลายรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่าง CBG SAV
Daily Top Picks :
CENTEL : มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากกำไร 3Q68 ออกมาดีกว่าคาด แรงหนุนจากธุรกิจโรงแรมมีผลขาดทุนลดลงและธุรกิจอาหารแข็งแกร่ง อีกทั้งเรามีมุมมองบวกต่อประกาศเข้าลงทุนในลัคกี้สุกี้และลัคกี้บาร์บีคิว ซึ่งคาดจะช่วยขยายพอร์ตธุรกิจอาหารและหนุนการเติบโตกำไรในระยะยาว เป้าหมายระยะสั้น 32.50 บาท
SAWAD : มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากกำไรที่จะดีขึ้น โดย 4Q68 คาดกำไรเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ส่วนปี 2568 แม้คาดกำไรหดตัว 9.4%YoY แต่จะพลิกเติบโต 12%YoY ในปี 2569 แรงหนุนจากการกลับมาขยายสินเชื่อ NIM ที่เพิ่มขึ้นและ Credit Cost ที่ลดลง Valuation น่าสนใจ PER 2569F ที่ 7.73x เป้าหมายระยะสั้น 27.25 บาท
อ้างอิง : บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) , กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์
You might be intertested in this news.
Mostview
ถอดรหัส ข้าคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จริงหรือ? ต้องได้เป็นตัวจริงเท่านั้น
ถอดรหัส ข้าคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จริงหรือ? ต้องได้เป็นตัวจริงเท่านั้น
รีวิวหนัง Eternity สามรัก หนึ่งนิรันดร์
ถ้าโลกหน้ามีจริง คุณจะเลือกอยู่กับใคร เมื่อต้องเลือกระหว่าง อดีตสามีที่ตายไปก่อนหลายสิบปี กับสามีที่อยู่ด้วยกันมานานจนตายไปด้วยกัน...?
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (17ธ.ค.68) Sideway Up เก็งกำไรในกรอบ
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (17ธ.ค.68) Sideway Up เก็งกำไรในกรอบ
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (18ธ.ค.68) Sideway Up รอซื้อตามแนวรับ
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (18ธ.ค.68) Sideway Up รอซื้อตามแนวรับ
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (11ธ.ค.68) Sideway Up ลุ้นสร้างจุดสูงใหม่
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (11ธ.ค.68) Sideway Up ลุ้นสร้างจุดสูงใหม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง