วันพุธ, พฤศจิกายน 26, 2568

แนวโน้มSETวันนี้ (25พ.ย.68) แกว่งตัว กรอบการขึ้นดูจำกัด

by Trust News, 25 พฤศจิกายน 2568

แนวโน้มSETวันนี้ (25พ.ย.68) แกว่งตัว กรอบการขึ้นดูจำกัด

คาดตลาดแกว่งตัว แรงกดดันจาก MSCI Rebalance น่าจะชะลอลง แต่การฟื้นตัวยังคงจำกัดเนื่องจากขาดปัจจัยหนุน ปัจจัยต่างประเทศดีขึ้นหลังสหรัฐฯ-จีนเจรจาเชิงบวก ในประเทศติดตาม คณะรัฐมนตรีพิจารณามาตรการรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดวัน สำหรับ สายสีม่วงและสีแดง มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ และยอดนำเข้า-ส่งออกและดุลการค้าเดือนตุลาคม

ทางเทคนิคหากดัชนียังไม่ขึ้นมายืนเหนือเส้น 200 วันได้ จะทำให้ภาพรวมยังดูไม่ดีนัก แนวรับ 1245 ถึง 1240 จุด แนวต้าน 1265 ถึง 1270 จุด

ประเด็นสำคัญ :

1. ครม. เศรษฐกิจเห็นชอบมาตรการเร่งรัดและส่งเสริมการลงทุนเพื่ออนาคต มอบหมาย BOI เดินหน้า 3 มาตรการ คือ Thailand Fast Pass ปลดล็อกการลงทุนขนาดใหญ่, มาตรการสร้างบุคลากรทักษะสูง 1 แสนคน และมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ดันมูลค่าการลงทุนจริง 4.8 แสนลบ. ส่งต่อที่ประชุม ครม. วันนี้


2. รมว. คมนาคมเผยเตรียมเสนอ ครม. มาตรการค่าโดยสาร 40 บาทตลอดวันสำหรับรายสีแดงและสายสีม่วงเป็นเวลา 1 ปี ต่อเนื่องจากมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 พ.ย.นี้


3. สศช. รายงานภาวะหนี้สินครัวเรือนใน 2Q68 ที่ระดับ 86.8% ของ GDP ลดลง 0.3%YoY ลดลงเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน ขณะที่สัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนสู่ 9.11% โดยเป็นการปรับขึ้นในทุกประเภทสินเชื่อ


4. REIC ประเมินยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยช่วง 4Q68 จะฟื้นตัว 13.1%QoQ สู่ 95,484 หน่วย และมูลค่าเพิ่มขึ้น 13%QoQ ที่ 2.55 แสนลบ. และคาดว่ายอดโอนในปี 2569 จะฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยหดตัว 0.7%YoY แคบลงเทียบกับในปี 2568 ที่หดตัว 7.3%YoY มองเป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มอสังหาฯ


5. การประชุมคณะอนุกรรมการพยากรณ์และจัดทำ PDP2025 นัดแรกวานนี้รับมอบนโยบายจัดทำแผนให้เสร็จภายใน 3 เดือน โดยแผนจะต้องทันสถานการณ์พลังงานโลก, ปรับเป้าหมาย Net Zero เป็นปี 2593 จากปี 2608 รวมถึงการกำหนดบทบาทของโรงไฟฟ้า SMR และการใช้เทคโนโลยีกักเก็บคาร์บอน (CCS)

กลยุทธ์การลงทุน :

ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1240 -1300 จุด หลังตลาดยังขาดปัจจัยชี้นำใหม่ โดยปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ ความคืบหน้าการเจรจาภาษีไทย-สหรัฐฯ, ดุลการค้า ต.ค., ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ต.ค. และ ครม. เศรษฐกิจพิจารณามาตรการช่วยเหลือสภาพคล่องผู้ประกอบการ SMEs และมาตรการส่งเสริมการลงทุนเร่งด่วน (BOI Fast Pass)

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ อาทิ ดัชนี PCE และ PPI ก.ย., GDP 3Q68 (รายงานครั้งที่ 2) ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
 
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์ :

ช่วงสั้นมอง SET เคลื่อนไหวในกรอบหลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักและ 3 ธีมเทรดดิ้งที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้...

1. หุ้น Defensive ซึ่งผลการดำเนินงานสามารถต้านทานความผันผวนภายนอก โดยเราคาด 4Q68 กำไรยังเติบโตดี YoY และแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดี แนะนำ ADVANC BDMS GULF BEM BGRIM PTT

2. หุ้นปันผลคุณภาพดีซึ่งมี SETESG Rating A-AAA เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตระยะสั้น โดยคาดจะมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 2568 หลังหักเงินปันผลจ่ายระหว่างกาลแล้ว ซึ่งให้ Yield เกิน 5% และเราแนะนำ Outperform ได้แก่ BAM WHA KTB AP SIRI TOP BLA

3. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง เราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค. และปีหน้า 2 ครั้งในช่วง 1H69 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC รวมทั้งหุ้นกลุ่ม REITs แนะนำ DIF FTREIT LHHOTEL

Trading Idea : 

นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ...

1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจาก ครม. เศรษฐกิจพิจารณามาตรการส่งเสริมการลงทุนเร่งด่วน (BOI Fast Pass) แนะนำ กลุ่มนิคมฯ (WHA AMATA)

2) หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐ แนะนำ กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL ERW) จากมาตรการเที่ยวดีมีคืน, กลุ่มไฟแนนซ์ (BAM MTC) จากมาตรการพักหนี้และให้สินเชื่อรายย่อย

3) หุ้นที่คาดนำเข้าคำนวณดัชนี SET50 ในรอบ 1H69 ซึ่งจะประกาศในช่วงกลาง ธ.ค. นี้ แนะนำ SAWAD ITC
 
Daily Top Picks :

AMATA :  ราคาหุ้นมีโอกาสได้อานิสงส์บวกระยะสั้นจาก ครม. เศรษฐกิจเห็นชอบและส่ง ครม. พิจารณาโครงการ BOI Fast Pass ซึ่งจะช่วยปลดล็อกและดันให้เกิดการลงทุนจริงมูลค่า 4.8 โมเมนตัมกำไรยังแข็งแกร่งหลังมี Backlog ในมือสูงกว่า 2 หมื่นลบ. คาดหนุนกำไรสุทธิปี 2568 เติบโต 20.6%YoY เป้าหมายระยะสั้น 16.40 บาท 

AP :  มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากแผนทยอยเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่ากว่า 2 หมื่นลบ. ใน 4Q68 และวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง กำไรสุทธิ 4Q68 คาดจะทำจุดสูงสุดของปี ฟื้นตัว QoQ แต่ทรงตัว YoY หนุนจาก Backlog ที่แข็งแกร่งจากโครงการแนวราบและการเริ่มโอนคอนโดโครงการใหม่ Aspire วิภา-วิคตอรี เป้าหมายระยะสั้น 8.70 บาท

อ้างอิง : บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) , กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์


You might be intertested in this news.

Mostview

แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (25พ.ย.68) Sideway Up ขายทำกำไรที่แนวต้าน

แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (25พ.ย.68) Sideway Up ขายทำกำไรที่แนวต้าน

แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (20พ.ย.68) Sideway รอซื้อตามแนวรับ

แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (20พ.ย.68) Sideway รอซื้อตามแนวรับ

แนวโน้มราคาทองวันนี้ (24พ.ย.68) Sideway ทยอยซื้อตามแนวรับ

แนวโน้มราคาทองวันนี้ (24พ.ย.68) Sideway ทยอยซื้อตามแนวรับ

6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ 24พ.ย.68

6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ 24พ.ย.68

3 เหตุผล "น้ำท่วมภาคใต้" โดยเฉพาะ อ.หาดใหญ่ หนักที่สุด

3 เหตุผล "น้ำท่วมภาคใต้" โดยเฉพาะ อ.หาดใหญ่ หนักที่สุด พร้อมติงการบริหารจัดการน้ำ ต่ำกว่ามาตรฐาน หรือไม่...

TrustNEws Line