วันอังคาร, ธันวาคม 23, 2568

ปธน.ทรัมป์ ประกาศโครงการเรือประจัญบานใหม่ เพื่อโชว์แสนยานุภาพกองเรือสีทอง

by Trust News, 23 ธันวาคม 2568

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เขย่าวงการทหารและความมั่นคงของโลก ด้วยการประกาศแผนการสร้าง เรือประจัญบานยุคใหม่ ชั้นทรัมป์ ลำแรก USS Defiant (BBG 1) หวังเป็นเรือธงยักษ์แห่งกองเรือสีทอง เพื่อแสดงแสนยานุภาพทางทะเล ด้วยสารพัดอาวุธไฮเทค

ปาล์มบีช, ฟลอริดา — เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2025 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่ววงการความมั่นคงโลกอีกครั้ง ด้วยการประกาศแผนการสร้างเรือรบประเภทใหม่ที่เรียกว่า “เรือประจัญบานติดอาวุธนำวิถี” (Guided Missile Battleship - BBG) ภายใต้ชื่อชั้น “Trump-class” โดยลำแรกจะถูกขนานนามว่า USS Defiant (BBG 1) เพื่อเป็นหัวใจหลักของกองเรือแห่งอนาคตที่เขาเรียกว่า “Golden Fleet” (กองเรือสีทอง) ทั้งนี้ กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้รับอนุมัติให้เริ่มกระบวนการออกแบบและเจรจากับบริษัทผู้ผลิตแล้ว โดยคาดว่าจะเริ่มวางกระดูกงูเรือลำแรกได้ในช่วงต้นทศวรรษ 2030

“Peace through Strength” และรสนิยมแบบทรัมป์

การกลับมาของเรือประจัญบานในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการรื้อฟื้นอาวุธจากสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เป็นกลยุทธ์ที่ผสมผสานระหว่างอำนาจทางการทหารและนโยบายเศรษฐกิจ

เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจ และสุนทรียศาสตร์ทางทหาร ทรัมป์ต้องการให้เรือชั้นนี้เป็นตัวแทนของความแข็งแกร่งที่มองเห็นได้ชัดเจน (Visible Deterrence) เพื่อเผชิญหน้ากับมหาอำนาจคู่แข่งอย่างจีนและรัสเซีย โดยเขาระบุว่าเขาจะเข้ามามีส่วนร่วมในขั้นตอนการออกแบบด้วยตนเอง โดยเน้นว่าเรือรบของอเมริกาต้องมีรูปลักษณ์ที่ "สง่างามและน่าเกรงขาม" ไม่ใช่แค่มีประสิทธิภาพแต่ต้องดูดีที่สุดในโลก

อเมริกันทำ อเมริกันใช้ อเมริกันจะกลับมายิ่งใหญ่

โครงการนี้ตั้งเป้าสร้างเรือรวมทั้งหมด 20-25 ลำ โดยเน้นการใช้อู่ต่อเรือภายในประเทศและซัพพลายเออร์จากทุกรัฐในสหรัฐฯ เพื่อกระตุ้นการจ้างงานและฟื้นฟูอุตสาหกรรมหนักของชาติ ตามนโยบาย "Make America Great Again" ในภาคอุตสาหกรรม การสร้างเรือขนาด 30,000-40,000 ตัน จำนวนมาก จำเป็นต้องใช้แรงงานมหาศาลและการขยายอู่ต่อเรือในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการสร้างงานและกระตุ้นอุตสาหกรรมหนักตามนโยบายของทรัมป์ ขณะเดียวกัน เรือประจัญบานคือตำนานความยิ่งใหญ่ของกองทัพเรือสหรัฐฯ (เช่น ชั้น Iowa) การนำมันกลับมาเป็นการปลุกกระแสชาตินิยม ที่ดึงความภาคภูมิใจในอดีตกลับมาสู่กองทัพยุคใหม่

รายละเอียดทางเทคนิค แบทเทิลชิปยุคดิจิทัล

เรือชั้น Trump-class ถูกออกแบบมาให้มีขนาดมหึมาแต่มีความคล่องตัวสูง โดยระวางขับน้ำอยู่ที่ประมาณ 35,000 - 40,000 ตัน (ใหญ่กว่าเรือพิฆาตติดอาวุธนำวิถีชั้น Arleigh Burke ถึง 3 เท่า แต่เล็กกว่า เรือประจัญบานสมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2 ชั้น Iowa เล็กน้อยเพื่อให้ทำความเร็วได้ดีขึ้น) สามารถทำความเร็วได้มากกว่า 30 น็อต  ติดตั้งระบบควบคุมที่มีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อช่วยในการเดินเรือและตัดสินใจทางยุทธวิธี ทำให้ใช้ลูกเรือเพียง 650-850 นาย ซึ่งน้อยกว่าเรือรบขนาดเดียวกันในอดีตมากที่ต้องใช้กำลังพลกว่า 1 พันนาย

คลังแสงลอยน้ำ ที่พร้อมพรั่งด้วยอาวุธสุดล้ำบนเรือ Trump-class

ไฮไลต์สำคัญที่สื่อต่างประเทศให้ความสนใจคือระบบอาวุธที่ติดตั้ง ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์กองทัพเรือ นั่นคือ ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก (Hypersonic Missiles) ติดตั้งระบบ Conventional Prompt Strike (CPS) จำนวน 12 ท่อ สำหรับการโจมตีระยะไกลด้วยความเร็วเหนือเสียงที่เร็วจนยากจะป้องกัน ขณะเดียวกันก็คงความสามารถในการรองรับขีปนาวุธร่อน (Cruise Missile) ที่ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ (SLCM-N) เพื่อใช้ในการป้องปรามเชิงยุทธศาสตร์

หมวดอาวุธปืนเรือ ถือเป็นหัวใจหลักของเรือประจัญบาน จากที่เคยติดตั้งปืนใหญ่ 16 นิ้ว ก็เปลี่ยนมาเป็นอาวุธรุ่นใหม่ นั่นคือ ปืนรางไฟฟ้า หรือ Railgun โดยนับเป็นการรื้อฟื้นโครงการพัฒนาปืนรางไฟฟ้าขนาด 32 เมกะจูล ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กยิงกระสุนด้วยความเร็วสูงแทนดินปืน นอกจากนี้ยังมีอาวุธเลเซอร์กำลังสูง (Directed Energy Weapons) ที่เป็นปืนเลเซอร์ขนาด 300-600 กิโลวัตต์ สำหรับทำลายโดรนและขีปนาวุธที่พุ่งเข้ามา

ขีปนาวุธต้องมีพร้อม ในส่วนของอาวุธปล่อยนำวิถี เรือชั้นทรัมป์ มีแผนติดตั้งท่อปล่อยขีปนาวุธแนวตั้ง (VLS): มากกว่า 128 เซลล์ สำหรับบรรจุขีปนาวุธร่อน Tomahawk และ อาวุธปล่อยต่อต้านอากาศยาน Standard Missile ที่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบตามความต้องการรับมือภัยคุกคาม

ส่วนฝ่ายนักวิเคราะห์ด้านทางทหาร ก็มีการให้ความเห็นที่แตกต่างกัน แม้ว่าฝ่ายสนับสนุนจะมองว่านี่คือการปฏิวัติกองทัพเรือสหรัฐฯ แต่ฝ่ายวิจารณ์และนักวิเคราะห์บางส่วนยังคงตั้งคำถามถึง งบประมาณมหาศาล และความเสี่ยงของเทคโนโลยีที่ยังอยู่ในขั้นพัฒนา เช่น ปืนรางไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม รมว. กองทัพเรือระบุว่า เรือชั้นนี้จะเป็น "เรือธง" ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการบัญชาการ (Quarterback) ให้กับกองเรือทั้งหมดในมหาสมุทร

การปรับเปลี่ยนหลักนิยม (Doctrine) จาก "เรือบรรทุกเครื่องบิน" เป็นหลัก

ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนมองว่า เรือบรรทุกเครื่องบิน (Aircraft Carrier) เริ่มตกเป็นเป้าหมายที่เปราะบางเกินไปต่อขีปนาวุธพิฆาตเรือของจีน การกระจายอำนาจการยิงไปยัง "เรือประจัญบานยุคใหม่" ที่ติดขีปนาวุธหนักและมีความทนทานสูง จึงเป็นทางเลือกเพื่อลดความเสี่ยงจากการสูญเสียเรือบรรทุกเครื่องบินลำเดียวแล้วเสียกระบวนทัพทั้งหมด.


You might be intertested in this news.

Mostview

แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (18ธ.ค.68) Sideway Up รอซื้อตามแนวรับ

แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (18ธ.ค.68) Sideway Up รอซื้อตามแนวรับ

แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (23ธ.ค.68) ยังเป็นขาขึ้น

แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (23ธ.ค.68) ยังเป็นขาขึ้น

แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (17ธ.ค.68) Sideway Up เก็งกำไรในกรอบ

แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (17ธ.ค.68) Sideway Up เก็งกำไรในกรอบ

6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (17ธ.ค.68)

6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (17ธ.ค.68)

7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (18ธ.ค.68)

7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (18ธ.ค.68)

TrustNEws Line