อะไรคือความผิดพลาดของ เอริก เทน ฮาก
by Trust News, 3 กุมภาพันธ์ 2568
จากกุนซือที่เนื้อหอมที่สุดในยุโรป และเป็นชายที่สโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ยินดีที่จะรอให้เสร็จสิ้นภาระกิจการคุมทีม “อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม” ในฤดูกาล 2021/2022 ให้จบสิ้นลงเสียก่อน พร้อมกับตั้งความหวังเอาไว้อย่างมากมายว่า เขาคนนี้แหล่ะ คือ “คนที่จะมาฮีลให้ยูไนเต็ด กลับมากระเดื่องดังเฉกเช่น “บรมกุนซือนาม อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน” อีกครั้ง!
แล้วเพราะอะไร สาวก Red Devil จึงตั้งความหวังกับชายผู้นี้ เอาไว้สูงตระหง่านถึงเพียงนั้น?
นั้นก็เป็นเพราะบุรุษผู้นี้ ถือครองสถิติการคุมทีมอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม อันสวยหรู ลงแข่ง 210 นัด ชนะ 156 นัด เสมอ 25 นัด แพ้ 29 นัด ผลต่างประตูได้เสีย +400 ประตู! และมีค่าเฉลี่ยพาทีมคว้าชัยชนะถึง 74.28%! ในช่วงระหว่างปี 2017 - 2022 (สิ้นสุดวันที่ 22 เมษายน 2022)
และเขาคนนี้ มีชื่อว่า.... “เอริก เทน ฮาก” (Erik Ten Hag)
แต่สุดท้ายหลัง 2 ปี ครึ่งผ่านพ้น พร้อมกับพา “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” วอดวายเงินไปกับตลาดนักเตะรวมถึง 616.8 ล้านปอนด์ หรือ 26,978 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงเป็นลำดับที่ 2 ในลีก เป็นรองเพียง การหว่านเม็ดเงินอย่างพร่ำเพรื่อของ “ท็อดด์ โบห์ลี” แห่งเชลซี ที่ใช้เงินไปรวม 1,300 ล้านปอนด์ หรือ 56,860 ล้านบาท) เท่านั้น
หากแต่สิ่งที่ “ยูไนเต็ด” ได้รับกลับมา คือ 2 แชมป์บอลถ้วย พร้อมกับคว้าตำแหน่งจ่าฝูงแดนใต้ (อันดับที่ 14 ในลีก) ณ ฤดูกาลปัจจุบัน (2024/25) หากแต่ที่ดูจะเลวร้ายไปกว่านั้น คือ ฟอร์มการเล่นอันสุดแสนน่าเบื่อ สะเปะสะปะไร้ทิศทาง 3วันดี4วันไข้ และไร้ซึ่งวี่แววของทีมที่บุกแหลกไล่ยิงคู่ต่อสู้จนกระเจิดกระเจิง เช่นในอดีตอันหอมหวานอย่างสิ้นเชิง!
เพราะอะไร? จากกุนซือหนุ่มแห่งความหวัง จึงกลายเป็นเพียง อึม… ไอ้หนุ่มปากแจ๋วแถวข้างบ้าน วันนี้ “เรา” ลองไปค่อยๆคลี่คลาย ความเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่จุดจบนี้ด้วยกัน!
เอริก เทน ฮาก ทำอะไรผิดพลาด?
1. อีโก้อันสูงล้น :
การเหยียบย่างเข้าสู่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ด้วยความสำเร็จจากการคุมทีมเก่า อีกทั้งยังได้รับการเอาอกเอาใจจากผู้บริหารสโมสรในแบบที่เรียกว่า “อยากได้อะไรขอให้บอก พร้อมสนับสนุนเต็มที่” เป็นผลให้ “เอริก เทน ฮาก” ที่กำลังเชื่อมั่นในความสำเร็จที่เนรมิต อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม กลายเป็นทีมที่สุดแข็งแกร่งในเวลานั้น เร่งร้อนถอดแบบสูตรความสำเร็จกับทีมเก่ามาใช้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กำลังอ่อนแอในแบบที่เรียกว่า “ทันทีทันใด”
ทั้งๆที่ สิ่งที่ควรพิจารณาเป็นลำดับแรก คือ “สูตรสำเร็จ” ที่ว่านั้น มันเหมาะสมกับ “สภาพแวดล้อม” ที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่หรือไม่?
และนั่นเอง “เรา” จึงได้เห็นการยืนกรานอย่างหนักแน่นของ เอริก เทน ฮาก มาโดยตลอดว่า ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของเขาต้องเป็นทีมที่ต้องเน้นการครอบครองบอลที่แน่นอน , การยืนตำแหน่งอย่างเป็นแบบแผน รวมถึง ต้องเริ่มเซทบอลมาจากแนวรับ!
ทั้งๆที่...เจ้านายในแผงหลังของปิศาจแดง และยังถือครองกัปตันทีมในเวลานั้น คือ “แฮร์รี่ แม็กไกวร์” ผู้แสนเชื่องช้าและเปิดบอลได้ไม่แม่นยำมากนักก็ตาม
ขณะเดียวนักเตะคนใด ที่ไม่สามารถตอบสนองต่อแทคติกได้ จะค่อยๆ ถูกกำจัดออกไปจากทีมทีละคนๆ เช่นกรณีของ “เดวิด เดเคอา” ที่ถูกตั้งแง่ว่า แม้จะสามารถใช้มือเซฟประตูและเซฟแต้มให้กับทีมอย่างชนิดสุดแสนมหัศจรรย์ แต่ในเมื่อใช้ “เท้าเปิดเกมได้ไม่ดี” จึงต้องระเห็จออกจากทีมไป พร้อมกับเปลี่ยนไปเป็นนักเตะใหม่ที่มักมีความเชื่อมโยงกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม หรือไม่ก็เป็นนักเตะฮอลแลนด์ หรือแย่ที่สุดก็คือ เป็นนักเตะที่เคยเล่นในเอเรดิวิซีลีกมาก่อน!
ด้วยหวังว่า... นักเตะเหล่านั้นจะสามารถตอบสนองต่อแนวคิด ที่เขาต้องการนำมาใช้เปลี่ยนแปลงยูไนเต็ดได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย! หากแต่...เมื่อเลือกวิธีการเช่นนั้นก็กลับทำให้ตัวเขาเองต้องไปพบกับปัญหาใหม่ที่ตามมา คือ “การสูญเสียห้องแต่งตัว”
2. สร้างความแตกแยกกับเหล่านักเตะกำลังหลัก :
การบีบบังคับให้นักเตะเก่าต้องรับแทคติกใหม่ที่ไม่คุ้นเคย แถมยังไร้ซึ่งความยืดหยุ่น รวมถึงการผ่องถ่ายนักเตะเก่าออกไปเพื่อเปลี่ยนเป็นนักเตะที่ตัวเองคุ้นเคยจำนวนมาก พร้อมกับโอบอุ้มให้ลงเล่นเป็นตัวจริงทันที โดยเฉพาะในกรณีของ “เดอะหมุน” แอนโทนี ลูกน้องเก่าคนสนิทและนักเตะลูกรัก ที่ เอริก เทน ฮาก ยืนกรานว่าต้องซื้อมาให้จงได้ แม้จะต้องทุ่มเทเงินมากมายถึง 82 ล้านปอนด์ นั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า ย่อมต้องทำให้ห้องแต่งตัวของยูไนเต็ด ค่อยๆเกิดรอยปริแยกขึ้นทีละเล็กทีละน้อย
แต่ทั้งหมดนั้น มันเทียบอะไรไม่ได้เลยกับระเบิด ลูกโตที่เกิดขึ้นจากซีรีย์ข้อพิพาทกับบรรดาขาใหญ่ในทีมจนถึงขั้นอยู่ด้วยกันไม่ได้อีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ เจดอน ซานโช่ หรือ โรนัลโด ซึ่งถือเป็นนักเตะที่มักต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากกุนซือชั้นนำในโลกนี้มาโดยตลอดก็ตาม
และเมื่อความขัดแย้งค่อยๆทำให้สูญเสียอำนาจในห้องแต่งตัว ประกอบกับ แทคติกที่ตัวเองย้ำนักย้ำหนาว่า “นี่คือ อนาคตใหม่ของยูไนเต็ด” ค่อยๆถูกเซาะกร่อนบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือจากผลการแข่งขันอันย่ำแย่ โดยเฉพาะการถูกบดขยี้ทำลายล้างจนแทบไม่เหลือชิ้นดี กับกรณี 7-0 ด้วยน้ำมือพวกพรี่ๆ “ลิเวอร์พูล” ความเชื่อมั่นที่มีต่อกุนซือหนุ่ม ในหมู่นักเตะก็ยิ่งค่อยๆเจือจางลงตามลำดับ
จนกระทั่ง “เรา” มักสังเกตเห็นได้อยู่บ่อยๆว่า ทำไมนักเตะบางคนมันจึงแสดงออกด้วยภาษากาย ที่ไร้ซึ่งการทุ่มเทให้ทีมได้มากมายขนาดนี้!
3. การสื่อสารกับสื่อที่สุดย่ำแย่ :
หลายครั้งหลายหนที่ เอริก เทน ฮาก ใช้วาทะกับสื่อที่ฟังดูแล้วชวนให้เกิดอาการหมั่นไส้อย่างไม่จำเป็น ทั้งๆที่จากรายงานของ BBC ระบุว่า มีนักข่าวบางคนได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ของยูไนเต็ดว่า อดีตกุนซือยูไนเต็ดผู้นี้ ชื่นชอบคำถามที่ตรงไปตรงมา เพราะคำถามในลักษณะนั้นสามารถเข้าใจและตอบได้ง่ายกว่า
หากแต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นคือ...เมื่อถูกแหย่ด้วยคำถามที่ตรงไปตรงมาเข้าจริงๆ เอริก เทน ฮาก กลับไม่สามารถควบคุมอารมณ์และอดทนมากพอเพื่อให้สามารถตอบคำถามเหล่านั้นได้ดีมากพอ จนกระทั่งภาพลักษณ์ของเขาค่อยๆเสื่อมทรามในสายนักเตะและเหล่าแฟนบอลมากขึ้นตามลำดับ ดังจะเห็นได้จากวรรคทองที่ว่า “นอกจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แล้วไม่มีทีมใดที่ได้แชมป์มากกว่าเรา” อึม…..
ว่าแต่ ถ้างั้น... “เรา” ไปดูสถิติการคุมทีมในฤดูกาลนี้ของ ชายผู้นี้กันเสียหน่อย!
(1) ยูไนเต็ด อยู่ในอันดับที่ 14 จากสถิติ ชนะเพียง 4 นัดจากทั้งหมด 14 เกมในฤดูกาลนี้
(2) แข่งในลีก 9 นัด ทำได้เพียง 11 คะแนน ซึ่งถือเป็นสถิติการทำคะแนนต่ำที่สุด เป็นอันดับที่ 2 ของยูไนเต็ด นับตั้งแต่การลงเล่นพรีเมียร์ลีกเป็นต้นมา
(3) มีเพียง คริสตัล พาเลซ และ เซาแธมป์ตัน (ยิงได้รวม6ประตู) เท่านั้น ที่ยิงประตูในลีกได้น้อยกว่าปิศาจแดง (ยิงได้รวม8ประตู)
4. ใครจะเป็นบอสคนใหม่ ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด :
หลังแยกทางกับ เอริก เทน ฮาก สโมสรได้ประกาศให้ตำนานนักเตะอย่าง “รุด ฟานนิสเตลรอย” ซึ่งเพิ่งเข้ามาทำหน้าที่เป็นหนึ่งในสตาฟฟ์โค้ชในฤดูกาลนี้ นั่งรักษาการในตำแหน่งนี้ไปก่อน
อย่างไรก็ดี สื่อในอังกฤษ รายงานมีกุนซืออย่างน้อย 4 คน ได้รับการติดต่อจากยูไนเต็ดเพื่อให้เข้ามารับหน้าที่แทนผู้จากไป ซึ่งประกอบไปด้วย...
1. ชาบี เอร์นานเดช อดีตผู้จัดการทีมบาร์เซโลน่า
2. โธมัส แฟรงค์ ผู้จัดการทีมเบรนท์ฟอร์ด
3. เอดิน แตร์ซิซ อดีตผู้จัดการทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
และคนที่ 4 คือ “รูเบน อโมริม” (Ruben Amorim) ผู้จัดการทีมสปอร์ติ้ง ลิสบอน วัยเพียง 39 ปี ซึ่งรายนี้ดูจะได้รับการรายงานข่าวอย่างชนิดโครมครามจากสื่ออังกฤษมากกว่ารายอื่นๆ ณ เวลานี้ จากผลงานพาทีมคว้าแชมป์ลีกโปรตุเกสในฤดูกาล 2020/21 และฤดูกาล 2023/24
ขณะที่ผลงานฤดูกาลล่าสุด พาทีมนำจ่าฝูงลีกแถมทำสถิติสวยหรู ด้วยการชนะ 9 นัดรวด! (ชนะ100%) แถมยิงได้ถึง 30 ประตู และเสียเพียง 2 ประตูเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ผลงานในแชมเปี้ยนลีก ยังไปได้สวยด้วยการชนะ 2 จาก 3 เกม พร้อมกับยึดอันดับ 8 ในตาราง
อย่างไรก็ดี หากผู้บริหารยูไนเต็ด ตัดสินใจเลือก “รูเบน อโมริม” จริง นอกจากจะต้องยอมจ่ายเงินค่าฉีกสัญญามูลค่า 8.3 ล้านปอนด์ กับทางสปอร์ติ้ง ลิสบอน แล้ว อีกหนึ่งความท้าทายที่จะต้องเผชิญคือ “คำถามเรื่องความเชื่อมั่น” จากสาวก Red Devil ด้วย
นั่นเป็นเพราะ .... กุนซือหนุ่มที่เพิ่งสร้างความสำเร็จมาได้ไม่นาน อีกทั้งยังคุมทีมอยู่ในลีกที่ไม่แข็งแกร่งมากนัก อย่าง “รูเบน อโมริม” จะก้าวซ้ำรอย “เอริก เทน ฮาก” ที่ไม่อาจทนแบกรับแรงกดดันมหาศาลในการนั่งคุมสโมสรที่หิวกระหายความสำเร็จอย่างยิ่งยวด เช่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเวลานี้ได้หรือไม่? โปรดติดตามตอนต่อไป….

You might be intertested in this news.
Mostview
โทโฮคุ ชินคันเซ็น E5 ฮายาบุสะ 60 ตัวจริง จากหนังดัง "Bullet Train Explosion"
จากหนังแอ็คชั่นญี่ปุ่น "Bullet Train Explosion : ระเบิดรถด่วนขบวนระห่ำ" เรื่องราวชินคันเซ็น ขบวนฮายาบุสะ 6050B ถูกคนร้ายขู่วางระเบิด ห้ามรถวิ่งต่ำกว่า 100 กม./ชม. กับข้อมูลที่จะพาไปตามรอยเส้นทางรถไฟที่วิ่งเร็วสุดที่ 320 กม./ชม.จากชิน อาโอโมริตรงสู่โตเกียว
แนะนำหนังสือ-อีบุ๊ก นิยายน่าอ่าน ประจำเดือนพฤษภาคม
แนะนำหนังสือ-อีบุ๊ก นิยายน่าอ่าน ประจำเดือนพฤษภาคม...
ไฟฟ้าดับยุโรปคลี่คลาย สเปนกู้คืนได้ 50% โปรตุเกสไม่พบการโจมตีทางไซเบอร์
สเปน กู้คืนไฟฟ้ากลับเข้าระบบแล้ว 50% หลังไฟฟ้าดับวงกว้างกว่า 10 ชั่วโมง ด้านโปรตุเกสเจอรับผลกระทบไม่ต่างกัน จนต้องประชุมฉุกเฉิน 2 ประเทศ เร่งหาสาเหตุ-แก้ปัญหา ขณะที่ ยังไม่พบหลักฐานชี้ว่าเป็นการโจมตีทางไซเบอร์ ต่อโครงสร้างสาธารณูปโภค
ลิเวอร์พูลแชมป์ลีก20สมัย ความยืดหยุ่นสู่ความสำเร็จ (ชมคลิป)
ลิเวอร์พูลแชมป์ลีก20สมัย ความยืดหยุ่นสู่ความสำเร็จ
การบินไทย ตั้ง บ.ร่วมทุนกับ KMC ดัดแปลงโบอิ้ง 777-300ER เป็นเครื่องบินขนสินค้า
การบินไทยทำ MOU กับ KMC ผู้เชี่ยวชาญในการดัดแปลงอากาศยาน ในการนำเครื่องบินโดยสาร โบอิ้ง 777-300ER ทำเป็นเครื่องคาร์โกส่งสินค้าพิสัยไกลแบบมีประตูขนสินค้าที่ลำตัวส่วนหน้า ที่ฝ่ายช่างดอนเมือง-อู่ตะเภา อันจะสร้างการจ้างงานยกระดับอุตสาหกรรมซ่อมบำรุงอากาศยานไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
