กรณีลูกทัวร์ชาวไทยหยิบกระเป๋าผิดใบที่สนามบินสุวรรภูมิ แล้วเอาติดตัวไปเที่ยวญี่ปุ่น จนหวิดนอนคุกโชคดีที่สำแดงสัมภาระแสดงความบริสุทธิใจจนได้ปล่อยตัว จนไกด์นำเที่ยวตั้งคำถาม กัญชาเต็มกระเป๋าหลุดขึ้นเครื่องบินได้อย่างไร ทรัสต์นิวส์หาคำตอบมาให้แล้ว

จากเรื่องราวของลูกทัวร์ชาวไทยเกือบโดนศุลกากรญี่ปุ่นเอาผิดฐานลอบนำกัญชาเข้าประเทศแบบผิดกฎหมาย เนื่องจากหยิบกระเป๋าผิดสลับกับชาวต่างชาติรายหนึ่งที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยต้นเรื่องมาจากเฟซบุ๊กเพจ Heng On Tour ของไกด์มหาเฮง ที่ถ่ายทอดเรื่องนี้ไว้เพื่อเป็นอุทาหรณ์และเตือนใจตัวเอง 

โดยไกด์เฮง ได้เล่าว่า เริ่มเรื่องลูกค้าทัวร์ท่าหนึ่งเป้นชายสูงวัย ไม่เคยเดินทางออกต่างประเทศเลยแม้แต่ครั้งเดียวทริปนี้ลูกสาวจัดให้คุณพ่อและแม่ไปทัวร์ญี่ปุ่น เปิดโลกรับประสบการณ์ใหม่ โดยเดินทางจากบ้านที่สุราษฎร์ธานี ด้วยสายการบินไทยเวียดเจ็ตสู่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ คุณพ่อและแม่มีสัมภาระ 2 ใบโหลดใต้ท้องเครื่อง ใบสีดำและสีแดง เมื่อถึงสุวรรณภูมิก็รับกระเป๋าจากสายพานแล้วเดินออกมาเพื่อไปรอเวลานัดพบกับคณะทัวร์ โดยที่ไม่ได้ตรวจสอบว่า กระเป๋าที่หยิบมาสีแดงถูกแต่สีดำหยิบผิดใบมา ไปสลับกับฝรั่งรายหนึ่ง ด้านฝรั่งเจ้าของกระเป๋าสีดำ มาพอไม่มีกระเป๋าตัวเองก็มาแจ้งสายการบิน ว่าาเจอสัมภาระลงเหลืออยู่หนึ่งใบคาดว่าจะถูกหยิบสลับไป สายการบินพยายามโทรตามตามข้อมูลที่ออกตั๋ว แต่ไม่มีใครรับสายติดต่อไม่ได้

ลุงและป้ารายนี้ เมื่อรับกระเป๋าจากสายพานเสร็จ ก็นั่งรอคณะทัวร์อยู่ที่สุวรรณภูมิเกือบ 4 ชั่วโมงโดยไม่ได้เปิดกระเป๋าตรวจสอบ จนถึงเวลานัด 19.30 น. ทีมงานทัวร์ก็รับลูกทัวร์ ก็ติดแท็กกระเป๋าสัมภาระและโหลดกระเป๋าที่เคาเตอร์สายการบินไทยเพื่อที่จะมุ่งหน้าสู่ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ กรุงโตเกียว หลังจากมาถึงสนามบินนาริตะคณะทัวร์ก็ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย จากนั้นเดินไปยังสายพานรับกระเป๋า หัวหน้าทัวร์รับกระเป๋า สัมภาระและให้ลูกค้าเปิดเพื่อที่จะทำการล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่คุณลุงและป้าเปิดกระเป๋าตัวเองไม่ได้ เลยโทรหาลูกสาวให้ดูว่ากระเป๋า เมื่อเอารูปส่งให้ลูกสาวปุ๊ปก็อุทานปั๊ปว่า "ไม่ใช่กระเป๋าใบนี้" จึงได้แจ้งหัวหน้าทัวร์ทราบ หัวหน้าทัวร์ตรวจสอบมีสติกเกอร์บาร์โค้ดเป็นชื่อฝรั่ง ไม่ได้ตรงกับชื่อลุงและป้าเลยสักนิดเดียว

หัวหน้าทัวร์เกิดสังหรณ์ใจ เลยอยากเปิดกระเป๋าดูก่อน และให้ลูกค้าถ่ายวิดีโอก่อนเปิดก็พบกัญชาอบแห้ง น้ำหนักรวม 24 กิโลกรัม  หัวหน้าทัวร์ติดต่อแจ้งศุลกากรสนามบิน เพื่อขอสำแดงสัมภาระที่ตัวมา ทาง จนท.ญี่ปุ่นจึงเริ่มกระกวนการสอบสวนอย่างเข้มข้นเสียเวลาไปทังวัน สุดท้ายด้วยความบริสุทธิ์ใจในการสำแดงสิ่งของ ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ศุลกากรเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าตัวลูกค้าและหัวหน้าทัวร์ไม่ได้มีความตั้งใจจะนำสิ่งของผิดกฎหมายเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น และ หัวหน้าทัวร์ และลูกค้าทั้งสองผ่านเข้าสู่ประเทศได้อย่างปลอดภัยในเวลา 17.50น.

ไกด์มหาเฮง เล่าสรุปพร้อมให้ข้อคิดสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยว่า ความประมาทเลินเล่อความไม่ใส่ใจ อาจทำให้เกิดเหตุการณ์ที่อาจจะบานปลายไปกว่านี้ได้ ดีที่วันนี้แก้ไขปัญหาต่างๆไปได้ด้วยดี โดยคณะทัวร์ที่เหลือท่องเที่ยวได้ตามปกติ แต่วันแรกของการท่องเที่ยวญี่ปุ่น จากต้องไปนอนแถวภูเขาไฟฟูจิหัวหน้าทัวร์และลูกค้าอีกสองคน ต้องมาเปิดโรงแรมนอนแถวแถวสนามบินนาริตะ พรุ่งนี้ค่อยเข้าเมืองโตเกียว พร้อมกันนี้ ฝากคำถามทิ้งไว้กับกฎหมายประเทศไทยและการตรวจของการท่าอากาศยาน
กัญชา 24 กก.สามารถผ่านสนามบินสุราษฎร์มาลงสุวรรณภูมิได้โดยไม่มีการตรวจสอบ ?
กัญชา 24 กก.ผ่านสนามบินสุวรรณภูมิมาจนถึงนาริตะได้โดยไม่มีการตรวจสอบเช่นกัน ?

กัญชาและส่วนประกอบต่าง เอาขึ้นเครื่องบินในประเทศได้ 

เพื่อหาคำตอบว่า เราสามารถนำกัญชาขึ้นเครื่องบินภายในประเทศไทยได้หรือไม่ โพสต์ของเพจ กัญชาชน ได้ระบุในโพสต์ตอบคำถามนี้ว่า "ปัจจุบันเราสามารถพกกัญชาขึ้นเครื่องบินภายในประเทศได้" แต่สิ่งที่ต้องระวัง เรื่องกลิ่นไม่ไปรบกวนผู้อื่น ไม่อย่างงั้นพนักงานอาจขอให้ทิ้งหรือต้องโหลดลงใต้เครื่องได้ สิ่งที่ต้องระวังคือการพกพาไปนอกประเทศ ซึ่งบางประเทศแค่มีกัญชาเพียงเล็กน้องก็อาจโดนโทษรุนแรงมากได้เช่นกัน โดยการโหลดก็เหมือนกับสัมภาระทัวร์ไป ติดตัวขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 7 กก.หากมากกว่านี้ต้องโหลดสัมภาระใต้ท้องเครื่องบิน โดยน้ำหนักเป็นไปตามที่แต่ละสายการบินกำหนด

กต.เตือนคนไทยนำกัญชา กัญชง เข้าบางประเทศถือว่าผิดกฎหมาย มีโทษถึงประหารชีวิต 

ด้าน กระทรวงการต่างประเทศเตือนคนไทยโดยสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่หลายแห่งออกประกาศแจ้งเตือนคนไทยที่เดินทางท่องเที่ยวหรือพำนัก ห้าม นำเข้ากัญชา กัญชง หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของพืชชนิดดังกล่าวเข้าประเทศ หากฝ่าฝืน จะมีโทษตามกฎหมายของแต่ละประเทศ ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงตัวอย่างประเทศที่ห้ามนำเข้ากัญชา กัญชง และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบ ซึ่งอาจมีรายละเอียดของข้อห้ามและบทลงโทษที่แตกต่างกันไป จึงขอให้ท่านศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายและบทลงโทษของแต่ละประเทศอย่างละเอียด

สุวรรณภูมิแจง สัมภาระผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐาน

ขณะที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือ ทสภ. ได้ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบผู้โดยสารดังกล่าวเดินทางภายในประเทศจากท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานีมายัง สุวรรณภูมิโดยเมื่อถึงแล้วได้หยิบสัมภาระซึ่งมาจากเที่ยวบินดังกล่าวจากสายพานรับกระเป๋าภายในประเทศ (ซึ่งทราบภายหลังว่าไม่ใช่สัมภาระของตนเอง) จากนั้นได้ทำการเช็กอินและโหลดสัมภาระใบดังกล่าวออกเดินทาง ไปยังประเทศญี่ปุ่น จากการตรวจสอบสัมภาระใบดังกล่าวพบชื่อเจ้าของสัมภาระเป็นผู้โดยสารชาวต่างชาติ

เบื้องต้นได้มาแสดงตนและติดตามสัมภาระใบดังกล่าวกับสายการบินที่เดินทางมาจากสุราษฎร์ธานีแล้ว และการตรวจสอบตามมาตรการรักษาความปลอดภัยสัมภาระใบดังกล่าวนั้นอยู่ในสถานะ "Clear" คือ ไม่พบสารระเบิด สัมภาระใบดังกล่าวจึงผ่านการตรวจสอบและนำบรรทุกขึ้นอากาศยาน และการตรวจค้นสัมภาระที่บรรทุกไปกับอากาศยานหรือสัมภาระลงทะเบียน ตามกฎหมาย และ กฎ ระเบียบ และ ข้อกำหนดของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เพื่อป้องกันการนำอาวุธ วัตถุระเบิด หรือวัตถุที่อาจเป็นเหตุให้เกิดการก่อการร้ายต่ออากาศยาน โดย ทสภ. ติดตั้งเครื่องตรวจวัตถุระเบิด (EDS) ในระบบ

ขณะที่ การตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่อง (Hold Baggage Screening System) ที่ถูกออกแบบตามมาตรฐาน ของ Transportation Security Administration (TSA) ของสหรัฐอเมริกา และ European Civil Aviation Conference (ECAC) ของสหภาพยุโรป และได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย รวมทั้งผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานตรวจสอบทั้งในและนอกประเทศ ทั้งนี้ ทสภ. ได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารตรวจสอบกฎหมายของประเทศปลายทางเกี่ยวกับการนำกัญชาเข้าประเทศ เนื่องจากหลายประเทศยังถือว่ากัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมายและอาจนำไปสู่การดำเนินคดี

อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทสภ. ให้ความร่วมมือกับสำนักงาน ป.ป.ส. ภายใต้โครงการสกัดกั้นยาเสพติดผ่านท่าอากาศยาน (AITF) โดยการปฏิบัติงานจากการได้รับการข่าว ทั้งให้การสนับสนุนข้อมูล การดำเนินการตรวจสอบร่วม ตลอดจนการเฝ้าระวังและติดตามผู้ต้องสงสัยร่วมกัน นอกจากนี้โครงการดังกล่าวยังประกอบด้วย กรมศุลกากร และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ที่มีบทบาทสำคัญในการให้การสนับสนุนโครงการ

กัญชาถูกฎหมายในไทย กลายเป็นช่องโหว่ลักลอบนำออกนอกประเทศ

เคสกการจับกุมกัญญาลักลอบนำออกนอกประเทศ ล่าสุดมีการจับและยึดลอตใหญ่ที่ จ.เชียงใหม่ หลังพบชาวต่างชาติ 3 ราย พยายามลอบขนกัญชารวมกว่า 100 กิโลกรัม เพื่อส่งประเทศอังกฤษ โดยพยายามนำกัญชากว่า 30 กก.ออกจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ เพื่อไปต่อเครื่องที่ฮ่องกง สิงคโปร์ และ ดูไบ โดยที่ปลายทางคือประเทศอังกฤษ

พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดนั้นอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายศุลกากรไทย หากยอมให้ริบของกลาง ก็จะไม่ต้องรับโทษ โดยรู้ว่ากฎหมายไทยนั้น การครอบครองกัญชาและการขนส่งภายในประเทศไม่ผิดกฎหมาย และประเทศอังกฤษ การถือครองกัญชาก็ไม่เข้าข่ายผิดกฎหมายยาเสพติด จึงได้ทำการขนส่งผ่านไปยังประเทศอังกฤษ ทั้งที่สนามบินภูเก็ต, กรุงเทพ และที่เชียงใหม่ ซึ่งทางสนามบินภูเก็ตได้สกัดจับริบของกลางไว้จำนวนมาก กลุ่มผู้ลักลอบขนจึงได้เปลี่ยนสนามบินที่สุวรรณภูมิ ก็ถูกสกัดได้อีก จึงเปลี่ยนเส้นทางมาขนที่เชียงใหม่ โดยอาศัยว่า หากยินยอมให้ริบของกลาง ก็ไม่ต้องรับโทษและปล่อยตัวไปในที่สุด

วิธีป้องกันและแก้ปัญหาการหยิบกระเป๋าผิด

1.เลือกซื้อกระเป๋าเดินทางสีสันสดใส หากซื้อกระเป๋ารุ่นดัง หรือ มีลดราคา ควรทำสัญลักษณ์ให้รู้ว่า เป็นกระเป๋าเรา เช่น มีติดสติกเกอร์ ติดแท็กกระเป็า ผู้เชือกที่หูจับ หรือใส่ที่คลุมกระเป๋า

2.เมื่ออยู่ที่สายพานรับกระเป๋า หากหยิบกระเป๋าแล้วตรวจสอบสักนิดว่าป้ายชื่อที่แท็ก ตรงกับต้นขั้วหลังบัตรโดยสารหรือไม่ ก่อนเอาออกมาผ่านพิธีศุลกากร หรือ เดินออกประตู

3.เมื่อกระเป๋าหายไป หรือ หากระเป๋าไม่เจอ ให้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ของสายการบิน เพื่อให้ช่วยติดตามกระเป๋า อย่าหยิบกระเป๋าที่ไม่ใช่ของเราออกมา 

4.หากหยิบผิดหรือ ลากออกมาแล้วโปรดส่งคืนแก่ จนท.สายการบินด้วยความบริสุทธิ์ใจ

5.ไม่รับฝาก หรือ หิ้วกระเป๋า ถือถุงผ้าจากคนแปลกหน้า หรือคนที่ไม่ได้มากับกลุ่มคณะของเรา

6.การซื้อกระเป๋ามือสองแล้วเอามาใช้โดยไม่ทำความสะอาด อาจสร้างความเดือดร้อนให้เราได้ หาก ประเทศปลายทางมีสุนัขดมกลิ่น.