สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งและเรื่องอื้อฉาว
by Trust News, 3 กุมภาพันธ์ 2568
“ผมเชื่อว่าปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การตัดสินใจประกาศกฎอัยการศึก ของ ประธานาธิบดียุน ซอกยอล คือต้องการปกป้องภรรยา ที่กำลังหลงใหลในอำนาจอย่างเกินขอบเขต”
ความเห็นจาก “คิม มิน ซอก” (Kim Min-seok) แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน และ ส.ส.พรรคประชาธิปไตยเกาหลี (Democratic Party of Korea) ต่อกรณีประกาศกฎอัยการศึกอันแสนสั้นเพียง 6 ชั่วโมงของ ประธานาธิบดียุน ซอกยอล แห่งเกาหลีใต้
ความเห็นดังกล่าวเป็นจริงแค่ไหน?
4ธ.ค.24 :
ส.ส. 191 คนจาก 6 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งมีพรรคประชาธิปไตยเกาหลีเป็นแกนนำ ได้ร่วมกันลงชื่อเพื่อยื่นคำร้องถอดถอน “นายยุน ซอกยอล” ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ต่อรัฐสภา พร้อมกับเรียกร้องให้มีการบรรจุญัตติดังกล่าวเข้าสู่การประชุมในวันที่ 5 ธ.ค. พร้อมกับจัดให้มีการลงมติในวันที่ 6 หรือ 7 ธ.ค. ที่จะถึงนี้!
โดยญัตติดังกล่าวระบุเอาไว้ว่า เป็นที่ชัดเจนว่าการประกาศกฎอัยการศึกของผู้นำเกาหลีใต้นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายและขัดต่อรัฐธรรมนูญ รวมถึงยังมีเป้าประสงค์เพียงเพื่อหวังหลีกเลี่ยงการสอบสวนการกระทำความผิดที่เชื่อมโยงถึง นายยุน ซอกยอล และ “บุคคลในครอบครัว”
** หมายเหตุ สำหรับญัตติถอดถอนประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ นั้น ตามรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้มีการระบุเอาไว้ว่า จะต้องมีการลงมติภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีการเสนอญัตติเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา และต้องอาศัยเสียงของสมาชิกมากกว่า 2 ใน 3 ให้ความเห็นชอบ
ปัจจุบัน รัฐสภาเกาหลีใต้ มีจำนวน ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งสิ้น 191 คน ด้วยเหตุนี้ ญัตติดังกล่าวจึงต้องการเสียงจาก ส.ส.พรรคพลังประชาชนซึ่งเป็นพรรครัฐบาล เพียง 8 เสียงเท่านั้น
ทั้งนี้ ตามระบบการปกครองของเกาหลีใต้ มีประธานาธิบดีเป็นประมุข โดยได้รับการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน และจะอยู่ในตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว (5ปี) มีอำนาจประกาศกฎอัยการศึกและมาตรการฉุกเฉินต่างๆ รวมถึงเสนอร่างกฎหมายได้ แต่จะไม่มีอำนาจยุบสภา
ส่วนระบบการเมืองนั้น เป็นระบบสภาเดียว มีจำนวนสมาชิกรัฐสภารวมกันทั้งสิ้น 300 คน แบ่งเป็น ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้ง 253 คน ส่วนอีก 47 คน เป็นผู้แทนในระบบสัดส่วน **
เอาล่ะ! อ่านการเมืองเกาหลีใต้ 101 เพื่อทำความเข้าใจในเบื้องต้นกันแล้ว “เรา” ไปย้อนสู่คำถามที่ทิ้งค้างกันเอาไว้ในบรรทัดด้านบนโน่นกันดีกว่า….
“บุคคลในครอบครัวนายยุน ซอกยอล” คนไหนกันนะ ที่ผู้นำเกาหลีใต้พยายามปกป้อง เพื่อหลบเลี่ยงการถูกตรวจสอบ?”
คำตอบของเรื่องนี้ก็คือ... ท่านสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ที่มีชื่อว่า “คิม กอน ฮี” (Kim Gun hee)
แล้วเพราะอะไร “สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของเกาหลีใต้” จึงตกเป็น “เป้าหมายทางการเมือง” และนำไปสู่การตัดสินใจประกาศกฎอัยการศึกของนายยุน ซอกยอล ตามที่พรรคร่วมฝ่ายค้านกล่าวหาน่ะหรือ เช่นนั้นแล้ว “เรา” ลองไปร่วมกันรับฟัง สารพัดเรื่องราวต่างๆเหล่านั้นกันดูดีกว่า
รู้จัก คิม กอน ฮี สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง :
“คิม กอน ฮี” อายุ 51 ปี สมรสกับ “นายยุน ซอกยอล” ในปี 2012 ปัจจุบันนอกจากทำหน้าที่เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งเกาหลีใต้แล้ว ยังเป็น CEO และประธาน Covana Contents บริษัทวางแผนจัดนิทรรศการทางด้านศิลปะด้วย
สำหรับประวัติส่วนตัวอย่างเป็นทางการนั้น เธอสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยคยองกี (Kyonggi University) , ปริญญาโทจาก มหาวิทยาลัยสตรีซุกมยอง (Sookmyung Women's University) และ ปริญญาเอกสาขาเทคโนโลยีดีไซน์ จากมหาวิทยาลัยกุกมิน (Kookmin University )
ซีรีย์หนึ่งวันพันเหตุการณ์ ของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งเกาหลีใต้ :
1. ย้ายที่ทำงานจาก ชองวาแด เพราะฮวงจุ้ย :
นับตั้งแต่อดีตอัยการสูงสุด “ยุน ซอกยอล” ฮีโรของชาวเกาหลีใต้ทั้งมวลในฐานะข้าราชการตงฉินและหัวหอกในการปราบปรามการทุจริต ได้เบนเข็มเข้าสู่ถนนสายการเมือง จนได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2022 เป็นต้นมา
เครดิตทางการเมืองของ นายยุน ซอกยอล ก็ค่อยๆตกต่ำลงตามลำดับจากเหตุการณ์ต่างๆนานา ที่มักถูกเชื่อมโยงไปถึง “สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง” อยู่เนืองๆ โดยเริ่มตั้งแต่การสร้างความโกลาหลให้กับระบบหน่วยงานรัฐของประเทศทันที ที่เข้ารับตำแหน่ง!
จากกรณีใช้งบประมาณมากกว่า 36,000 ล้านวอน (871ล้านบาท) เพื่อย้ายที่ทำงานจากทำเนียบบูลเฮาส์ (Blue House) หรือ ชองวาแด (Cheong Wa Dae) ซึ่งเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและถูกใช้เป็นสถานที่ทำงานของผู้นำเกาหลีใต้มาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ไปยัง “กระทรวงกลาโหม” โดยอ้างเพียงว่า “ต้องการทำงานใกล้ชิดกับประชาชน” ทั้งๆที่ในเวลานั้นประเทศอยู่ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 จนเป็นเหตุให้เกิดเสียงวิพากวิจารณ์อย่างกว้างขวาง
ซึ่งสำหรับประเด็นนี้ ต่อมาภายหลัง มีรายงานจากสื่อของเกาหลีใต้ระบุว่า สาเหตุที่แท้จริงในการย้ายสถานที่ทำงานในครั้งนี้ เป็นเพราะ “นายยุน ซอกยอล” เชื่อคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยของภริยาที่ว่า… “ชองวาแดอยู่ในฮวงจุ้ยที่ไม่ดี” จนเป็นเหตุให้ผู้นำเกาหลีใต้หลายต่อหลายคนก่อนหน้านี้ ต้องไปพบกับจุดจบแสนเศร้า ไม่ว่าจะเป็น เสียชีวิต ติดคุก หรือถูกขับไล่ จนต้องหนีออกนอกประเทศ!
2. กระเป๋า Dior ใบนั้นเธอได้แต่ใดมา? :
คลิปวิดีโอแอบถ่ายขณะ “สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของเกาหลีใต้” รับมอบกระเป๋า Christian Dior มูลค่า 3 ล้านวอน (72,649บาท) , ผลิตภัณฑ์เสริมความงามแบรนด์ Chanel มูลค่า 1.79 ล้านวอน (43,295บาท) และ สุราแบรนด์หรูมูลค่า 400,000 วอน (9,674บาท) จากบาทหลวงที่มีความใกล้ชิดกับครอบครัวของ คิม กอน ฮี ซึ่งถูกนำไปเผยแพร่บนยูทูป เมื่อเดือนกันยายนปี 2022 กลายเป็นประเด็นร้อนแรงทางการเมืองของเกาหลีใต้ไปในฉับพลัน
เนื่องจากถือเป็นการเข้าข่ายละเมิดกฎหมายที่ว่าด้วยการกำกับดูแลการรับสิ่งของหรือผลประโยชน์ตอบแทน (Improper Solicitation and Graft Act) ซึ่งกำหนดเอาไว้ว่า ห้ามหน่วยงานภาครัฐ , เจ้าหน้าที่รัฐและคู่สมรส รับเลี้ยงอาหารเกินมื้อละ 30,000 วอน (725บาท) , ของขวัญห้ามเกิน 50,000 วอน (1,209บาท) และเงินสดห้ามเกิน 100,000 วอน (2,418บาท)
ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งที่ทำให้ประเด็นนี้กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวและเรียกเสียงวิพากวิจารณ์เป็นวงกว้างในเกาหลีใต้ก็เป็นเพราะ “กระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริง” ที่นอกจากจะดำเนินไปอย่างเชื่องช้าแล้ว อัยการที่ทำหน้าที่สอบสวน ซึ่งมีความสนิทชิดเชื้อกับผู้นำเกาหลีใต้ กลับสรุปผลการสอบสวนออกมาว่า…
“คิม กอน ฮี ไม่มีความผิด เนื่องจากการกระทำดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการของประธานาธิบดี อีกทั้งการมอบของขวัญดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการแสดงความปราถนาดีเนื่องในโอกาสเข้าพบสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง มากกว่าจะเป็นรางวัลเพื่อแสดงการตอบแทนใดๆเป็นการเฉพาะ (หรือพูดง่ายๆก็คือไม่ชัดเจนว่าเป็นการมอบสินบน)
เนื่องจากสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งอ้างว่า...ไม่รู้ว่าผู้ที่มอบของขวัญดังกล่าว ต้องการให้เธอช่วยดูแลและอำนวยความสะดวกเรื่องการช่วยฝังศพเพื่อนสนิท ที่สุสานแห่งชาติเกาหลีใต้ ขณะเดียวกัน คิม กอน ฮี ยังอ้างด้วยว่า ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่คนหนึ่ง นำกระเป๋าดังกล่าวไปคืน ตั้งแต่ได้รับมอบแล้ว แต่เจ้าหน้าที่คนนั้นลืม เนื่องจากติดภารกิจงานต่างๆอยู่
3. ถูกกล่าวหามีส่วนพัวพันกับขบวนการปั่นหุ้น :
คิม กอน ฮี ถูกฟ้องร้องฐานมีส่วนเกี่ยวข้องกับ “คดีปั่นหุ้น Deutsch Motors” ซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ BMW ในประเทศเกาหลีใต้ ในช่วงระหว่างปี 2009 - 2012 ที่มีมูลค่าสูงถึง 63,600 ล้านวอน (153ล้านบาท)
อย่างไรก็ดี หลังการพิจารณาคดีอันยาวนานถึง 4 ปี 6 เดือน (เริ่มต้นการสอบสวนมาตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2020 ซึ่งในช่วงนั้น นายยุน ซอกยอล ยังทำหน้าที่เป็นอัยการสูงสุด)
จนกระทั่งในเดือนตุลาคมปี 2024 ซึ่งเป็นช่วงที่ “นายยุน ซอกยอล” ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีเกาหลีใต้แล้ว ศาลได้พิพากษา “ยกฟ้อง” สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ด้วยเหตุเพราะไม่มีหลักฐานเพียงพอ ที่จะสามารถชี้ชัดได้ว่า เธอเป็นผู้บงการหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการทำให้หุ้น Deutsch Motors มีราคาสูงเกินจริงโดยตรง
ถึงแม้จะพบว่า “บัญชีหุ้น” ของเธอ ถูกนำไปใช้ ในช่วงระยะเวลาที่มีการปั่นราคาหุ้นก็ตาม เนื่องจากไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าใครเป็นผู้ทำธุรกรรมโดยตรง กับ บัญชีหุ้นของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง
ซึ่งแตกต่างจากผู้ต้องหารายอื่นๆ ที่มีบัญชีหุ้นเชื่อมโยงกับขบวนนี้ ที่ต่างถูกตัดสินว่ามีความผิด และต้องรับโทษจำคุกตั้งแต่ 6 - 18 เดือน รวมถึงบางคนต้องจ่ายค่าปรับ 150 ล้านวอน (3.6ล้านบาท) ฐานละเมิดพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ไม่เพียงเท่านั้น คำตัดสินดังกล่าวยัง “ขัดแย้ง” กับการชี้แจงของ นายยุน ซอกยอล ในช่วงระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีก่อนหน้านี้ด้วย
เนื่องจากในครั้งนั้น นายยุน ซอกยอล อ้างว่า ภรรยาสาวสวย ได้มอบความไว้วางใจในการจัดการบัญชีหุ้นให้กับหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการคนหนึ่ง เป็นเวลา 4 เดือนในช่วงปี 2010 (หรือก่อนหน้าจะเกิดกรณีการปั่นหุ้น ซึ่งอยู่ในห้วงปี 2011 - 2012) อีกทั้งหลังจากนั้นไม่นาน เธอยังตัดสินใจถอนการลงทุนทั้งหมด รวมถึงตัดสัมพันธ์กับนักลงทุนรายดังกล่าวไปแล้ว หลังสูญเงินก้อนโตด้วย
4. ถูกกล่าวหาลอกเลียนงานวิชาการและวิทยานิพนธ์ :
จากประวัติการศึกษาอย่างเป็นทางการของ “คิม กอน ฮี” ที่ “เรา” ให้ “คุณ” ได้อ่านผ่านสายตาในช่วงบรรทัดด้านบนนั้น จะเห็นได้ว่า ท่านสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งมี Profile การศึกษาที่สวยหรู
อย่างไรก็ดี ในช่วงปี 2022 ประเด็นการจบการศึกษาอันสวยหรูของเธอก็กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวขึ้นมาอีกจนได้
เมื่อการตรวจสอบของคณาจารย์และองค์กรวิชาการ 14 แห่ง พบว่า “ผลงานวิจัย 3 ชิ้นและวิทยานิพนธ์” ของ “คิม กอน ฮี” ซึ่งถูกตีพิมพ์และเผยแพร่ระหว่างปี 2007 - 2008 และถูกใช้สำหรับจบการศึกษาปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยกุกมิน นั้น เข้าข่ายการลอกเลียนและปลอมแปลงผลงานทางวิชาการและวิทยานิพนธ์ของผู้อื่น และถือว่าเข้าข่ายผิดจริยธรรมทางวิชาการอย่างร้ายแรง
เนื่องจากมีการคัดลอกข้อความบางส่วนมาใช้ โดยไม่มีการอ้างอิงแหล่งที่มา รวมถึงบางส่วนยังเข้าข่ายการดัดแปลงคำเพียงเล็กน้อย และไม่เพียงเท่านั้น ยังพบว่ามีการใช้ภาษาอังกฤษที่ผิดเพี้ยนหลายจุดในผลงานเหล่านั้นด้วย
ด้วยเหตุนี้ มหาวิทยาลัยกุกมิน จึงจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ผลงานวิจัยและวิทยานิพนธ์ของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งอีกครั้ง อย่างไรก็ดีหลังผลการตรวจสอบที่ยาวนานถึง 8 เดือน มหาวิทยาลัยกุกมิน ได้เปิดเผยผลการตรวจสอบเพียงว่า....
“ไม่พบการละเมิดจรรยาบรรณทางวิชาการหรือการลอกเลียนผลงานที่ร้ายแรง ส่วนข้อบกพร่องบางประการในเรื่องการแปลความจากภาษาอังกฤษ ซึ่งอาจทำให้ผลงานทางวิชาการและวิทยานิพนธ์ ซึ่งอาจไม่เหมาะสมกับมาตรฐานในปัจจุบันนั้น ไม่ถือว่าเข้าข่ายการลอกเลียนผลงานแต่อย่างใด”
ส่วนในประเด็นเรื่องการละเมิดจริยธรรมทางด้านวิชาการนั้น ผลการสอบสวนจากมหาวิทยาลัยกุกมิน ระบุเพียงว่า...
“การประพฤติมิชอบทางวิชาการนั้น ควรยึดมาตรฐานทางสังคมและบรรทัดฐานทางวิชาการ ณ เวลานั้นๆ” (ซึ่งประเด็นนี้สื่อในเกาหลีใต้ ตีความนัยดังกล่าวเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า ทางมหาวิทยาลัยกุกมิน กำลังอ้างว่า ในปี 2008 ทางมหาวิทยาลัยไม่มีระบบการประเมินเรื่องจริยธรรมทางวิชาการนั่นเอง)
พร้อมกันนี้ มหาวิทยาลัยกุกมิน ยังกล่าวอ้างอีกด้วยว่า “ไม่สามารถสอบสวนเรื่องนี้ได้อย่างละเอียดเนื่องจาก ผลงานวิจัยและวิทยานิพนธ์ของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ถูกตีพิมพ์และเผยแพร่ไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ปี 2012 แล้ว ซึ่งนั่นเท่ากับ สิ้นสุดระยะเวลา 5 ปี สำหรับการตรวจสอบเอกสารดังกล่าวตามระเบียบไปแล้วด้วย!”
บทสรุป :
นอกจาก 3 ข้อกล่าวหาซึ่งสร้างแรงกระแทกทางการเมืองอย่างรุนแรง และทำให้เกิดคำถามใหญ่ๆเรื่องความโปร่งใสในตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว...
ยังมี “ประเด็นร้อน” ที่เชื่อมโยงถึง “สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง” อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นข้อกล่าวหาเรื่องการหลีกเลี่ยงภาษี , การปลอมแปลงข้อมูลเอกสารในการสมัครงานตำแหน่งครูในอดีต , การใช้อำนาจแทรกแซงการคัดเลือกบุคคลลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือแม้กระทั่ง การที่คนในครอบครัวเข้าไปเกี่ยวข้องการข้อกล่าวหาเรื่องฉ้อโกงอสังหาริมทรัพย์
หากแต่ แม้จะเกิดซีรีย์หนึ่งวันพันเหตุการณ์เหล่านี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ประธานาธิบดียุน ซอกยอล ยังคงยืนตระหง่านออกมาปกป้องภริยาอย่างเข้มแข็งเสมอมา พร้อมกับย้ำว่า ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นเพียงวิชามารที่มุ่งเป้าดิสเครดิตทางการเมืองเขาและภริยา
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้นำเกาหลีใต้ ยังใช้อำนาจประธานาธิบดี “ยับยั้ง” ความพยายามของฝ่ายค้านเรื่องการตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง กรณี “การปั่นหุ้นและการรับมอบกระเป๋าสุดหรู ซึ่งได้บทสรุปที่ค่อนข้างคลุมเครือด้วย”
และเมื่อถูกฝ่ายค้านรวมถึงสมาชิกพรรครัฐบาลบางส่วนกดดันให้ เร่งแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกี่ยวข้องกับภริยาโดยเร่งด่วน สิ่งที่ “นายยุน ซอกยอล” ทำก่อนหน้าที่จะมีการประกาศกฎอัยการศึกเพียง 1 เดือนก่อนหน้านี้ คือ “ออกหน้ารับแทน” ด้วยการออกแถลงข่าวกล่าวขอโทษต่อประชาชนถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่างๆ”
อ่านมาถึงบรรทัดนี้ จากบทความอันแสนยาวยืด “คุณ” มีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้าง?

You might be intertested in this news.
Mostview
โบอิ้ง 787 แอร์อินเดียแจ้ง "MAYDAY" ก่อนเครื่องตกใส่เขตชุมชนพร้อม 242 ชีวิต
เครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ส ของแอร์อินเดีย เที่ยวบิน AI 171 เส้นทางอาเมดาบัด-ลอนดอน แกตวิค ตกกระแทกพื้นกลางย่านชุมชน หลังเพิ่งออกจากสนามบินพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 242 คนบนเครื่อง ทั้งนี้ มีรายงานว่านักบินแจ้งฉุกเฉิน เมย์เดย์ ก่อนร่วงพื้น
พร้อมตั้งแต่เมื่อวาน ทอ.โชว์ติดระเบิดนำวิถี KGGB เขี้ยวเล็บ เอฟ-16 ฝูง 103 โคราช
กองทัพอากาศไทย เผย วิดีโอคลิปบนเฟซบุ๊ก โชว์การติดตั้งอาวุธให้กับเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 ฝูงบิน 103 นครราชสีมา ทั้งการโหลดกระสุนขนาด 20 มม.การติดตั้งมิสไซล์นำวิถีไซด์วายเดอร์ และ อาวุธใหม่ ระเบิดร่อนนำวิถีด้วย GPS แบบ KGGB ที่ซื้อจากเกาหลีใต้
"ตั๊ก - สุนารี - ฮาย” 3 เพื่อนซี้พร้อมฟาด! ใน “สามตัวบน คอนเสิร์ต”
ตั๊ก - สุนารี - ฮาย” 3 เพื่อนซี้พร้อมฟาด! ใน “สามตัวบน คอนเสิร์ต” จองบัตร 14 มิถุนายนนี้ ....
เป็นโค้ช กับ ว่ายน้ำเองไม่เหมือนกัน มุมคิด คนจับปลา ชื่อ ตี๋ เว่ยเจี๋ย (ชมคลิป)
เป็นโค้ช กับ ว่ายน้ำเองไม่เหมือนกัน มุมคิด คนจับปลา ชื่อ ตี๋ เว่ยเจี๋ย (ชมคลิป)
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (10มิ.ย.68) เก็งทําไรในกรอบ
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (10มิ.ย.68) เก็งทําไรในกรอบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
