สรุปดราม่า ศึกชิงมรดกน้องแพน สาวป่วยมะเร็งปาก ได้เงินบริจาค 8 ล้าน หลังเสียชีวิต พ่อบังเกิดเกล้า มาขอแบ่งมรดก จากเงินที่เหลือ 4.8 ล้าน ซึ่งได้เงินและ รถ 1.6 ล้านแล้ว ไม่พอใจ จะขอเป็นผู้จัดการมรดก ทั้งที่ช่วง ที่น้องแพน มีชีวิต และเจ็บป่วย มีเพียง น้ากับยาย ดูแล ส่วนพ่อแทบไม่ค่อยเห็นหน้า แต่ตอนนี้ จะขอมาจัดการแบ่งมรดกยกศักดิ์ศรี ผู้ให้กำเนิด

เรียกว่าเรื่องนี้ต้องยกให้เครดิตการทำข่าวของช่อง 8 ที่ตามติดเรื่องของ “น้องแพน” หรือ น.ส.จิดาภา วงศ์กระโซ่ อายุ 34 ปี ที่เธอป่วยเป็นมะเร็งที่ปาก และนักข่าวช่อง 8 ได้ไปพบ และให้การช่วยเหลือ จนกระทั่งมีเงินหลั่งไหล มาช่วยเธอเพราะความสงสารเห็นใจ เป็นเงินกว่า 7 ล้าน 7 แสนบาท

ชีวิตของเธอ ถือว่าน่าสงสารเป็นอย่างมาก เพราะต้องใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก กว่าจะกินข้าวสักคำ หรือ ขับถ่าย ต้องมีช่วยเหลือ อาการของน้องแพน เริ่มป่วยด้วยโรคไต และมะเร็งที่ปาก ตั้งแต่ปี 2564 อาการเธอแย่ลงเรื่อยๆ กระทั่ง ช่อง 8 ไปพบ เธอในสภาพยากที่จะรับได้ เมื่อมีการรายงานข่าว กระแสการช่วยเหลือ ก็เข้ามา เหมือนโชคชะตาชีวิตนั้นช่างโหดร้าย ตอนไม่มีเงิน ก็สุดแสนจะลำบาก แต่พอได้เงิน กลับได้ปัญหาใหม่เข้ามา...

“รู้ยอดเงินแล้วจะเป็นลม…ดีใจมาก”

แพนพูดกับนักข่าวด้วยน้ำเสียงแพ่วเบา และพยายามพนมมือ แต่หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็จากไปอย่างสงบ ไปสู่สุขคติ

แต่ความสงบนั้น มีขึ้นไม่นาน หลังครบ 100 วัน ก็กลายเป็นปัญหามากมายตามมา เกิดขึ้นภายในครอบครัว เงินที่เคยได้เกือบ 8 ล้าน นั้น มีการใช้จ่าย ในการซ่อมแซมบ้าน ซื้อรถกระบะ และ รถยนต์ มือ สอง เหลือเงินประมาณ 4 ล้าน 8 แสนบาท

ก่อนที่เธอจะเสียชีวิต ได้มีการจัดการมรดกไว้ โดยมีผู้ใหญ่บ้าน เป็นตัวแทนจัดการร่าง “พินัยกรรม” ให้กับเธอ โดยที่เธอมีสติสัมปชัญญะครบหรือไม่ นั้น ทางญาติและผู้ใหญ่บ้านที่อยู่ตรงนั้น น่าจะรู้ดี ซึ่งเขาก็ยืนยันว่า เธอมีสติสัมปชัญญะ ทั้งนี้ ระหว่างที่กำลังอ่านพินัยกรรม เราจะเห็นได้ว่า บางครั้ง น้องแพน ก็มีการพงกหัวรับ หลังอ่านจบประโยค

การทำพินัยกรรมดังกล่าว นั้น “สติสัมปชัญญะ” ถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะมีผลในทางกฎหมาย สำหรับเนื้อหาในพินัยกรรม ดังกล่าว ระบุผู้ที่รับมรดกา 4 ล้าน 8 แสนบาท 3 คนเท่านั้น คือ น้าสมจิตร ยายแจ๋ว และหลานสาว แต่ต่อมา “ผู้ให้กำเนิด” อย่าง พ่อ ได้ปรากฎตัว และได้มีการทำสัญญากันใหม่ และมีการจัดสรรมรดกใหม่ โดยมีการถ่ายคลิปยืนยันไว้ด้วย….

สัญญา ฉบับใหม่ระบุว่า
น้าสมจิตร จะได้เงินสด 1 ล้าน 5 แสนบาท
ยายแจ๋ว ได้เงินสด 1 ล้าน 2 แสนบาท
พ่อ เงินสด 1 ล้าน 1 แสนบาท พร้อมรถกระบะสีดำ 1 คัน
ด.ญ.กนกกาญน์ เงินสด 5 แสนบาท
นายวิชิต ได้เงิน 5 แสนบาท

พยาน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ถามย้ำว่า “พ่อพอใจกับเงินเท่านี้ใช่ไหม” คุณพ่อตอบ “ครับ” เสียงตบมือดังขึ้นเกรียวกราว จากนั้น ได้เสนอให้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ ตามข้อตกลงนี้…

อย่างไรก็ตาม น้าสมจิตร ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ผ่านมา พ่อตีตัวออกห่าง ตั้งแต่น้องแพน ป่วย โดยผู้ที่ดูแลน้องแพน คือ ยายกับน้า โดยอาศัยบ้านหลังเดียวกัน หลายคนสงสัยว่า ตอนที่น้องแพน ป่วย พ่อเคยมาดูแลน้องบ้างมั้ย ปรากฎตัวตอนไหนบ้าง....

จากไทมไลน์ ที่ไม่มีการไล่เรียงของช่อง 8 คือ

น้องแพน เริ่มป่วย ปี 2564 พ่อเริ่มย้ายออกจากบ้าน และหายไป ไม่สามารถติดต่อทางบ้านอีก...ต่อมาทราบว่า พ่อทางสายเลือด กับน้องแพน ไปทำงานก่อสร้าง ที่ จ.มุกดาหาร ...

หลังมีการรายงานข่าวในปี 2567 น้องแพนได้รับเงินบริจาค เกือบ 8 ล้าน

เมื่อทราบว่ามีเงินบริจาค คนที่เรียกตัวเองว่า “พ่อ” ก็ติดต่อกลับมา และบอกว่าอยากกลับมาหา…

น้องแพน รู้สึกดีใจ อยากให้พ่อกลับมา แต่พ่อบอกว่า “พ่อไม่มีเงิน และขอเงินจากแพน 2 หมื่น” เพื่อเป็นค่าเดินทาง

พ่อเดินทางจากมุกดาหาร กลับมาอยู่น้องแพน 2 สัปดาห์

ถามว่าช่วยดูแลน้องแพน หรือไม่ ญาติๆ ยืนยันว่า “ไม่ค่อยได้ช่วย”

หลังจากนั้น พ่อจะเดินทางกลับ มุกดาหาร ก่อนกลับ ขอเงินแพน อีก 2 หมื่น เพื่อเป็นค่าเดินทางกลับ

และก็ไม่ติดต่อกลับมาอีก

กระทั่งกันยายน 2567 น้องแพน อาการไม่ดี และเสียชีวิตอย่างสงบ พ่อก็ติดต่อกลับมา ว่าอยากกลับมางานศพ และอ้างว่าไม่มีเงิน ขอเงินอีก 20,000 บาท

ตอนนั้น คุณพ่อ ไม่ได้พูดเรื่องเงินบริจาค... จนกระทั่ง มีการเปิดพินัยกรรม และวันทำสัญญา ได้เงินและทรัพย์รวมกว่า 1.6 ล้าน

แต่คุณพ่อไม่ได้หยุดแค่นั้น ล่าสุด คุณพ่อผู้ให้กำเนิดน้องแพน จะขอเป็นผู้จัดการมรดก

หลังที่น้องแพน เสียชีวิต คุณพ่อได้มาเอาเถ้ากระดูกไป พร้อมขนทรัพย์สินต่างๆ ภายในบ้านไป แม้กระทั่ง หลังคาบ้านพ่อก็จะเอา แต่คุณยายเห็นว่า ถ้าเอาไป จะเอาอะไรบังแดด บังฝน จึงบอกว่า ถ้าจะเอาไปก็จะแจ้งความ พ่อจึงหยุด

และเพื่อความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ช่อง 8 พยายามติดต่อคุณพ่อ ซึ่งคุณพ่อ ก็รับสายพูดคุย พร้อมบอกถึง สาเหตุที่ตัวเองกลับลำจะขอเป็นผู้จัดการมรดกว่า

ทางญาติอีกฝ่าย น้า กับ ยาย จะไม่แบ่งเงินให้ บอกเงินส่วนนี้ คือ เงิน 1.1 ล้าน จะให้ก็ได้ ไม่ให้ก็ได้

“ผมก็คือพ่อน้องแพน ให้กำเนิดน้องมา แม้ที่ผ่านมา จะเซ็นยอมรับเงิน 1 ล้าน 1 แสน ไปแล้ว แต่ยายกับน้ามาพูดว่า “ให้ก็ได้ …ไม่ให้ก็ได้ ผมเป็นพ่อ ไม่มีสิทธิ์เลยเหรอ” ผมมีศักดิ์ศรี ผมเป็นพ่อแพน ผมก็ต้องได้รับ

พ่อบอกว่า ตอนนักข่าวมา และกำลังป้อนข้าวแพน พ่อก็อยู่ด้วย ช่อง 8 ได้ย้อนดูเทป ก็พบมีแค่ 3 คน คือ ยาย น้า และแพน ซึ่งนักข่าวอาจไม่เห็น... นักข่าวมันโง่เอง ที่มองไม่เห็น คุณพุทธ พูดเชิงประชดประชัน..

ส่วนเรื่องเงินที่ได้ไป 1.1 ล้าน ตอนนี้ ผมไม่โอเคละ เพราะตอนทำพินัยกรรม ผู้ใหญ่บ้าน ไม่ใช่ญาติ หากผมเป็นผู้จัดการมรดก ผมจะจัดการแบ่งสรรปันส่วนให้...

นี่คือ เรื่องราวทั้งหมด ในขณะนี้ ส่วนจะมีใครอยู่เบื้องหน้า หรือ เบื้องหลังคุณพ่อหรือไม่ อันนี้คงต้องรอดูกันต่อ แต่ที่แน่ๆ มีการแต่งตั้งทนายเรียบร้อยแล้ว...

คราวนี้มาดูหลักของกฎหมายกันบ้าง...

สำหรับ ผู้ที่สิทธิรับมรดก ก็คือ ทายาทโดยธรรม
หมายถึง ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย
ที่มีความสัมพันธ์เป็นญาติของผู้ตายโดยตรง
ซึ่งก็คือ พ่อแม่ ลูก สามีหรือภิริยา พี่น้องร่วมพ่อแม่เดียวกัน
ซึ่งสิทธิในการได้รับมรดกนั้น กฎหมายได้กำหนดไว้ ให้เป็นไปตามลำดับชั้น ดังนี้
1 ผู้สืบสันดาน ก็คือ ลูก
2 บิดา มารดา
3 พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
4 พี่น้องร่วมบิดาหรือมารดาเดียวกัน
5 ปู่ ย่า ตา ยาย
6 ลุง ป้า น้า อา

อย่างไรก็ตาม หากผู้นั้น มีการทำพินัยกรรมไว้ ก็ถือว่า เป็นผู้ที่มีสิทธิรับทรัพย์สินของผู้ตายเป็นการเฉพาะเจาะจง เพราะผู้ตายได้ทำหนังสือกำหนดให้ผู้มีสิทธิได้รับทรัพย์สิน ของผู้ตายเอาไว้โดยตรงก่อนตาย ผู้รับพินัยกรรมจะเป็นใครก็ได้ ไม่ต้องมีความเกี่ยวดองเป็นญาติกันก็ได้ หากผู้ตายได้ทำหนังสือไว้ว่าจะยกทรัพย์สินมรดกให้ใคร ก็มีผลให้ทรัพย์สินนั้น ตกแก่ผู้ที่มีชื่ออยู่ในพินัยกรรมคนนั้น