จากงานแต่งงาน กลายเป็นงานศพ ความรักที่มีให้กัน 20 ปี ช่างไร้ค่า เพราะเมื่อหมดรักแล้ว สามารถทำร้าย ทำลายชีวิตได้ คดีสุดเศร้าในปี 2560 “ฆ่าหมอปอ” ว่าที่เจ้าสาว โดยฝีมือว่าที่เจ้าบ่าว ที่กำลังจะแต่งงานอีก 5 วัน

คดีรักขม ฆ่า หมอปอ หรือ น.ส.นนทิญา ครัวจัตุรัส เจ้าพนักงานทันตสาธารณสุข โรงพยาบาลสาธารณสุขตำบล สลุย ถูกเปิดเผยขึ้น เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2560 หรือเกือบ 8 ปีก่อน

โดย พ.ต.ท.สุนทร พิทักษ์สุข สารวัตรสอบสวน สภ.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร รับแจ้งมีเหตุฆ่ากันตายในบ้านพักเจ้าหน้าที่ ด้านหลังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสลุย หมู่ 5 ต.สองพี่น้อง อ.ท่าแซะ

ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวปูน 2 ชั้น ปลูกเรียงกัน 4 ห้อง ตั้งอยู่ด้านหลัง โรงพยาบาลสาธารณสุขตำบลสลุย ย่านชุมชนตลาดตาเงาะล่าง ห่างถนนเพชรเกษม ราว 100 เมตร

ตรงลานปูนข้างบันไดทางขึ้นหน้าห้องเลขที่ 3 มีเลือดหยดลงมาจากชั้นบนและมีกระเป๋าเสื้อผ้าถูกรื้อค้นกระจายไปทั่ว

ตรวจสอบห้องดังกล่าวพบหน้าต่างมีรอยถูกคนร้ายงัดเข้าไป ภายในห้องนอนพบศพ น.ส.นนทิญา หรือปอ ครัวจัตุรัส อายุ 25 ปี เจ้าพนักงานทันตสาธารณสุข รพ.สต.สลุย นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีดำ สวมเสื้อยืดคอกลมสีเทา ถูกจ่อยิงกลางอกด้วยปืนลูกซองเป็นรูพรุน นอนจมเลือดอยู่บนพื้น เสียชีวิตมาแล้ว 8-9 ชั่วโมง ขณะที่โทรทัศน์ยังเปิดอยู่และไม่พบร่องรอยการต่อสู้ นำศพส่งไปผ่าพิสูจน์ที่ รพ.ท่าแซะ

สอบสวน ทราบว่า ช่วงเวลา 01.30 น. เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่พักอยู่ห้องแถวเดียวกันได้ยินเสียงดังตูมคล้ายคนจุดประทัดแล้วเงียบหายไป แต่ไม่มีใครเอะใจว่าเกิดเหตุร้ายขึ้น

คิดว่ายางรถสิบล้อระเบิดเพราะจุดเกิดเหตุอยู่ใกล้ถนนเพชรเกษมมีรถบรรทุกวิ่งทั้งคืน กระทั่ง 10 โมงเช้า เพื่อนร่วมงานไปเรียกผู้ตายที่ห้องพัก เนื่องจากเห็นว่าไม่ไปเข้าเวร และรถเก๋งของผู้ตายยังจอดอยู่หน้าห้อง เมื่อเคาะประตูเรียกไม่มีเสียงตอบและหน้าต่างมีรอยงัดเลยรู้สึกผิดสังเกต ช่วยกันงัดประตูบ้านเข้าไปปรากฏว่าพบรอยเลือด เมื่อเดินขึ้นไปดูในห้องนอนชั้นบนพบ น.ส.นนทิญา หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “หมอปอ” ถูกยิงตายอยู่บนที่นอนแล้ว

หลังตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตำรวจพบว่าช่วงก่อน 01.00 น. มีผู้ชายรูปร่างท้วม สูงประมาณ 165 ซม. สวมหมวกไหมพรมคลุมหน้า นุ่งกางเกงขายาวสีเข้ม เดินเข้ามาในเขต โรงพยาบาลสาธารณสุขตำบล สลุย ผ่านไปราว 20 นาที ชายคนดังกล่าวได้เดินออกจากเขตโรงพยาบาลหายตัวไป

สันนิษฐานว่าคนร้ายคงเข้ามาที่ห้องพัก น.ส.นนทิญา ปิดไฟที่หน้าห้องแล้วไปขยับกล้องวงจรปิด เพื่อไม่ให้เห็นความเคลื่อนไหวบริเวณด้านหน้าห้องพัก จากนั้นงัดหน้าต่างและใช้เก้าอี้รองปีนเข้าไปในบ้าน

เมื่อขึ้นไปห้องนอนด้านบน พบ น.ส.นนทิญา นอนหลับในขณะที่ทีวียังเปิดอยู่ คนร้ายใช้ปืนลูกซองสั้นจ่อยิงระยะเผาขนที่กลางหน้าอกก่อนสร้างสถานการณ์รื้อค้นทรัพย์สินเหมือนประสงค์ต่อทรัพย์เพื่อเบี่ยงเบนคดีแล้วหลบหนีไป

พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ชุมพร กล่าวว่า ตรวจสอบหลักฐานกล้องวงจรปิดเบื้องต้นพบว่ากล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายไว้ได้บางช่วง คนร้ายสวมหมวกไหมพรมคลุมหน้า ส่วนรายละเอียดอื่นยังเปิดเผยไม่ได้จะทำให้เสียรูปคดี คาดคนร้ายน่าจะรู้จักกับผู้ตายและเตรียมการมาอย่างดี สาเหตุสันนิษฐานว่าอาจจะมาจากความขัดแย้งส่วนตัวและชู้สาว

มารดา ผู้ตาย กล่าวน้ำตานองหน้า ว่าลูกสาว ไม่เคยมีปัญหากับใคร แต่เคยบ่นอยากจะขอย้ายกลับไปทำงานใกล้กับบ้านใน อ.สวี เพื่อดูแลพ่อแม่ที่สุขภาพไม่ค่อยดี อีกทั้งลูกสาวกำลังจะแต่งงานกับนายรณชัย หรือเก่ง ปานชาติ แฟนหนุ่มที่ทำงานอยู่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ หลังคบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียนชั้นมัธยมศึกษา และได้แจกการ์ดไปจนหมดแล้ว 

15.00 น. วันเดียวกัน ตำรวจเชิญ  นายรณชัย หรือเก่ง ปานชาติ อายุ 26 ปี เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.หลังสวน จ.ชุมพร มาสอบปากคำในฐานะแฟนหนุ่มที่กำลังจะแต่งงานกับ น.ส.นนทิญาในอีก 5 วันข้างหน้า เจ้าหน้าที่ใช้เวลาสอบนานหลายชั่วโมงยังไม่แล้วเสร็จ ขณะเดียวกัน กำลังตำรวจอีกชุดเดินทางไปตรวจค้นบ้านของนายรณชัย ใน อ.หลังสวน เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม

นอกจากนี้ ตำรวจ ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ที่ติดตั้งอยู่บริเวณ รพ.สต.สลุย มาตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า มีกล้องบางตัวจับภาพคนร้ายไว้ได้ คนร้ายสวมเสื้อและกางเกงสีกากีคล้ายเครื่องแบบข้าราชการ สวมรองเท้าสีดำ สวมหมวกไหมพรมสีดำ มีอาการคล้ายคนมึนเมาเดินวนเวียนอยู่ใกล้บ้านพักผู้ตายนานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนจะไปปิดสวิตช์ไฟส่องสว่างพร้อมใช้มือดันกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ข้างกำแพงส่องไปยังหน้าบ้านพักผู้ตายให้หันไปทิศทางอื่น ตำรวจ ยังได้ให้นายเชาว์ ครัวจัตุรัส อายุ 54 ปี บิดาผู้ตายมาดูลักษณะท่าทางการเดิน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการจับกุมคนร้ายด้วย

นายเชาว์ ให้การกับตำรวจ ว่า ก่อนลูกสาวจะแต่งงาน 1 เดือนก่อน เธอไปพบ แฟนหนุ่ม อยู่ในห้องนอนกับกิ๊กสาว เป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าทำงานที่เดียวกัน ทำให้ลูกสาวและแฟนหนุ่มมีปากเสียงกัน และลูกสาวถูกทำร้ายร่างกาย จากนั้นทั้งคู่ก็ทะเลาะกันมาตลอด

คดีนี้ ตำรวจทำงานอย่างรวดเร็ว ยังไม่ครบ 1 วัน ก็มั่นใจในหลักฐานต่างๆ ว่ารวบรวมไว้แล้วถึง 80%

“พอจะรู้ตัวแล้ว ว่าคนร้ายเป็นใคร” พล.ต.ต.สนธิชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดชุมพร กล่าว

ขณะเดียวกัน ทางตำรวจก็สอบเค้น นายรณชัย หรือ นายเก่ง อย่างหนัก โดยเฉพาะที่อยู่ช่วงเวลา เกิดเหตุ ถามถึง ประเด็นที่แอบไป กิ๊ก ด้วย ตามที่พ่อฝ่ายหญิงระบุ นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบ “เขม่าดินปืน” ที่มือด้วย

ที่มาภาพ : ไทยรัฐ

หลังสอบเครียดหลายชั่วโมง นายเก่ง หรือ นายรณชัย ก็สารภาพ... เพราะจำนนต่อหลักฐาน เนื่องจากตำรวจได้พบชุดที่ใช้ก่อเเหตุ

หลังถูกฝ่ายหญิงจับได้ว่าแอบไปมีกิ๊ก ก็เกิดทะเลาะกันหลายครั้ง วันเกิดเหตุ ไปดื่มสุราจนมีอาการมึนเมา และพกปืนตั้งใจจะมาเคลียร์ปัญหากับแฟนสาว แต่เมื่อมาถึงพบว่า หมอปอ หลับไปแล้ว จึงงัดบ้านพัก เข้าไปฆ่าผู้ตาย ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ...ก่อนหลบหนีไปที่ อ.หลังสวน

คำให้การของ นายเก่ง ตำรวจเองยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมด เนื่องจากคนร้ายเตรียมการมาอย่างดี ทั้งพกอาวุธ หมวกไหมพรมคลุมหน้า ใช้มือปัดกล้องวงจรปิด เพื่อไม่ให้บันทึกภาพได้ขณะงัดบ้าน

เชื่อว่าตั้งใจมาลงมือก่อเหตุ นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตว่า “กิ๊กสาว” จะมีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่

เบื้องต้น ตำรวจตั้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

ในวันต่อมา ได้มีการควบคุมตัวนายเก่ง ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ... โดยมีชาวบ้านกกว่า 500 คน ตามมาดูหน้าคนร้าย จึงต้องมีเจ้าหน้าที่ กว่า 60 คน คอยคุ้มกัน

การทำแผน เริ่มต้นจาก การให้สาวคนสนิท ที่ทำงานการไฟฟ้า ขับรถมาส่ง ที่บ้านเกิดเหตุ โดยจอดเยื้องกับ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสลุย ในเวลาเที่ยงคืน

จากนั้น ได้ลงเดินเลียบป่าละเมาะด้านข้างโรงพยาบาล เข้าบ้านพักว่าที่เจ้าสาว

ขณะที่เพื่อนสาวคนสนิท ได้ขับรถไปรอที่อื่น

นายรณชัย ได้ใส่หมวกไหมพรมสีดำ ย่องปิดสวิตซ์ไฟส่องสว่างหน้าบ้าน และเดินไปใช้มือเอื้อมขึ้นไปบิดกล้องวงจรปิดตัวที่ติดตั้งไว้กับผนังอาคารหันไปทิศทางอื่น

ต่อมาใช้เหล็กงัดหน้าต่างด้านหน้าเข้าไปภายในบ้านแล้วรื้อค้นกระเป๋าผ้าและลิ้นชักที่ชั้นล่างนานกว่าครึ่งชั่วโมงเพื่อหาเงิน 4 แสนบาท กับทองหนัก 10 บาท ที่ผู้ตายเตรียมไว้เป็นสินสอดในวันแต่ง แต่ไม่พบ แล้วเดินขึ้นไปชั้นสอง

ระหว่างนั้นผู้ตายกำลังนอนหลับ นายรณชัยค่อยๆเปิดประตูเข้าไป ซึ่งไม่ได้ใส่กลอนและรื้อหาทรัพย์สินอีก จังหวะนั้น น.ส.นนทิญาตกใจตื่นแล้วตะโกนถามว่าใคร ทำให้นายรณชัยวิ่งออกไปจากห้อง

ส่วนผู้ตายเมื่อหายตกใจทำท่าจะวิ่งตามออกไปเลยถูกนายรณชัยชักปืนลูกซองออกมาจ่อยิงเข้าที่หน้าท้องจนล้มทรุดตายจมกองเลือดอยู่บนที่นอนดังกล่าว

หลังลงมือนายรณชัยได้วิ่งหนีออกไปทางประตูหลังบ้านและได้โทรศัพท์ให้เพื่อนสาวคนสนิทขับรถเก๋งมารอรับที่ถนนห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร พาหลบหนีไปทางถนนในหมู่บ้านและไปออกที่บริเวณสี่แยกปฐมพร ถนนเอเชีย 41 พื้นที่ ต.วังไผ่ อ.เมืองชุมพร ขับมุ่งหน้ากลับบ้านพักที่อำเภอหลังสวน ระหว่างทางผู้ต้องหาให้จอดรถนำปืนที่ใช้ก่อเหตุทิ้งลงไปในคลองคุริง ส่วนชุดที่สวมใส่ก่อเหตุได้ไปถอดเก็บไว้ที่บ้านพัก ซึ่งตำรวจได้ไปตรวจค้นตามยึดมาได้ ส่วนปืนของกลางอยู่ระหว่างให้นักประดาน้ำไปงมค้นหา ระหว่างการทำแผนแต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง มีแต่เพียงเสียงสาปแช่งด่าทอด้วยถ้อยคำต่างๆนานาจากชาวบ้าน

คำรับสารภาพของนายรณชัยผู้ต้องหาอ้างว่าอำพรางตัวเข้าไปเพื่อประสงค์ต่อทรัพย์ ซึ่งเป็นเงินที่ฝ่ายเจ้าสาวเตรียมไว้เป็นค่าใช้จ่ายและค่าสินสอดให้เจ้าบ่าว แต่ผู้ต้องหาบอกไม่เจอทรัพย์สินแต่อย่างใด

ส่วนสาเหตุที่ต้องยิงเพราะด้วยความตกใจที่ฝ่ายผู้ตายตื่นมาเห็นเข้าพอดี ยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะจากการรับสารภาพผู้ต้องหาเองไม่อยากจะแต่งงานกับฝ่ายหญิงอีกแล้ว เนื่องจากปัจจัยหลายประการ ส่วนสาวคนสนิทของผู้ต้องหาจะมีส่วนร่วมรู้เห็นหรือไม่ ซึ่งต้องรอผลสอบสวนและหาหลักฐานเพิ่มเติม หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจะแจ้งข้อกล่าวหาภายหลัง แต่เบื้องต้นได้กันตัวไว้เป็นพยานก่อน

พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ผบช.ภ.8 กล่าว

ด้านพี่ชาย หมอปอ บอกว่า ทางครอบครัว รัก เอ็นดู นายรณชัย มาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากมีฐานะไม่ค่อยดี ครอบครัวเราคอยส่งเสียช่วยเหลือมาตลอด กระทั่งเรียนจบพาไปสอบและบรรจุเข้าทำงานที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขาสนิทสนมกับ น.ส.นนทิญามาตั้งแต่เรียนชั้นประถมศึกษาจนเป็นแฟนกัน กระทั่งแจกการ์ดจะแต่งงานกันอีกไม่กี่วันนี้ โดยค่าสินสอดทั้งหมด 4 แสนบาท ทอง 10 บาท และค่าใช้จ่ายอื่นๆทั้งหมด หมอปอ เป็นผู้ออกให้ทั้งสิ้น

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ตายตอนนี้เงินในบัญชีถูกถอนออกไปเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุรวมแล้วกว่า 7 แสนบาท ไม่รู้ว่าเงินจำนวนนี้หายไปไหน แต่คำรับสารภาพของผู้ต้องหาที่ประสงค์ต่อทรัพย์นั้น ผมคิดว่าไม่ใช่เป็นประเด็นหลัก แต่เรื่องจริงคือนายรณชัยได้เตรียมการหวังฆ่าน้องสาวผมอยู่แล้ว ส่วนเงินทรัพย์สินนั้นเป็นผลพลอยได้ หลังเสร็จงานศพจะนำข้อมูลทั้งหมดไปมอบให้กับตำรวจเพื่อใช้เป็นหลักฐานต่อไป

วันต่อมา พ่อแม่ นายรณชัย ได้เดินทางมาเยี่ยมลูกชาย เมื่อเจอหน้า นายเก่ง ถึงกับร้องไห้โฮ

แม่นายเก่ง บอกว่า มีหลายอย่างที่นำเสนอคลาดเคลื่อน เช่น ที่บอกว่าครอบครัวฝ่ายหญิง ช่วยเลี้ยงดูมา เกือบ 20 ปี นั้น ไม่เป็นความจริง

“แม้ทางบ้านจะยากจน แต่ก็ทำงานส่งเสียลูกจนจบ ส่วนเรื่องเงินสินสอด ก็เป็นเงินลูกชายที่ไปกู้ธนาคารออมสินมา 4 แสน และซื้อทองคำ 10 บาท” นอกจากนี้ ยังกู้เงิน กับกองสวัสดิการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอีก 6 แสน เพื่อใช้แต่งงาน ทุกอย่างมีหลักฐาน บางครั้งฝ่ายหญิงมานอนบ้านเป็นเดือนๆ ทางเราก็รักเหมือนลูก ส่วนเรืองเงิน ที่เข้าใจผิดก็คิดว่า บางครั้ง ผู้ตายคงไม่ได้บอก

ขณะที่ครอบครัวฝ่ายหญิงที่เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์กับสื่อ ว่า ยังไม่มั่นใจเกี่ยวกับการดำเนินคดีของตำรวจ โดยเฉพาะ “กิ๊กสาว” ที่อาจมีพฤติกรรมรู้เห็นตั้งแต่เตรียมการ และยังขับรถไปรับส่ง

สำหรับทรัพย์สิน เวลานี้ ที่หายไป คือ เงินสินสอด 4 แสน ทองคำ 10 บาท ทองคำส่วนตัวอีก 5 บาท เงินในสมุดบัญชีรวมกัน 6-7 แสนบาท

“อีก 5 วันลูกสาวจะแต่งงาน เขาบอกว่าจัดการทุกอย่างไว้แล้ว จากงานแต่งงาน กลับกลายเป็นงานศพ” แม่ของหมอปอ กล่าว

ตำรวจได้ควบคุมตัว “น.ส.นฤมล หรือ สาว พนักงานการไฟฟ้า ในข้อหาร่วมกัน ฆ่าผู้อื่น โดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง
พกพาอาวุธปืนไปในเมือง ในหมู่บ้าน มาสอบปากคำในฐานะผู้ต้องหา หลังจากตำรวจ ได้เชิญมาสอบปากคำในฐานะพยาน ในตอนแรก

น.ส.นฤมล สารภาพว่า คบหาสนิทสนมและมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนายรณชัยจริง ก่อนเกิดเหตุนายรณชัยได้ให้เงิน 7,000 บาท ไปหาซื้อปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก มาจากเพื่อนในหมู่บ้าน อ้างว่ามีศัตรูจะไว้ใช้ป้องกันตัว คืนเกิดเหตุวันที่ 18 ธ.ค. นายรณชัยให้ตนขับรถเก๋งซูซูกิ สวิฟท์ ทะเบียน 4 กจ 5648 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถของตนมาจาก อ.หลังสวน ตั้งแต่ช่วงเย็น และให้ไปส่งที่หน้า รพ. สต.สลุย อ.ท่าแซะ ในช่วงเวลาราว 3 ทุ่ม บอกว่าจะไปเคลียร์ปัญหารักสามเส้ากับ น.ส.นนทิญา คู่หมั้น เมื่อส่งเสร็จ ตนได้ขับรถออกไปทำธุระ จากนั้นหลังเที่ยงคืน นายรณชัยโทรศัพท์ให้กลับเข้าไปรับเพื่อพากลับหอพักที่ อ.หลังสวน จากนั้นได้ขับรถไปตามถนนสายรองในหมู่บ้าน ตลอดทางนายรณชัยสั่งให้จอดรถนำสิ่งของบางอย่างโยนทิ้งในลำคลอง และป่าละเมาะหลายจุด ไม่คิดว่านายรณชัยจะไปฆ่า น.ส.นนทิญา ยืนยันว่าไม่รู้แผนการใดๆทั้งสิ้น

คำให้การของ น.ส.นฤมล นั้น ทางตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เพราะพฤติการณ์ต่างๆ คล้ายมีการเตรียมการตั้งแต่ต้น ตั้งแต่การซื้อปืน มารับมาส่ง ระหว่างทางก็มีการทิ้งของต่างๆ รวมทั้งปืน

สำหรับนายรณชัยจากการสอบสวนได้รับสารภาพว่า ไม่ได้หวังทรัพย์สินเงินสินสอดตามที่ปรากฏเป็นข่าว แต่ตั้งใจเจตนาจะไปฆ่าเพราะหมดรัก น.ส.นนทิญาแล้วและถูกกดดันให้แต่งงาน อีกทั้งมีปัญหาเรื่องเงินกู้ที่ผู้ต้องหาได้ไปกู้มาจากสถาบันการเงินจำนวน 1 ล้านบาทด้วย ในส่วนทรัพย์สินทั้งเงินสินสอดและทองคำ 10 บาท ที่ฝ่ายครอบครัว น.ส.นนทิญาและครอบครัวนายรณชัยกล่าวอ้างกันไปมานั้น ตอนนี้ ยังไม่ปรากฏชัดเจนว่าเป็นของฝ่ายใครและอยู่ที่ไหน แต่ไม่ใช่ประเด็นหลักของสำนวนการสอบสวน 

ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ ได้มีการตามหาของกลาง จนพบ โดยปืนสั้น พบที่ บริเวณสะพานคลองคตศอก หมู่ 14 ต.หงส์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ห่างจากจุดก่อเหตุ 15 กิโลเมตร นอกจากนี้ ยังพบหมวกไหมพรม และกระสุนปืนลูกซอง เบอร์ 12

คดีนี้ ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่ง วันที่ 28 กันยายน 2561 ศาลชั้นต้นพิพากษา ประหารชีวิต จำเลยที่ 1 และ 2

คือ นายรณชัย แะ น.ส.นฤมล ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน แต่เนื่องจากทั้งสอง ยอมรับข้อกล่าวหาและให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ลดโทษให้ เหลือจำคุกตลอดชีวิต 

พ่อของหมอปอ กล่าวว่า ทางครอบครัวรู้สึกดีใจ และขอบคุณกับคำตัดสิน แม้จะไม่ถึงประหารชีวิตก็ตาม แต่ก็ทำให้ทั้งสองได้ชดใช้กรรมที่ก่อขึ้น และต่อไปทางครอบครัวจะเรียกสินไหมทดแทนในส่วนเงินเดือนของหมอปอ จำนวนเงิน 7 ล้านบาท และเงินที่ลงไปกับการเตรียมจัดงานแต่งอีก 9 แสนบาท