เพลง "Beyond the Time ~Möbius no Sora wo Koete~" เมื่อแอนิเมชั่นตอนล่าสุดของ Gundam GQuuuuuuX นำมาใช้เป็นเพลงปิดตอน เพียงแค่เสียงซินธิไซเซอร์ดังขึ้น ก็พาเหล่าเด็กหนวดและแฟนกันดั้มรุ่นเดอะเจอกับ คิระคิระ ข้ามกาลเวลาไปถึงศึกสุดท้ายของชาร์และอามูโร่ 

เมื่อคืนวันที่ 17 มิ.ย.2568 ที่ผ่านมาในตอนที่ 11 ของแอนิเมชั่น Gundam GQuuuuuuX ได้มีการเปิดเผยว่าจะมีการใช้เพลง "Beyond the Time ~Möbius no Sora wo Koete~" ในตอนจบ ซึ่งแฟนกันดัมรุ่นใหม่ๆ ในยุค GUNDAM SEED หรือ ยุค OO GUNDAM อาจจะไม่คุ้นหูหรือไม่เคยได้ยิน ถ้าไม่ได้ติดตามกันดัมมาตั้งแต่จักรวาล Universal Century โดยแม้ในตอนนี้จะมีการนำแอนิเมชั่นกันดั้มภาคแรก หรือ GUNDAM UC.0079 ที่เป็นจุดเริ่มต้นการต่อสู้ของชาร์ อัสนาเบิล และ อามูโร่ เรย์ รวมทั้งมีของเล่นและกันพลาออกมามากมาย 

แต่ว่าอีกภาคที่คนไม่ค่อยพูดถึงกันปล่อยนจางไปกัยความทืรงจำ คือ Mobile Suit Gundam: Char's Counterattack ที่ถูกสร้างอออกมาในปี 1988 โดยเพลง "Beyond the Time ~Möbius no Sora wo Koete~" คือเพลงที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดเพราะเป็นเพลงตอนจบ ผลงานของวงดนตรี TM NETWORK ทั้งเพลงและวงดนตรีนี้ มีความเชื่อมโยงกับจักรวาล GUNDAM อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภาพยนตร์อนิเมะเรื่อง Mobile Suit Gundam: Char's Counterattack (1988) ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ถือว่าเป็นบทสรุปของเรื่องราวของอามูโร่ เรย์ (Amuro Ray) และชาร์ อัสนาเบิล (Char Aznable) ใน Universal Century UC.0093 ของ Gundam เพลงนี้ได้รับความนิยมอย่างสูงและกลายเป็นหนึ่งในเพลงประจำของซีรีส์ Gundam เลยก็ว่าได้ ด้วยเนื้อหาที่สื่อถึงการก้าวข้ามเวลาและโชคชะตาที่วนเวียน ซึ่งสอดคล้องกับธีมของภาพยนตร์อย่างมาก

Takashi Utsunomiya (宇都宮隆): นักร้องนำชุดแดง

เรื่องราวที่เกี่ยวข้องเพลง

เพลง "Beyond the Time" ไม่ได้เป็นแค่เพลงประกอบภาพยนตร์ แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การรับชม Char's Counterattack สำหรับแฟนๆ Gundam หลายคน เพลงนี้ถูกมองว่าเป็นการสรุปเรื่องราวความขัดแย้งที่ดำเนินมายาวนานระหว่าง Amuro และ Char และการแสวงหาอนาคตที่ดีกว่าของมนุษยชาติในจักรวาล Gundam เนื้อหาเพลงที่พูดถึง "Mobius no Sora wo Koete" (การก้าวข้ามท้องฟ้าแห่ง Möbius) สะท้อนถึงวัฏจักรของความขัดแย้งและโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในจักรวาล Gundam และความหวังที่จะหลุดพ้นจากวัฏจักรนั้น

TM NETWORK เป็นใครมาจากไหน 

TM NETWORK (ทีเอ็ม เน็ตเวิร์ค) เป็นวงดนตรี J-Pop/Synth-Pop ของญี่ปุ่น ก่อตั้งขึ้นในปี 1983 และเดบิวต์อย่างเป็นทางการในปี 1984

สมาชิกของวงประกอบด้วย 

Takashi Utsunomiya (宇都宮隆): นักร้องนำ 

Naoto Kine (木根尚登): มือกีตาร์ และนักแต่งเพลง

Tetsuya Komuro (小室哲哉) มือคีย์บอร์ด, คอมโพเซอร์, โปรดิวเซอร์ และผู้แต่งเพลงหลักของวง เขามีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์ซาวด์อิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นเอกลักษณ์ของวง และเป็นหนึ่งในโปรดิวเซอร์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรีญี่ปุ่นยุค 90 โดยสร้างผลงานเพลงฮิตให้กับศิลปินมากมาย

Naoto Kine (木根尚登): มือกีตาร์ และนักแต่งเพลง

TM NETWORK ได้รับความนิยมอย่างมากในญี่ปุ่นช่วงยุค 80s และ 90s ด้วยแนวเพลงที่ผสมผสานระหว่าง Synth-Pop, New Wave และ Dance Music เข้าด้วยกัน พวกเขามีเพลงฮิตมากมาย เช่น "Get Wild" (เพลงปิดท้ายอนิเมะ City Hunter), "Self Control" และแน่นอนว่า "Beyond the Time" วงมีการพักกิจกรรมไปบ้าง และมีการเปลี่ยนชื่อเป็น TMN ในช่วงหนึ่ง ก่อนที่จะกลับมาใช้ชื่อ TM NETWORK อีกครั้งในภายหลัง และยังคงมีผลงานและจัดคอนเสิร์ตอยู่จนถึงปัจจุบัน

ความสัมพันธ์ของ TM Network กับจักรวาลกันดัม

นอกจากผลงานเพลง เพลง "Beyond the Time ~Möbius no Sora wo Koete~" ตัวของ  Tetsuya Komuro หนึ่งในสมาชิกหลักของ TM NETWORK ที่เป็นนักดนตรีและโปรดิวเซอร์ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในวงการเพลงญี่ปุ่นยุค 90 เขามีส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์เพลง "Beyond the Time" และยังมีบทบาทในการแต่งเพลงให้กับโปรเจกต์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Gundam ด้วย

Tetsuya Komuro (小室哲哉) มือคีย์บอร์ด หรือ TK โปรดิวเซอร์

ที่หลายๆ คนอาจจะไม่รู้ วง TM NETWORK ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับ Takanori Nishikawa หรือที่รู้จักกันในนาม T.M. Revolution (T.M.R.) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งศิลปินที่โด่งดังและมีผลงานเพลงประกอบ Gundam ที่เป็นที่รู้จักมากมาย เช่น เพลงในซีรีส์ Mobile Suit Gundam SEED และ SEED Destiny โดย T.M. Revolution ได้กล่าวว่าชื่อ "T.M." ในนามของเขานั้นมาจาก TM NETWORK นั่นเอง

Universal Century U.C.0093 สงครามเนโอซีออน ครั้งที่ 2

ช่วงท้ายของ Mobile Suit Gundam ZZ สงครามกับ Neo Zeon ภายใต้การนำของ Haman Karn สิ้นสุดลงด้วยความพ่ายแพ้และเสียชีวิตของ Haman ทัพ Neo Zeon กระจัดกระจายและสูญเสียผู้นำ ระหว่างภาค ZZ Gundam (จบลงในปี UC 0089) และ Char's Counterattack (เริ่มต้นในปี UC 0093) มีช่วงเวลาที่หายไปประมาณ 4 ปี โดยในช่วงนี้เองที่ Char Aznable กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งภายใต้นามแฝงและก่อตั้งกลุ่ม Neo Zeon ขึ้นมาใหม่

ชาร์ หรือ แคสวาล ซุม ไดคุง ได้เห็นถึงความเสื่อมทรามของสหพันธ์โลก และความล้มเหลวของมนุษย์ในการเรียนรู้จากอดีต ได้ตัดสินใจที่จะลงมือเปลี่ยนแปลงโลกด้วยวิธีที่รุนแรง เขาเชื่อว่าโลกได้ถูกทำลายมากเกินไปจากน้ำมือของมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนโลก (Earthnoids) และเห็นว่าทางเดียวที่จะหยุดยั้งวัฏจักรแห่งความขัดแย้งและการทำลายสิ่งแวดล้อมคือการ "อพยพ" มนุษย์ทั้งหมดขึ้นไปใช้ชีวิตในอวกาศ (Space Colonies) เขาจึงก่อตั้ง "Neo Zeon" ขึ้นมาใหม่ และวางแผนที่จะทิ้งดาวเคราะห์น้อย Axis ลงสู่โลก เพื่อบังคับให้มนุษย์อพยพขึ้นอวกาศ ชาร์มีโมบิลสูทสีแดงรุ่นใหม่ประจำตัว คือ MSN-04 Sazabi ที่นำเอาเทคโนโลยีของซีออนติดตั้งไซโคเฟรม สำหรับนิวไทป์ควบคุมอาวุธพลังจิตที่เป็นยานยิงลำแสงขนาดเล็กกว่า BIT เรียกว่า Fannel  

การกลับมาของอามุโร่ เรย์

หลังจบสงคราม Gryps ในภาค Z Gundam และต่อเนื่องมาถึง ZZ Gundam อามูโร่ เรย์ ได้กลับมาประจำการในกองทัพสหพันธ์โลก (Earth Federation Forces) อีกครั้ง โดยเขาได้ขับโมบิลสูท อย่าง Rick Dias และ Re-GZ ในช่วงสั้นๆ และมีบทบาทในการต่อสู้กับ Neo Zeon ของ Haman Karn แม้ว่าจะไม่ได้เป็นตัวละครหลักใน ZZ Gundam อย่างเต็มตัว แต่เขาก็ยังคงเป็นกำลังสำคัญของสหพันธ์

เมื่อเข้าสู่ปี UC 0093 อามูโร่ เรย์ ได้กลายเป็น Ace Pilot ที่มีชื่อเสียงในหน่วย Londo Bell ซึ่งเป็นหน่วยงานพิเศษของกองทัพสหพันธ์โลก ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากกลุ่ม Zeon ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ อามูโร่ ทำงานร่วมกับกัปตันไบรท์ โนอา (ผู้บังคับการเรือรบ Ra Cailum) และยังคงเป็นกำลังสำคัญในการปกป้องโลก โดยอามูโร่ ได้รับโมบิลสูทรุ่นใหม่ ที่มีระบบไซโคเฟรม เพื่อควบคุมอาวุธอย่าง Fin Fannel ได้ คือ RX-93 Nu Gundam

Char's Counterattack 

Char ได้ใช้เวลาสร้างกองกำลังและวางแผนการใหญ่ ในขณะที่ Amuro ยังคงทำหน้าที่เป็นนักบิน Ace ในกองทัพสหพันธ์โลก การกลับมาเผชิญหน้ากันครั้งสุดท้ายของพวกเขา คือ การปะทะกันของสองอุดมการณ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพื่อตัดสินชะตากรรมของมนุษยชาติในจักรวาล Gundam Universal Century.