แนวโน้มSETวันนี้ (19มิ.ย.68) รอความชัดเจนทางการเมือง
by Trust News, 19 มิถุนายน 2568
แนวโน้มSETวันนี้ (19มิ.ย.68) รอความชัดเจนทางการเมือง
คาดตลาดแกว่งตัวลง มีแนวรับที่ 1094 หากรับไม่อยู่จะมีแนวรับถัดไปที่ 1080/1056 ได้
ส่วนการขึ้นมีแนวต้านที่ 1100/1108 คาดยังติดแนวต้าน ติดตามสถานการณ์ในตะวันออกกลาง การเมืองในประเทศ หากยังไม่มีความชัดเจนทางการเมืองยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้น
ประเด็นสำคัญ :
1. FOMC มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ตามตลาดคาด แต่มีการปรับลดประมาณการ GDP ปีนี้ลงจาก 1.7% เหลือ 1.4% และเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อ PCE ขึ้นจาก 2.7% เป็น 3% ส่วน DotPlot มีกรรมการ 7 ท่านที่คาดว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากเดิม 4 ท่าน
2. วันนี้ติดตามการเมืองไทย ซึ่งมีความไม่แน่นอนมากขึ้น หลังมีการเผยแพร่เสียงสนทนาระหว่างนายกฯและสมเด็จฮุนเซน จนทำให้หลายฝ่ายเรียกร้องให้นายกฯ ลาออกหรือยุบสภา
ซึ่งจะกดดันต่อตลาดหุ้นไทย โดยในอดีต หากมีการยุบสภา จะพบวันแรก SET ปรับขึ้นเฉลี่ยราว 0.8%DoD แต่ถัดจากนั้น จะแกว่งตัวลง จากกังวลนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไม่คืบหน้า และรอดูนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่
โดยดัชนี จะใช้เวลาราว 3 เดือน จึงพลิกเป็นบวกได้อีกครั้งหลังตั้งรัฐบาลใหม่ได้ ส่วนการลาออกคาดดัชนีจะแกว่งไซด์เวย์ระยะสั้นเพื่อรอดูชื่อนายกฯ คนใหม่
3. ปลัดพาณิชย์เผยหลัง Video Conference กับ USTR ได้รับ 5 ข้อเสนอจากฝั่งสหรัฐฯ คือ มาตรการภาษีและโควตา, มาตรการกีดกันการค้าที่ไม่ใช่ภาษี, การจัดการการค้าดิจิทัล, กฎเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดสินค้า และมาตรการด้านความมั่นคง ทางไทยจะพิจารณาร่วมกับหลายฝ่ายและเสนอต่อฝั่งสหรัฐฯ ภายใน 20 มิ.ย.
4. มูลค่าส่งออกไทย พ.ค. 2568 ขยายตัว 18.4% เติบโต 11 เดือนต่อเนื่อง สูงสุดนับตั้งแต่ มี.ค. 2565 และทำระดับสูงสุดที่ 3.1 หมื่นล้านดอลลาร์ หนุนจากการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กฯ สินค้าเกษตรกลับมาฟื้นตัวครั้งแรกในรอบ 5 เดือน โดยตลาดส่งออกสู่สหรัฐฯ และจีนเติบโตสูงสุด 35% และ 28% ตามลำดับ
กลยุทธ์การลงทุน :
ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวผันผวน อยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าเพิ่มเติม (ญี่ปุ่น อินเดีย) หลังมีข้อสรุปเบื้องต้นกับจีนแล้ว รวมถึงการแจ้งอัตราภาษีแบบฝ่ายเดียวกับประเทศอื่นๆ ใน 1-2 สัปดาห์นี้
ขณะที่ปัจจัยภายในยังติดตามความไม่แน่นอนทางการเมือง (การปรับ ครม.) และการออกมาตรการกระตุ้น ศก. (เที่ยวไทยคนละครึ่ง และโครงการกระตุ้น ศก. 1.57 แสนลบ.)
อย่างไรก็ดี เชื่อว่า ช่วงต้น เม.ย. SET ได้ปรับลงสะท้อนวิกฤติจากนโยบายเก็บภาษีนำเข้า ของสหรัฐฯ ไปแล้ว (มอง SET ผ่านจุดแย่ที่สุดไปแล้วที่ Downside 1,032 จุด)
และยังคงมุมมองว่าหากดัชนีปรับตัวลงมาบริเวณ 1100 ยังเป็นโอกาสทยอยซื้อสะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว กลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์ :
มอง SET ผันผวน รอติดตามความชัดเจนจากหลายปัจจัย อาทิ สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง, ความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้าเพิ่มเติม, อัตราภาษีฝ่ายเดียวจากสหรัฐฯ และปัจจัยการเมืองไทย กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 4 ธีม หลักและ 3 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้...
1. หุ้น Earning Play ซึ่งโมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 2Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ แนะนำ ADVANC TRUE CPALL BTG CPF
2. หุ้น SET50 ที่มี SETESG Rating A ขึ้นไป พร้อมคาดให้ Div. Yield ตั้งแต่ 5% ขึ้นไป แนะนำ PTT KTB BBL HMPRO
3. หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX โดย
1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต YoY
2) ฐานะการเงินแกร่ง
3) จ่ายปันผลสม่ำเสมอ แนะนำ ADVANC BDMS CPALL PTT BCH BTG AP
4. หุ้นตั้งรับที่มีรายได้ในประเทศเป็นหลัก สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำและต้องการรอดูความชัดเจนของการดำเนินมาตรการภาษีของ ปธน. ทรัมป์ แนะนำ BCH CPALL GULF MTC OR TRUE
Trading Idea :
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไร แนะนำ
1) หุ้นที่ได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันปรับขึ้นหลังเกิดความตึงเครียดในตะวันออกกลาง แนะนำ PTT PTTEP BCP
2) หุ้นที่ได้ประโยชน์หากรัฐออกมาตรการะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม แนะนำ SCC SCCC STECON CK
3) หุ้นที่ได้อานิสงส์จากภาวะดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่ม REITs (DIF), กลุ่มเช่าซื้อ (MTC TIDLOR) และกลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF GPSC)
Daily top picks :
DIF : มองมีปัจจัยระยะสั้น จากการไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาด แนวโน้มใน 2Q68 คาดว่ากำไรปกติจะปรับตัวดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง คาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดีสูงถึง 11% ในปี 2568 และการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกใน 2H68 จะเป็นปัจจัยกระตุ้นได้
KTB : ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้น มีโอกาสมีแรงซื้อเข้ามาหากมีความชัดเจนการเมือง เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มธนาคาร มี Upside จากการเพิ่มอัตราการจ่ายปันผลเพิ่ม และ Credit Cost สูงสุดใน1Q68 แล้วมีโอกาสลดลงในช่วงที่เหลือของปี ในขณะที่ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ และมี LLR Coverage สูง
กรอบค่าเงินบาทวันนี้ :
ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.65-32.90 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทอ่อนค่าขึ้นตามความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น หลังมีข่าวเรื่องการปรับ ครม. และคลิปเสียงนายกฯ คุยกับสมเด็จฮุน เซน ของกัมพูชา ทำให้ตลาดกังวลต่อโอกาสในการยุบสภา
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงดอกเบี้ยที่ 4.25-4.50% ตามคาด และคง Dot plot ส่งสัญญาณว่าจะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
ขณะที่ปรับประมาณการ GDP ปีนี้ลงเหลือ 1.4% และมองเงินเฟ้อสูงขึ้น ส่งออกไทยเดือนพฤษภาคมออกมาที่ 18.4%YOY สูงกว่าตลาดคาด โดยมาจากส่งออกไปสหรัฐฯ ที่เร่งตัวแรง
ข่าวเศรษฐกิจสำคัญประจำวัน :
Economic release :
US – ผลการประชุม FOMC
UK – ผลการประชุม BoE
อ้างอิง : บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) , กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์
You might be intertested in this news.
Mostview
รีวิวหนัง “อ่านชะตาวันสิ้นโลก” CG อลังก์ หนังมันส์แบบ nonstop
ดูมาแล้ว สำหรับ หนังฟอร์มยักของเกาหลี “อ่านชะตาวันสิ้นโลก” หรือ Omniscient Reader: The Prophecy หนังที่ใช้ทุนสร้างมหาศาล โดยดัดแปลงเนื้อหามาจาก “มังฮวา” ชื่อดัง ที่มีการเขียนลงในเว็บโนเวล
กองทัพอากาศ แจงข่าวสวีเดนปฏิเสธขาย Gripen ให้ไทย เป็นเฟคนิวส์ฝั่งกัมพูชา
กองทัพอากาศ ยืนยัน ข่าวกรณี สื่อของกัมพูชารายงานอ้างว่า สวีเดนระงับการขายเครื่องบินขับไล่ Gripen เพิ่มเติม ให้กับไทยทั้งหมด “ข่าวบิดเบือนความจริง” โครงการดังกล่าว ยังคงอยู่ในระหว่างกระบวนการจัดซื้อ
8 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (1ส.ค.2025)
8 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (1ส.ค.2025)
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (30ก.ค.68) มีสัญญาณบวกเล็กน้อย
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (30ก.ค.68) มีสัญญาณบวกเล็กน้อย
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (31ก.ค.68) มีโอกาสดีดตัวระยะสั้น
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (31ก.ค.68) มีโอกาสดีดตัวระยะสั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
