วันพุธ, สิงหาคม 20, 2568

แนวโน้มSETวันนี้ (1ก.ค.68) ติดตามศาลรัฐธรรมนูญ

by Trust News, 1 กรกฎาคม 2568

แนวโน้มSETวันนี้ (1ก.ค.68) ติดตามศาลรัฐธรรมนูญ

คาดตลาดแกว่งตัวผันผวนตามข่าวที่เข้ามากระทบ มีแนวต้านที่ 1095/1100 ส่วนการอ่อนตัวลงมีแนวรับที่ 1075/1068 การลงทดสอบมีโอกาสดีดกลับได้

ปัจจัยในประเทศเรื่องการเมือง ติดตามการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ว่าจะรับคำร้องเรื่องคลิปเสียงและมีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่

ประเด็นสำคัญ :

1. ศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุม 1 ก.ค. 2568 เพื่อพิจารณากรณีคลิปเสียงว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่ หากรับอาจมีคำสั่งให้นายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวหรือไม่ก็ได้ระหว่างรอคำวินิจฉัย ส่วนผลตอบแทน SET Index ในอดีตยุคพล.อ. ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้เป็นลบนัก SET -0.12% ในวันที่มีคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ 


2. โฆษกรัฐบาลเผย “ทีมไทยแลนด์” นำโดย รมว. คลังได้ออกเดินทางและจะเข้าเจรจาการค้ากับ USTR ในวันที่ 3 ก.ค. เวลา 21.00 น. เวลาไทย การเจรจามีเป้าหมายลดอัตราภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ลดลงจากระดับ 36% ให้เหลือต่ำที่สุด หลังไทยได้ยื่นข้อเสนอแล้วหลายครั้ง และมีกำหนดพบหน่วยงานรัฐและเอกชนในสหรัฐฯ ต่อ


3. การปรับปรุงเกณฑ์คำนวณ SET50/SET50FF/SET100/SET100FF โดยจำกัดน้ำหนักรายหลักทรัพย์ให้ไม่เกิน 10% จะเริ่มต้นใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2568 ปัจจุบัน DELTA มีสัดส่วนต่อ SET50 ที่ 12.77% 


4. ตลาดเก็ง OPEC+ จะเร่งการเพิ่มการผลิตน้ำมันอีกเป็นเดือนที่สี่ใน ส.ค. 2568 เป็น 3 เท่าสู่ +4.11 แสนบาร์เรล/วัน แม้ราคาน้ำมันดิบจะเพิ่งปรับลงแรงหลังบรรลุข้อตกลงหยุดยิงอิสราเอล-อิหร่าน เนื่องจากมองว่าอุปสงค์น้ำมันโลกยังแข็งแกร่ง ติดตามมติแผนการเพิ่มการผลิตในการประชุมวันที่ 6 ก.ค. นี้


5. สศอ. เผยดัชนีผลผลติอุตสาหกรรม (MPI) พ.ค. 2568 ขยายตัว 1.9%YoY สู่ระดับ 100.79 หนุนโดยภาคการผลิต อย่าง อุตฯ ยานยนต์ที่ขยายตัว 12.9%YoY ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 จากการจองในงานมอเตอร์โชว์, มาตรการกระตุ้น ศก. และการปรับลดดอกเบี้ยโดย กนง. และการส่งออกที่ขยายตัว 11 เดือนต่อเนื่อง
 
กลยุทธ์การลงทุน :

ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์และผันผวนต่อ หลังยังรอความชัดเจนของปัจจัยทั้งในและนอกประเทศ โดยปัจจัยภายนอกติดตามสถานการณ์ในตะวันออกกลาง และความคืบหน้าการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯ หลังใกล้เส้นตาย 9 ก.ค.

ขณะที่ปัจจัยภายในติดตามเสถียรภาพทางการเมือง (การปรับ ครม., ศาลรัฐธรรมนูญจะรับพิจารณารับคำร้องคดีคลิปเสียงนายกฯ หรือไม่ในวันที่ 1 กค.

และพรรคฝ่ายค้านอาจยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ทันทีที่เปิดสมัยประชุมสภาวันที่ 3 ก.ค.), และปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา

อย่างไรก็ดีเราประเมิน SET ที่บริเวณต่ำกว่า 1100 จุด คิดเป็น PER ปี 2568 ต่ำกว่า 12 เท่า ยังเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว โดยกลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”
 
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์ :

มอง SET แกว่งตัวไซด์เวย์และยังผันผวนต่อ เนื่องจากยังรอความชัดเจนทั้งปัจจัยภายนอก (ความคืบหน้าการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐหลังใกล้เส้นตาย 9 ก.ค.) และภายในประเทศ (เสถียรภาพทางการเมือง และปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชา) กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีม หลักและ 2 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้...

1. หุ้น Defensive ที่ผันผวนต่ำและผลการดำเนินงานต้านทานความเสี่ยงภายนอกได้ (ผลกระทบจำกัดจากปัจจัยภายในและภายนอก) อีกทั้งยังมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ แนะนำ ADVANC BCH DIF

2. หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET50 ที่มี SETESG Rating A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Yield เกิน 2% แนะนำ ADVANC BBL PTT

3. หุ้น Earning Play ซึ่งโมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 2Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ แนะนำ ADVANC CPALL BTG

Trading Idea :

สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไร แนะนำ...

1) หุ้น Undervalue (PER PBV < -1SD) และเราแนะนำ Outperform อีกทั้งคาดให้ Yield ไม่ต่ำกว่าปีละ 3% แนะนำ BBL BDMS CPALL DIF PTT SIRI TIDLOR

2) หุ้นที่มีโอกาสได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐอย่างกลุ่มปูนซีเมนต์และท่องเที่ยว แนะนำ SCC SCCC ERW CENTEL AAV


Daily top picks :

GPSC :  มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากการปรับตัวลงของราคาก๊าซฯ และ Bond Yield ขณะที่ปี 2568 คาดกำไรปกติจะเติบโต 3.9%YoY โดยมีปัจจัยหนุน ได้แก่ การเพิ่มกำลังการผลิต, การได้รับการคัดเลือกโครงการพลังงานทดแทนระยะที่ 2 รอบแรก, ไม่ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้ภาษีขั้นต่ำสากล (GMT)
 
BCH : มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากการเป็นหุ้น Defensive และแนวโน้มรายได้ในเดือนเม.ย.-พ.ค.ของ BCH เติบโต YoY และ QoQ ถือว่าดีเพราะปกติแล้วไตรมาสที่ 2 จะเป็นโลว์ซีซัน คงมุมมองเชิงบวกว่ากำไรปกติของ BCH จะฟื้นตัวกลับมาเติบโต 15% ในปี 2568 เป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มการแพทย์

กรอบค่าเงินบาทวันนี้ : 

ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.30-32.55 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ และราคาทองคำที่สูงขึ้นจากแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

พรรครีพับลิกันพยายามผลักดันร่างมาตรการภาษีและการใช้จ่ายรัฐเพื่อให้ผ่านวุฒิสภาได้ และคาดว่าจะเพิ่มงบขาดดุลของสหรัฐฯ เกือบ 3.3 ล้านล้านดอลลาร์ในเวลา 10 ปี

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขู่จะขึ้นภาษีนำเข้าจากญี่ปุ่นเพิ่ม ขณะที่สหภาพยุโรปจะยอมให้สหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้า 10% ในสินค้าส่วนใหญ่ แต่ให้ลดอัตราภาษีในภาคส่วนสำคัญบางรายการลง

ข่าวเศรษฐกิจสำคัญประจำวัน :

Economic release :

JP – ดัชนี PMI ภาคการผลิต (Jibun Bank) มิ.ย.(รอบสุดท้าย)

CN – ดัชนี PMI ภาคการผลิต (Caixin) มิ.ย.

TH – ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ มิ.ย.

EU – ความคาดหวังเงินเฟอของ ECB พ.ค., ดัชนี PMI ภาคการผลิตยูโรโซน (HCOB) มิ.ย. (รอบสุดท้าย), ดัชนี CPI ยูโรโซน มิ.ย. (ประมาณการเบื้องต้น)

US – ดัชนี PMI ภาคการผลิต (S&P Global) มิ.ย. (รอบสุดท้าย), ดัชนี ISM
ภาคการผลิต มิ.ย., การใช้จ่ายด้านการก่อสร้าง พ.ค., ตําแหน่งงานว่าง JOLTS พ.ค.

อ้างอิง : บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) , กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์


You might be intertested in this news.

Mostview

สำรวจวงจรเชื่อมผลประโยชน์ สายใยที่ยึดโยงตระกูลฮุน (ชมคลิป)

สำรวจวงจรเชื่อมผลประโยชน์ สายใยที่ยึดโยงตระกูลฮุน (ชมคลิป)

ประวัติน้องตู้เย็น และความตั้งใจ ที่ใช้สยบดรามาโชเชียลมีเดีย (ชมคลิป)

ประวัติน้องตู้เย็น และความตั้งใจ ที่ใช้สยบดรามาโชเชียลมีเดีย (ชมคลิป)

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(20ส.ค.68) รอสัญญาณกลับตัว

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(20ส.ค.68) รอสัญญาณกลับตัว

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (14ส.ค.68) ดีดตัวระยะสั้น

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (14ส.ค.68) ดีดตัวระยะสั้น

ภาษีทรัมป์ความเสี่ยงเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2

ภาษีทรัมป์ความเสี่ยงเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2

TrustNEws Line