แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (29ก.ค.68) กําลังสร้างฐานใหม่

มีสัญญาณการดีดตัวที่แข็งแกร่ง บริเวณ 3,300 ดอลลาร์สหรัฐ และกําลังสร้างฐาน หากสามารถยืนเหนือระดับราคานี้ได้ถึงช่วงบ่าย จะมีโอกาสดีดตัวต่อเนื่อง ถึงแนวต้านด้านบน

นักลงทุนอาจรอ หรือ พิจารณาแบ่งเงินเข้าซื้อบางส่วน และขายทํากําไร เมื่อราคาดีดตัวประมาณ 10 ดอลลาร์สหรัฐ จากจุดซื้อ อย่างไรก็ตาม ควรตัดขาดทุน หากราคาปรับฐานลงต่ำกว่า 3,290 ดอลลาร์สหรัฐ

แนวรับ : $3,305 $3,300 $3,290
แนวต้าน : $3,325 $3,330 $3,340

ปัจจัยพื้นฐานตลาดทองคำ :

ทองคำ ยังคงถูกแรงขายกดดันหนัก หลังการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และ สหภาพยุโรป (EU) ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างมาก

แต่ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในคืนวันพุธจะเพิ่มโอกาสที่ราคาจะมีการดีดตัวสั้นๆ นักลงทุนพิจารณาทยอยเข้าซื้อสะสมบางส่วน

ด้านทองคำแท่งในประเทศได้แรงหนุน จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ทยอยขายทำกำไรที่ ราคา 51,000 - 51,100 บาท

ตารางเศรษฐกิจ :

19.30 น. US : ดุลการค้า (+)
19.30 น. US : สินค้าคงเหลือของภาคการค้าส่ง (-)
20.00 น. US : การเปลี่ยนแปลงราคาขายบ้าน(HPI) (-)
20.00 น. US : ราคาบ้านใน20 เขต (+)
21.00 น. US : ตําแหน่งงานนอกภาคเกษตร (+)
21.00 น. US : ความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก CB (-)

ผลสำรวจมุมมองต่อทิศทางราคาทองคำในประเทศรายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 28 ก.ค.-1 ส.ค.68 จากการสำรวจ GRC Gold Survey โดย ศูนย์วิจัยทองคำ

13 ผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำที่ได้มีส่วนร่วมตอบแบบสำรวจ ในจำนวนนี้มี 3 ราย หรือเทียบเป็น 23% คาดว่าราคาทองคำในสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น

ส่วนจำนวน 4 ราย หรือเทียบเป็น 31% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 6 ราย หรือเทียบเป็น 46% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

สำหรับนักลงทุนทองคำ ได้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ จำนวน 334 ราย ในจำนวนนี้มี 131 ราย หรือเทียบเป็น 39% คาดว่าราคาทองคำในประเทศของสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น

ส่วนจำนวน 166 ราย หรือเทียบเป็น 50% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 37 ราย หรือเทียบเป็น 11% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

สถานการณ์ราคาทองคำ :

ราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ตามประกาศ สมาคมค้าทองคำ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 51,250 – 52,200 บาท ต่อบาททองคำ โดยราคาทองคำปิดอยู่ที่ระดับ 51,250 บาท ต่อบาททองคำ ลดลง  150 เมื่อเปรียบเทียบกับราคาปิดของสัปดาห์ก่อนหน้า (สัปดาห์ก่อนหน้าปิดที่ 51,400 บาท) 

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

1. การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ซึ่ง Fed Watch Tool ของ CME Group ระบุว่า มีโอกาสสูงที่ FED จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมระหว่างวันที่ 29-30 กรกฎาคม 2568 อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคาดว่า FED อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ โดยจะเริ่มในเดือนกันยายน และ ธันวาคม 2568 ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำ

2. การประชุมนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งมีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายในรอบนี้ ท่ามกลางความกังวลต่อผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่ก่อให้เกิดความไม่แน่นอนในระบบเศรษฐกิจ

3. การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยรัฐมนตรีคลังของทั้งสองประเทศมีกำหนดพบกันที่กรุงสตอกโฮล์ม เพื่อพิจารณาขยายเส้นตายการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ที่เดิมกำหนดไว้ในวันที่ 12 สิงหาคม 2568 ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังเดินหน้าผลักดันมาตรการภาษีตามกฎหมาย IEEPA ซึ่งเป็นกฎหมายที่ให้อำนาจประธานาธิบดีในการดำเนินมาตรการทางเศรษฐกิจ แม้จะอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล แต่อาจสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจโลก และหนุนความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำในระยะสั้นได้

4. รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ การจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP, ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร, อัตราการว่างงาน, รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง ตลอดจนดัชนี PCE และดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการ ซึ่งจะสะท้อนภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

หมายเหตุ : การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

อ้างอิง : สมาคมค้าทองคำ , บทวิเคราะห์ บริษัท ออโรร่า เทรดดิ้ง จำกัด , บทวิเคราะห์ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง