จากเด็กสลัมสู่เจ้าพ่อนครบาล ย้อนเส้นทางชีวิต "แคล้ว ธนิกุล”
by Trust News, 28 สิงหาคม 2568
ย้อนชีวิต เส้นทางเลือดและควันปืนของ "แคล้ว ธนิกุล" หรือ "เฮียเหลา" ที่เกิดจากเด็กแฝดที่แคล้วคลาด สู่เส้นทางนักมวย นักเลง และผู้ทรงอิทธิพลกับฉายา "เจ้าพ่อนครบาล"...
ตอนที่แล้ว เรามาเล่าเรื่อง “การเสียชีวิต” ของ “แคล้ว ธนิกุล” กับ 5 ปมการเสียชีวิต ที่เป็นการสั่งตาย จากคนหรือกลุ่มคนปริศนา ที่ทุกวันนี้ ยังจับใครไม่ได้
สำหรับตอนนี้ จะนำชีวประวัติ ส่วนหนึ่งของ “แคล้ว” มาเล่าให้ฟังกัน ตั้งแต่ เกิด โต สู่วงการนักเลง ผู้ทรงอิทธิพล…
แคล้ว หรือ “เหลา” เป็นลูกคนที่ 6 ของนายสมัย สุขไทย เกิดวันที่ 10 เมษายน 2477 หากเขายังมีชีวิต ตอนนี้ก็ปาไป 90 ปี แต่ เขาถูกลอบยิงเสียชีวิตในวัย 52 ปี เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2534 เสียก่อน
มีเรื่องเล่าว่า สาเหตุที่เขา ชื่อ “แคล้ว” นั้น มาจาก ตอนเกิด ที่บ้านมโนรา อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม เขาเกิดมาพร้อม “ฝาแฝด”
ซึ่งเป็นเด็กชายเหมือนกัน แต่ คู่แฝด เขา เสียชีวิต
นอกจากนี้ “แม่ของแคล้ว” หรือ นางสงวน ก็ตายในเวลาต่อมา
นายสมัย พ่อของแคล้ว จึงตั้งชื่อลูกว่า “แคล้ว” มาจากคำว่า “แคล้วคลาด”
ตอนสมัยเด็ก ชีวิตแคล้ว ถือว่าลำบากแสนสาหัส เพราะ ผู้เป็นเสาหลัก อย่างพ่อ นั้น ก็ถูกงูเห่ากัดตาย
เพราะแบบนี้ ครอบครัวของ “แคล้ว” จึงแตกกระซานซ่านเซ็น
แคล้วไปอยู่กับอา อาศัยตามมีตามเกิด
ขณะที่ พี่สาวคนโต ชื่อ “บุญเย็น” ก็ถูกหลอกเอาไปขายในกรุงเทพฯ แล้วได้รับการไถ่ตัวพากลับบ้านเกิด
แต่สุดท้ายชีวิตของแคล้ว ก็ติดตาม “พี่บุญเย็น” ย้อนกลับมาที่กรุงเทพ อีกครั้ง โดยอาศัยอยู่ที่ สวนมะลิ
สวนสวนมะลิ สมัยก่อนนั้น สภาพแวดล้อมแตกต่างอย่าง “ฟ้ากับเหว” แบบทุกวันนี้
ตอนนั้น “ซ่องโสเภณี” รวมถึง “บ่อนการพนัน” มีไม่น้อย ดังนั้น สิ่งที่ตามมา คือ “นักเลงเจ้าถิ่น”

เมื่อสังคมเป็นแบบนั้น ก็ไม่แปลก ที่ คนอย่าง “แคล้ว” จะกล้าแกร่ง เอาตัวรอดมาได้
สมัยนั้น สวนมะลิ มีความเป็นอยู่เหมือนกับ “สลัม” เรียกว่า “สลัมสวนมะลิ”
“เหลา” ได้อยู่กับพี่สาว และได้เรียนรู้วิถีนักเลง ในสลัม 2 แห่งที่อยู่ใกล้กัน ก็คือ “บ้านทวาย” หรือ ชาวบ้านเรียกว่า “ตรอกทวาย” ใกล้กับโรงเรียน “แม้นศรีวิทยา”
ช่วงแรก เหล๋า ได้แต่เก็บตัวในแหล่งเสื่อมโทรม รอพี่สาวอย่างหิวโหย เพราะไม่มีอะไรกิน
เมื่อพี่สาวกลับมา ถึงจะมีของกิน
กระทั่ง ต่อมา “เหลา” มีความฝันอยากเป็น “นักมวย” ซึ่งใน “ตรอกทวาย” ก็มีค่ายมวยดัง ชื่อ “ศิษย์สิงห์” ตั้งอยู่
เกือบทุกเย็น “เหลา” จะออกไปขอซ้อมมวย กระทั่งไปพบกับ “หมึก ตรอกทวาย” ซึ่งก็คือ นักมวยประจำค่าย
จากนั้น ทั้งคู่ ก็สนิทสนมกัน เรียกว่า ที่ไหนมี “หมึก” ที่นั่นก็มี “เหลา”
และที่สำคัญคือ “หมึก” ดันเป็นสหายรักกับ “เก๊า ม้าเก็ง” ด้วย
“เหลา” พยายามเอาดีทางมวยไทย การฝึกฝนย่อมเห็นผล จน คนในค่ายยุคนั้น ยังออกปากชม ว่า
“ไอ้เด็กนี่น่าจะไปไกลนะ ถ้ากระดูกมันแข็งกว่านี้”
เหลา มีโอกาสได้ไปขึ้นสังเวียนแรก กับ “หมึก” ณ เวทีมวยชั่วคราวเมืองยาโม
วันนั้น โชคไม่เข้าข้าง “เหลา” เพราะตอนนั้น น้ำหนัก 105 ปอนด์
และคู่ที่จะมาประกบ ก็หมดแล้ว ด้วยความที่อยากขึ้นชกวันแรก วันเดียวกับเพื่อน
“เหลา” จึงเอ่ยปากว่ายอมชกแบกน้ำหนัก กับคู่ต่อสู้ 112 ปอนด์ เพื่อจะได้ไปและกลับวันเดียวกับ “หมึก” เพราะชกในวันแรกเหมือนกัน
หมึก ขึ้นชกก่อน หุ่นกำยำ สีผิวดำดุจ “นิล” หมึกเตะคู่ต่อสู้หมอบคาเวที ยก 2
เหลามาเป็นพี่เลี้ยงข้างเวที ก็ดีใจกับเพื่อน
พอมาถึงคิว “เหลา” ในคู่ที่ 6 เรียกว่า แฟนมวยก็เริ่มบางตาแล้ว
ขณะเดียวกัน “หมึกก็สลับหน้าที่” มาเป็นพี่เลี้ยงให้เหลา แค่ยกแรก คู่ต่อสู้ที่สูงใหญ่กว่า น้ำหนักเยอะกว่า ก็เข้าถลุงเหลา
เหลา โดนยำจนหน้าปูดบวม แต่ก็ไม่ยอมแพ้ กัดฟันสู้จนผ่านยกแรกไปได้
หมึก กระซิบ เหลา บอกว่าถ้าไม่ไหว ก็นอน ค่าชกไม่กี่ร้อยบาทหรอก
เมื่อระฆังยกสองดัง เหลา พุ่งตัวเข้าใส่ แต่สุดท้ายก็สู้ไม่ไหว และมารู้ทีหลังว่า คู่ชกนั้น หาคู่ชกไม่ได้ ในรุ่น 108 ปอนด์ จึงขยับขึ้นมา
เหลา แพ้ยับ แบบสะบักสบอม ทำให้แผนเที่ยวกลางคืนต้องผับไปด้วย และต้องแบกร่างกลับกรุงเทพ
ในช่วงที่เป็นนักมวย ได้ตระเวนชกตามงานวัดต่างๆ โดยใช้ชื่อว่า “ธงชัย ศิษย์สิงห์” ได้ค่าตัวครั้งแรก คือ 50 บาท ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น

จุดเปลี่ยนของชีวิต การย่างเข้าสู่วัยหนุ่ม “แคล้ว” ต้องไปรับใช้ชาติ เกณฑ์ทหารเข้าสังกัด พลปืนหนึ่งเกียกกาย จนปลดประจำการ
ยุคนั้น อิทธิพลของนักเลง เริ่มแผ่ขยาย ชื่อของผู้มีอิทธิพลยุคนั้น ก็เริ่มโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ อาทิ เกชา, นิตย์ ท่าเตียน พระซั่ง
แหล่งหาเงินของ นักเลงยุคนั้น มีหลายทาง อาทิ เก็บค่าคุ้มครอง จัดคิวรถ ซ่องโสเภณี บ่อนการพนัน
ส่วนนักเลงที่ก้าวมาร่วมยุคสมัยกับ “แคล้ว“ คือ ก้าว ม้าเก็ง, ล้อ วงเวียน, หมึก ตรอกทวาย หรือ โอเล่ สะพานเหลือง
หลังจากนั้น พบว่า “แคล้ว” ต้องคดีอาญาในคดี “ปล้น” และ ทำร้ายเจ้าพนักงาน
แต่หลังจาก จอมพล ป. พิบูลสงคราม หมดอำนาจ ส่งต่อให้ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขึ้นครองอำนาจ
ก็ถึงช่วงที่เหล่า “นักเลง” ต้องเกรงกลัว
เพราะจอมพลสฤษดิ์ นั้น เปิดปฏิบัติการกวาดล้างนักเลงอย่างจริงจัง
ใครเจอจับ ข้อหา “อันธพาล” ได้มีนอนมุ้งสายบัว ถูกยัดตารางเข้าคุกลาดยาว ชนิดไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน
แต่แคล้ว นั้น ไม่โดนข้อหาอันธพาล เพราะต้องคดีก่อนหน้าไปแล้ว
หลังผ่านยุคจอมพลสฤษดิ์ ก็เป็นเวลาที่ “แคล้ว” พ้นโทษ จากคดีปล้น และทำร้ายเจ้าหน้าที่
แคล้ว ก็รีเทิร์น วงการด้วยการกลับมาร่วม “แก๊งเก๊า ม้าเก็ง”
โดยมี “เก๊า ม้าเก็ง” เป็นหัวหน้า ส่วน “เหลา สวนมะลิ” และ “ล้อ วงเวียน” เป็นรองฯ
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เส้นทางชีวิต “เหลา” หรือ “เฮียเหลา” ก็โลดเล่นบนเส้นทางของอำนาจ เงิน และอิทธิพล..
ก่อนจะถูกจับอีกครั้งในข้อหา “ซ่องโจร” วันที่ 7 สิงหาคม 2533
เวลาประมาณ 2 ทุ่ม พ.ต.อ.คงเดช ชูศรี ผู้กำกับการตำรวจนครบาล 3 เรียกประชุมตำรวจชุดเฉพาะกิจ และให้นำกำลังชุดเล็ก ไปเฝ้าที่ บ่อนแห่งหนึ่ง ย่านประตูน้ำ
คำสั่งของ พ.ต.อ.คงเดช คือ หากใครผ่านมาใน “พื้นที่เป้าหมาย” ไม่ว่าจะเป็น ทหาร ตำรวจ หรือ เจ้าพ่อ ให้จับกุม
คืนนั้น ที่บริเวณลานจอดรถหน้าบ่อน ย่านประตูน้ำ หรือ โรงหนังเมืองทองเก่า ถนนราชปรารภ ฝั่งตรงข้ามโรงหนังอินทรา ท้องที่พญาไท บรรยากาศ มีความเงียบผิดปกติ
ตึกแถว 3 ชั้น ตั้งตระหงาด เป็นที่รู้กันว่าที่นี่เป็นบ่อนใหญ่
โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีข่าวลือในวงการนักเลงว่า “บ่อน” แห่งนี้ ถูกเปลี่ยนมือ
พอหลังเปลี่ยนมือ ก็มี “ตำรวจ” เข้ามากวนหนัก ทำให้กิจการซบเซา
กระทั่งเวลา 4 ทุ่ม มีรถเก๋งสีดำ ติดฟิล์มมืด แล่นเข้ามาลานจอดรถ ซึ่งภายในรถนั้น สงบเงียบ แต่มีตำรวจใหญ่แฝงยศ พ.ต.ต. แฝงกายอยู่ ซึ่งเป็นหัวหน้าชุด
2 ชั่วโมงผ่านไป ราวเที่ยงคืน ก็มีรถเก๋ง 4 คัน เข้ามา โดยเดินทางเข้ามาทางบางกอกพาเลส เข้าที่จอดรถ
1 ใน 3 คัน คือ รถเบนซ์สปอร์ต สีบรอนซ์ รุ่น 450 ทะเบียน 5 ฉ 9328 ก็ได้เล่นเข้ามาจอด ในที่จอดรถประจำของเจ้าพ่อ
จากนั้น ก็มีเก๋งอีก 2 คัน ขนาบซ้ายขวา
ตำรวจหัวหน้าชุด ที่รอในรถติดฟิล์มทืบ จึงสั่งการเริ่มต้นปฏิบัติการ โดยให้ระมัดระวังตัวสูงสุด เพราะกลัวจะเกิดเหตุยิงกัน
เฮียเหลา ตอนนั้น เป็นนายกสมาคมมวยสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ผู้ผ่านเส้นทางอันตรายมาหลายครั้ง
ถูกลอบสังหารมาแล้ว 2 ครั้ง ก้าวลงจากรถเบนซ์
ตามด้วย หลานชาย วัย 30 ปี ส่วนรถเก๋ง คันอื่น ก็มี “หมึกเพชร” บอดี้การ์ดจากซุ้มเพชรบุรี ส่วนรถอีกคันก็คือ นายสกลยุทธ หรือ ตี๋ ดำเนิน นอกจากนี้ยังมีชายฉกรรจ์อีก 3 รวมรถ 3 คัน มีชายทั้งหมด 6 คน
เดินรายล้อม “เฮียเหลา”
นี่คือเวลาที่ตำรวจรอคอย เมื่อถึงเวลา พ.ต.อ.คงเดช จึงสั่งให้ชุดจับกุมแสดงตัว เข้าล้อมกรอบ พร้อมบอกกับเฮียเหลาว่า
“อย่าต่อสู้”
รถคุ้มกันคันหลังสุด หรือ คันที่ 4 ได้สตาร์ทรถพุ่งทะยานออกจากที่จอด หลบหนีไปได้
เฮียเหลา หรือ แคล้ว ธนิกุล คิดไม่ถึงว่า จะถูกตำรวจล้อมจับ ต่างตะลึง ถาม พ.ต.ต.พีระ หัวหน้าชุดจับกุมว่า
“ผมผิดอะไร…จับผมเรื่องอะไร”
นายตำรวจหนุ่ม ไม่ตอบ สั่งให้ค้นทุกคน และรถ 3 คัน กระทั่ง พบปืน 9 มม. ออโตเมติก ยี่ห้อ บราวนิง ไฮพาวเวอร์ ชนิดติดท่อเก็บเสียง 1 กระบอก พร้อมกระสุน 13 นัด จากตัว “ตี๋ ดำเนิน”
ได้ปืน 9 มม. กระสุนอีก 15 นัด ลูกน้องแคล้วอีกคน อีก 1 กระบอก
ส่วน “เฮียเหลา” ไม่ได้พกอาวุธ
แคล้ว พร้อมลูกน้อง ถูกส่งตัวไป สน.พญาไท ตั้งข้อหา “ซ่องโจร”
คืนนี้ มีบุคคลระดับเจ้าพ่อ อย่าง “ปอ ประตูน้ำ” พยายามวิ่งเต้น ขอประกันตัว แต่ก็ไม่สำเร็จ
พ.ต.อ.คงเดช ให้สัมภาษณ์ว่า “แคล้ว” ได้ปฏิเสธ ข้อหา และบอกว่าไม่รู้จักคนอื่น รู้จักแค่เพียง หลานชายที่มาด้วยกัน
ที่มาเพราะจะมาหาอะไรกิน
“ผมไม่ได้เป็นเจ้าพ่อ มีแต่คนโยนมาให้ ผมทำแต่ความดี ช่วยเหลือสังคม เดินอยู่บนทางเท้าดีๆ มีตำรวจมาจับ ตั้งข้อหา “ซ่องโจร”
ตำรวจรายงานว่า การจับกุมครั้งนี้ เพราะมีรายงานว่า มีการเตรียมการก่อเหตุยิงถล่มกันกับ “เม้ง ท่าดินแดง”
“เขต สน.พญาไท นอกจากมีสถานบันเทิง แล้ว ยังมีบ่อน แถมมีการสร้างแบบป้อมปราการแน่นหนา เสริมกำแพงเหล็ก 3 ชั้น 8 ชั้น มีประตูกล วงจรไฟฟ้า มีทางหนีลึกลับ ให้ผมไปแหกคุกคลองเปรม ยังง่ายกกว่า..

ผมแก้ปัญหาแบบทุ่มกำลังปิดล้อม จนคนมาเล่นไม่ถือเงินเข้ามา ก็มาใช้ชิปแทนเครดิต ใช้ความน่าเชื่อถือ แต่ต้องเคลียร์ และไม่มีคนรับรอง ก็เป็น “ไข้โป้ง” มันจึงเกิดระบบ “มาเฟีย” ขึ้น…ก็เกิดบริษัทติดตามหนี้ ถ้าไม่จ่ายก็ถล่มกันด้วยอาวุธ
สำหรับเจ้าพ่อ นี่เราสืบทราบว่าจะมีการเคลียร์หนี้สินรายหนึ่ง ที่ตลาดประตูน้ำ โดยมอบให้ตัวแทนคือ นายปอ เรียก “ไอ้เม้ง ท่าดินแดง” มาเคลียร์หนี้ 40 ล้าน
เราเข้าเร็วนิดนึง รถคันที่หนีไปได้ นั่นอาวุธเพียบ ทั้งหมดมี 4 คัน ยังกะขบวนรัฐมนตรี หรือ นายกฯ”
ว่ากันว่า สืบเนื่องจาก “จ๊อด ฮาวดี้” บริวาร “เฮียเหลา” ซ้อมลูกนักการเมืองคนหนึ่ง จนสร้างความแค้น ซึ่งมีอิทธิรัฐบาล
“ชาติชาย 2” ไม่เบา
ซึ่งอาจมีส่วนในการผลักดันให้มีการจับกุม “เฮียเหลา”
แคล้ว ถือเป็น 1 ใน 7 ผู้มีอิทธิพล ที่ถูกตรวจสอบ เส้นทางการเงน จากคำสั่งของ พล.ต.อ.สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ อธิบดีกรมตำรวจ
โดย 7 รายชื่อ ประกอบด้วย
1.ปอ ประตูน้ำ หรือ ไพจิตร ธรรมโรจน์พินิจ
2.เล้ง ขอนแก่น หรือ เจริญ พัฒนดำรงกิจ
3.ชัช เตาปูน หรือ นายชัชวาล คงอุดม
4.โส ธนวิสุทธิ์
5 แคล้ว ธนิกุล
6.สมชาย คุณปลื้ม
7.อมร อภิธนาคุณ หรือ มร แกแล็คซี่
ช่วงนั้น เฮียเหลา ถือว่า ดวงตก อย่างหนัก ไปเล่นการพนันที่ไหน ไม่ว่าจะในต่างประเทศ เช่น ลาสเวกัส มาเก๊า ออสเตรเลีย อังกฤษ ก็เสียยับกว่า 26 ล้าน
หรือจะวัดดวงในประเทศ ที่บ่อน ย่านประตูน้ำ ก็วอดวายไปกว่า 50 ล้าน
ในเวลานั้น จึงมีข่าวลือว่า เฮียเหลา เสียการพนันกว่า 300 ล้านบาท...
ขณะที่เฮียเหลา เองก็ต้องระวังตัว เพราะ “จ๊อด ฮาวดี้” ไปทำเรื่องไว้ ด้วยการกระทืบลูกนักการเมือง จนร่อแร่ ถึงขั้นพิการ
นักการเมืองนี้ มีอักษร ย. ว่า อ. และที่ต้องระวัง และมี ผู้พิทักษ์ที่ชื่อ “โกมิ่ง” ซุ้มมือปืน ที่มีเพชรฆาตกว่า 200 คน
อย่างไรก็ตาม หลังถูกจับ เวลาผ่านไปหลายเดือน กระทั่งมาถึงวันที่ 5 เมษายน 2534
แคล้ว ธนิกุล ก็ถูกยิงถล่ม ด้วยอาวุธสงครามนานาชาติ รวมกระสุนกว่า 117 นัด เสียชีวิต ถือเป็นการปิดตำนานเจ้าของฉายา “เจ้าพ่อนครบาล” โดยไม่สามารถจับกุมใครได้…
อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ
5 ปมสั่งตาย “แคล้ว ธนิกุล” เจ้าพ่อนครบาลกับพระสมเด็จวัดระฆัง ที่หายไป?
ภาระผู้ลี้ภัยจากเพื่อนบ้าน น้ำใจไทยใยเขมรจึงลืมเลือน (ชมคลิป)
น้ำตาพระ สละผ้าเหลือง สึกเจ้าคุณอุดม ตำนานคดีเครื่องราชฯ (คลิป)
You might be intertested in this news.
Mostview
ภาระผู้ลี้ภัยจากเพื่อนบ้าน น้ำใจไทยใยเขมรจึงลืมเลือน (ชมคลิป)
ภาระผู้ลี้ภัยจากเพื่อนบ้าน น้ำใจไทยใยเขมรจึงลืมเลือน (ชมคลิป)
เปิดประวัติตู้แช่เวียดนาม การต่อสู้ที่อาจมาถึงจุดจบ (ชมคลิป)
เปิดประวัติตู้แช่เวียดนาม การต่อสู้ที่อาจมาถึงจุดจบ (ชมคลิป)
พายุไต้ฝุ่น “คาจากิ” จ่อถล่มไหหลำ-ฮานอย เตือน! ไทยเจอฝนหนัก 24-27 ส.ค.
เตือน พายุไต้ฝุ่น “คาจากิ” (ปลาญี่ปุ่น) ถล่ม ไหหลำ ต่อ ด้วยฮานอย ส่วนไทย จะโดนอิทธิพลและคาดว่าฝนจะตกหนัก 24-27 ไล่ตั้งแต่ภาคกลาง อีสาน และเหนือ…
ฉากทัศน์การเมือง29ส.ค. ผลกระทบเศรษฐกิจไทย
ฉากทัศน์การเมือง29ส.ค. ผลกระทบเศรษฐกิจไทย
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(22ส.ค.68) แกว่งในกรอบระยะสั้น
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(22ส.ค.68) แกว่งในกรอบระยะสั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
