วันอังคาร, กันยายน 23, 2568

ARDA หนุนวิจัยอาหารยุคอนาคต แปรรูปหัวปลีเป็นเนื้อเทียม จับกลุ่มคนรักสุขภาพ

by Trust News, 9 กุมภาพันธ์ 2568

ARDA สนับสนุนนักวิจัย มรภ.เชียงราย พัฒนานวัตกรรม Plant-Based Meat “เนื้อเทียมจากหัวปลี” แปรรูปอาหารจากพืชตีตลาดคนรักสุขภาพ โชว์ทีเด็ดจากหัวปลี 10 บาท / กก. แปรรูปเพิ่มมูลค่าราคาพุ่ง 1,000 บาท / กก. ชู รสชาติและสัมผัสเวลาเคี้ยวสัมผัสใกล้เคียงเนื้อสัตว์

จากเทรนด์อาหารของโลกในปี 2568 พฤติกรรมของผู้บริโภคโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ได้ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญกับอาหารคุณภาพเพื่อสุขภาพบนวิถีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้อาหารจากพืช (Plant-Based Food) และผลิตภัณฑ์เนื้อเทียมจากพืช (Plant-Based Meat) มีแนวโน้มเติบโตขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยบริษัทวิจัยตลาด Markets and Markets Analysis คาดการณ์ว่าในปี 2568 มูลค่าของ Plant-Based Meat ในตลาดโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 8.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

นายวิชาญ อิงศรีสว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (ARDA) กล่าวว่า ตลาด Plant-Based Meat แม้จะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเนื่องจากผู้บริโภคเลือกบริโภคเนื้อสัตว์น้อยลง แต่ในช่วงปี 2566 ความนิยมกลับลดลงอย่างมาก เนื่องจากเนื้อเทียมจากพืชมีราคาสูงขึ้นพอๆ กับเนื้อสัตว์ แต่รสชาติและเนื้อสัมผัสยังไม่ดึงดูดใจผู้บริโภค สาเหตุหลักเกิดจากเนื้อเทียมจากพืชส่วนใหญ่ใช้ถั่วเหลืองเป็นวัตถุดิบหลัก ทำให้อาจมีกลิ่นถั่วหรือกลิ่นเหม็นเขียว (beany flavor) ซึ่งมีกลุ่มผู้บริโภคจำนวนมากไม่นิยมกลิ่นนี้ในอาหาร รวมถึงผู้บริโภคบางกลุ่มแพ้ถั่วเหลือง ตลอดจนปัญหาสารอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการกับความต้องการของร่างกาย อย่างไรก็ตามหากพิจารณาการส่งออกอาหารจากพืชของไทยย้อนหลัง 3 ปี กลับพบว่ามีมูลค่าการส่งออกเติบโตต่อเนื่อง ดังนั้น จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพส่งออกไปแข่งขันในตลาดต่างประเทศ

ผู้อำนวยการ ARDA กล่าวต่อว่า ‘โครงการวิจัยการเพิ่มมูลค่าปลีกล้วยน้ำว้าด้วยการแปรรูปเป็นเนื้อเทียมอรรถประโยชน์สูงที่มีการดัดแปรเชิงหน้าที่โปรตีนด้วยเอนไซม์จากสับปะรด’ เกิดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ ARDA เพื่อวิจัยและพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์เนื้อเทียมจากหัวปลีกล้วยน้ำว้า และแกนสับปะรดภูแลเหลือทิ้งจากกระบวนการแปรรูปสับปะรด เป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตเกษตรกรรมท้องถิ่นจากเดิมหัวปลีสด ซึ่งราคาขายอยู่เพียงกิโลกรัมละ 5-10 บาท

นายวิชาญ กล่าวอีกว่า เมื่อนำมาแปรรูป เพิ่มมูลค่าเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อเทียมสามารถจำหน่ายได้ราคาสูงถึงกิโลกลัมละ 1,000 บาท ซึ่งยังถูกกว่าเนื้อเทียมในตลาด นอกจากนี้ ตัวผลิตภัณฑ์เนื้อเทียมจากหัวปลียังมีจุดเด่นอยู่ตรงรสชาติและสัมผัสที่ใกล้เคียงเนื้อสัตว์ มีสารอาหารเพิ่มขึ้น อีกทั้งกระบวนการผลิตยังช่วยลดการเหลือทิ้ง (Waste Zero) ไม่ใช้สารเคมี ไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเนื่องจากใช้พืชที่ปลูกตามธรรมชาติ ซึ่งสามารถตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ด้วยนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต (Future Food) ได้อย่างแท้จริง

ด้าน ผศ.ดร.สมฤทัย ตันมา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย หัวหน้าโครงการวิจัยฯ กล่าวว่า จุดเด่นของโครงการอยู่ที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้หัวปลีเป็นวัตถุดิบหลัก เนื่องจากมีลักษณะเป็นเส้นใยคล้ายเนื้อสัตว์ และมีสารอาหาร และธาตุอาหารที่สำคัญ เช่น แคลเซียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี เหล็ก ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีแคลอรี่และไขมันต่ำ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน และโรคหัวใจ สำหรับกระบวนการผลิตเนื้อเทียมจากหัวปลีนั้น ทางคณะนักวิจัยจะใช้เอนไซม์ธรรมชาติที่คั้นได้จากแกนสัปปะรดภูแลแทนผงโบรมิเลนที่มีผลให้อาหารติดขม และใช้เห็ดยามาบูชิตาเกะ หรือ เห็ดปุยฝ้าย หรือ เห็ดหัวลิง จากโครงการหลวงดอยคำมาเป็นวัตถุดิบรองในการผลิตเนื้อเทียมจากหัวปลี โดยมีสูตรเฉพาะที่ทำให้ผลิตภัณฑ์เนื้อเทียมที่ได้ไม่กระด้างมีความนุ่มฉ่ำ

หัวหน้าโครงการวิจัยฯ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันโครงการวิจัยครั้งนี้มีผู้ประกอบการร่วมวิจัยด้วยและได้ต่อยอดผลิตเนื้อเทียมจากหัวปลีเชิงพาณิชย์ออกวางจำหน่ายในพื้นที่จังหวัดเชียงรายแล้ว ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค จะเห็นได้จากการนำเนื้อเทียมจากปลีกล้วยไปใช้เป็นวัตถุดิบทดแทนเนื้อสัตว์ในเมนูอาหารต่างๆ เช่น น้ำเงี้ยว เบอร์เกอร์ ผัดกะเพรา ฯลฯ ซึ่งในอนาคตทางทีมผู้วิจัยคาดหวังว่าจะมีผู้ประกอบการนำผลวิจัยไปใช้ต่อยอดธุรกิจเพิ่มมากขึ้น ทั้งในธุรกิจอาหารและบริการ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง สอดรับกับนโยบายของ ARDA ที่ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้านการเกษตรไทยด้วยการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมได้ต่อไป

สำหรับเกษตรกรหรือผู้ประกอบการที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) เบอร์โทรศัพท์ 02 579 7435.


You might be intertested in this news.

Mostview

เจาะเบื้องลึก สนามบินเตโช ความภาคภูมิใจของกัมพูชา

เจาะเบื้องลึก สนามบินเตโช ความภาคภูมิใจของกัมพูชา (PART1)

อีนางคำดวง อาชีพ “นายฮ้อย” กับเรื่องจริงการค้าควาย สมัย ร.5

จากละคร สู่เรื่องจริง อาชีพ "นายฮ้อย" และการค้าขายควาย ในสมัย ร.5 สาเหตุที่เฟื่องฟู กับปัญหาการขโมยและปล้นควาย...

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(23ก.ย.68) หาจังหวะขายทํากำไร

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(23ก.ย.68) หาจังหวะขายทํากำไร

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(22ก.ย.68) หาจังหวะขายทํากําไร

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(22ก.ย.68) หาจังหวะขายทํากําไร

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(17ก.ย.68) เก็งกําไรในกรอบ

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(17ก.ย.68) เก็งกําไรในกรอบ

TrustNEws Line