“พระปรุหนัง” ของขลังมหาอุตม์ของ “เสือฝ้าย” และจุดจบที่แสนอดสู
by Trust News, 7 พฤศจิกายน 2568
วา โธ โน อะ มะ มะ วาวา
ใครที่ดูเรื่อง “เสือ” มาแล้ว คงติดหูกับ “คาถา” นี้ ของ พี่เวียร์ หรือ “เสือฝ้าย”
โจรตัวพ่อที่สร้างโดย “โขม ก้องเกียรติ” ที่เคยฝากฝีมือกับหนัง “ขุนพันธ์”
ซึ่งหนังเรื่อง “เสือ” จากจักรวาล “ขุนพันธ์” นี้ มาจาก “เรื่องจริง” บุคคล ที่มีตัวตนจริง ฉะนั้น มนตร์ขลัง หรือ “ของขลัง” ที่ติดตัวในเรื่องนี้ ก็มาจาก “เรื่องจริง” ที่ถูกเล่าต่อๆ กันมา
สำหรับ “ของขลัง” ที่ติดตัวเสือฝ้าย หรือจอมพลฝ้าย ตัวจริงๆ ในประวัติศาสตร์ จากข้อมูลในหนังสือ “ถอดรหัสลับขุนพันธรักษ์ราชเดช” ที่บันทึกไว้ คือ “พระเครื่องปรุหนัง”
ซึ่งนอกจากจะเป็นพระที่ห้อยอยู่บนคอ “เสือฝ้าย” แล้ว ยังเป็นพระที่ “ขุนพันธ์” ห้อยไว้บนคอด้วย เช่นกัน
การเลือกพระมาคล้องคอนั้น ขุนพันธ์ เคยให้ความเห็นว่า “เราต้องดู “พระ” ที่ปลุกเสกว่า มีความเก่งกล้าในเรื่องไสยศาสตร์หรือไม่”
ซึ่งจากคำพูดนี้ แสดงให้เห็นว่า ตัวขุนพันธรักษ์ราชเดช ไม่แยกเครื่องรางของขลัง กับพระพุทธศาสนา ออกจากกัน ในมุมไสยศาสตร์ ก็คือ มนตร์ขลัง ในการป้องกันตัว แต่ในมุมพุทธศาสนา ก็คือ เครื่องยึดเหนียวจิตใจ
“พระปรุหนัง”
ขุนพันธ์ แขวนพระปรุหนัง ติดตัวเป็นองค์พระประธาน ของพระเครื่องอีกหลายองค์ในสร้อยเส้นเดียวกัน แม้ว่าจะเกษียณอายุราชการไปแล้ว แต่ขุนพันธ์ก็ยังแขวนพระปรุหนังไว้เสมอ
ในขณะที่ “เสือฝ้าย” แขวน “พระปรุหนัง” จนนาทีสุดท้าย โดย “ตำรวจ” ได้นำ “พระเครื่องปรุหนัง” ออกจากคอเสือฝ้าย ก่อนลงมือสังหาร
“พระเครื่องปรุหนัง” เป็นพระเครื่องสมัยอยุธยาตอนต้น สร้างขึ้นท่ามกลางของกลิ่้นอายแห่งสงคราม มีพุทธศิลป์งดงาม มีสร้างทั้งชนิด เนื้อชินเงิน และเนื้อชินปนตะกั่ว รวมทั้งเนื้อดินเผาด้วย พบครั้งแรกที่กรุวัดพุทไธศวรรย์ เมื่อปี 2450 และค้นพบที่วัดอื่นๆ อีกหลายวัดในพระนครศรีอยุธยา มีชื่อเสียงด้าน แคล้วคลาด คงกระพัน และ “มหาอุตม์” มาช้านาน
ประวัติของ “เสือฝ้าย”
จุดเริ่มต้น “เสือเมืองสุพรรณ” รวมถึง “เสือฝ้ายนั้น เกิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเสียงเลื่องลือ นั้น มาจากการออกปล้นสะดม รวมไปถึง “วิชาอาคม” และ การสร้างบารมี
เสือฝ้าย คือ ประมุข แห่งเสือเมืองสุพรรณ ชื่อเดิมเสือฝ้าย คือ นายฝ้าย เพชรนะ
ก่อนจะเป็น “เสือ” เขาเคยมีตำแหน่ง เป็นผู้นำชุมชน เป็นผู้ใหญ่บ้านท่าใหญ่ อำเภอเดิมบางนางบวช แต่เขากลับถูก “นายเบี้ย” หลานเขยไปรายงานกับทางการว่าเขาเป็นคนปล้นทรัพย์ กระทั่งถูกสั่งจำคุก 4 ปี
ตอนนั้นนายเบี้ยก็ขึ้นเป็นผู้ใหญ่บ้านแทน เมื่อเขาพันโทษออกมา นายเบี้ย ก็ใส่ความเขาอีก จน นายฝ้าย ไม่มีทางเลือก และกลายเป็นเสือ จริงๆ
เสือฝ้าย ยอมเป็นโจร ด้วยความ “จำใจ” กระทั่ง บารมีเขายิ่งใหญ่ขึ้น รวบรวมสมัครพรรคพวกไว้มากมาย
ขุนพันธ์ เคยเล่าว่า “ฝ้ายเสือ” เป็นเสือที่มีกฎเกณฑ์ โหดร้ายทารุณมาก เป็นผู้นำของ “เสือสุพรรณ”
ความยิ่งใหญ่ของเสือฝ้าย คนที่อยู่ในยุคนั้นจดจำได้ว่า เขาคือ “เจ้าพ่อ” แห่งปากแม่น้ำเมืองสุพรรณ มีบริวารมาก มีกฎเกณฑ์ ควบคุมบริวารอย่างเข้มงวด คำพูดของเสือฝ้ายถือเป็นกฎที่ทุกคนต้องทำตาม ใครฝ่าฝืนตาย ยิ่งมีการปล้นมาก ก็ยิ่งร่ำรวยมาก บริวารเสือก็มาสมทบด้วยมากขึ้น
ซึ่งเสือที่มาสมทบกับเสือฝ้าย ในเวลาต่อมา ก็คือ “เสือใบ” และ “เสือมเหศวร”
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา ทางกรมตำรวจเวลานั้น ก็กดดันหนัก ส่งชุดปราบปรามพิเศษ มาล้างบางเสือ นำโดย “ขุนพันธ์” ซึ่งตอนนั้น ถูกแต่งตั้งให้เป็นรองผู้อำนวยการในการปราบปราม
แรงกดดันมากมาย ทำให้ “เสือฝ้าย” ยอม เข้าเจรจากับอธิบดีกรมตำรวจ
โดยก่อนที่จะมีการเจรจา กับ อธิบดีกรมตำรวจ “ขุนพันธ์” นั้น ขุนพันธ์ได้เข้าพูดคุยกับ ก๊กถ้ำเสือวัดนก ซึ่ง เป็นหนึ่งในเสือที่อยู่ภายใต้สังกัดของเสือฝ้ายก่อน ซึ่งตอนนั้น ก็ถูกล้อมกรอบ โดยเหล่าเสือมากกว่า 45 คน
ขุนพันธ์ เสนอให้มีตัวแทนพูดคุย 3 คน และให้ไปคุยกันในโบสถ์วัดนก
ฝ่ายขุนพันธ์ มี ผู้กองเลื่อน กับ นายอำเภอดอม และฝ่ายเสือครึ้ม มี เสือแฮม และ เสือเกลี่ย
“วันนี้เราพบกันขอสันตินะ”
ขุนพันธ์พูดขึ้นก่อน
จากนั้น ขุนพันธ์ ได้เสนอข้อตกลง 3 ข้อ
ข้อแรก “ขออย่ารังแกชาวบ้าน และเป็นหูเป็นตาในการคุ้มครองชาวบ้าน
“ข้อนี้ตรงกับใจ และเราปฏิบัติอยู่แล้ว” เสือครึ้มตอบ
ข้อสอง ช่วยกันปราบเสืออื่นๆ ได้ไหม...
ขุนพันธ์ใช้คำถามนี้ ไล่รายชื่อก๊กเสือ ทำให้รู้ว่า ฝ่ายไหน เป็นมิตรกับเสือฝ้าย
ข้อที่สาม ขุนพันธ์ เสนอให้ฝ่ายเสือครึ้ม โจมตี เสือก๊กอื่นๆ แล้วส่งข่าวให้ตำรวจ ตำรวจ จะตามไปเก็บงาน...
ซึ่งข้อเสนอทั้งหมด ฝ่ายเสือครึ้ม ก็รับข้อตกลง
อย่างไรก็ตาม หลัง “ขุนพันธ์” เจรจาสำเร็จ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงในกรมตำรวจ ทำให้ข้อเสนอต่างๆ นั้น ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
แต่ความกดดันของการปราบปรามเสือ “สุพรรณ” ยังคงอยู่
กระทั่งในเวลาต่อมา “เสือฝ้าย” ก็ปรากฎตัว โดยมีการขอเข้ามอบตัวกับ “อธิบดีกรมตำรวจ” ซึ่งในเวลานั้น ก็คือ “พระรามอินทรา” หรือ พล.ต.ท.ดวง จุลัยยานนท์ โดยมีการนัดแนะว่าจะเข้ามอบตัวในอีก 15 วัน
จากข้อมูลในหนังสือ “ขุนพันธ์ มือปราบสิบทิศ” ระบุว่า วันที่มีการมอบตัวนั้น เกิดขึ้น ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2489
หลังจากนี้ ขุนพันธ์ ก็เจอปัญหาการเมืองภายในกรมตำรวจ มีการโยกย้าย และถูกบีบและถอยห่างจาก การปราบปรามเสือสุพรรณ โดยมี “หลวงนรินทรสรศักดิ์” เข้ามาแทน
จุดจบชีวิตของ “เสือฝ้าย”
สำหรับการตายของ “เสือฝ้าย” ทางกรมตำรวจในเวลานั้น “ให้ข่าว” ว่า เมื่อ เสือฝ้ายมอบตัวกับทางการที่สุพรรณบุรี ตำรวจก็คุมตัวเสือฝ้ายลงเรือเพื่อนำเข้า กรุงเทพฯ แต่ขณะที่เรือแล่นอยู่ในแม่น้ำปรากฏว่า เสือฝ้ายกระโดดน้ำหนีในที่สุด ตำรวจก็วิสามัญฆาตกรรมด้วยการยิงเสือฝ่ายตายในแม่น้ำ
แต่ข้อมูลอีกด้านหนึ่ง ที่มาจากปากของขุนพันธรักษ์ราชเดชคือ เสือฝ้ายตายด้วยฝีมือของตำรวจที่ชื่อว่า ร.ต.อ.ยอดยิ่ง สุวรรณกร
ขุนพันธ์เล่าว่า ร.ต.อ.ยอดยิ่ง สุวรรณกร ซึ่งเคยถูกคำสั่งย้ายออกจากกองอำนวยการปราบปรามเสือร้ายภาคกลางไปอยู่ที่กรมตำรวจ เกิดอะไรก็ไม่ทราบจะ ด้วยความแค้นส่วนตัวหรืออย่างไรไม่ทราบ เขาไม่มีอำนาจอยู่ในกองปราบพิเศษแล้ว
แต่ว่า ร.ต.อ.ยอดยิ่ง ได้ย้อนกลับมาเรียกตัว “เสือฝ้าย” ลงเรือหางยาว แอบอ้างคำสั่งของกรมตำรวจแล้วให้เรือลำนั้นมุ่งหน้าไปยังวัดโพธิ์ทองจังหวัดอ่างทอง
เมื่อเรือไปถึงหน้าวัดโพธิ์ทอง ร.ต.อ.ยอดยิ่ง จึงสั่งให้ลูกน้องมัดมือเสือฝ้าย แล้วจัดการถอดพระเครื่องที่คอ ซึ่งเป็น “พระปรุหนัง” ออกจากคอของเสือฝ้าย เพราะรู้ว่าเสือฝ้ายมีพระปรุหนังยิงไม่เข้า จากนั้นจึงให้นำตัวเสือฝ่ายขึ้นไปที่หลังวัดโพธิ์ทอง ใช้ไม้ตีเสือฝ้ายแล้วใช้เหล็กสูตรเสียบทวารจนขาดใจตายที่นั่น นี่คือ จุดจบที่แท้จริงของเสือฝ่ายผู้ยิ่งใหญ่แห่งเสือร้ายสุพรรณบุรี
เหตุผลที่กรมตำรวจแถลงว่า เสือฝ้ายกระโดดน้ำหนีแล้วถูกยิงตายจึงน่า จะเป็นทางออกที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำมาให้นักข่าวเพื่อ อาจปกปิดข้อเท็จจริงที่ไม่เหมาะสม เพราะขุนพันธ์ยืนยันว่า ท่านรู้รายละเอียดของเรื่องนี้ดี ทาง กรมตำรวจรู้เฉพาะที่มีอยู่ในรายงานของผู้ปฏิบัติการเท่านั้น
เมื่อเสือฝ้ายเข้ามอบตัวและพบจุดจบลงไปแล้ว เสือมเหศวรก็คิดมอบตัวเช่นเดียวกัน เสื่อมเหศวรถูกส่งตัวขึ้นศาล ศาลตัดสินจำคุกนาน 15 ปี และได้รับอภัยโทษในภายหลังเหลือ 3 ปี
ส่วนเสือใบนั้นยังไม่ยอมมอบตัวแต่ถูก จับได้ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เขาถูกศาลตัดสินประหารชีวิตแต่ได้รับอภัยโทษเหลือ จำคุกตลอดชีวิต และภายหลังได้รับการลดโทษเหลือจำคุกเพียง 15 ปี
ทั้งหมดนี้ เป็นข้อมูลเกี่ยวกับ “เสือฝ้าย” หรือ จอมพลฝ้าย ผู้ยิ่งใหญ่ แต่กลับต้องมาตายอย่างอนาถ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องเล่าผ่านมุมมองของ “ขุนพันธ์” ส่วนเรื่องจริงของเสือฝ้าย จะเป็นอย่างไร จะตายอย่างไรนั้น ก็มีเรื่องเล่าในอีกหลายแบบ
รายงานโดย สำนักข่าวทรัสต์นิวส์
อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ
ความแค้นของแม่ ใช้ศาลเตี้ยล้างอยุติธรรม (2541)
5 ปมสั่งตาย “แคล้ว ธนิกุล” เจ้าพ่อนครบาลกับพระสมเด็จวัดระฆัง ที่หายไป?
เคล็ดลับความสำเร็จกัปตันซึบาสะ ความคิดของคนเลือกอยู่หัวแถว (ชมคลิป)
You might be intertested in this news.
Mostview
ทำไมทีมไหนๆจึงเลือกใช้ บอล Direct โจมตี ลิเวอร์พูล (ชมคลิป)
ทำไมทีมไหนๆจึงเลือกใช้ บอล Direct โจมตี ลิเวอร์พูล (ชมคลิป)
เล่นเร็ว เน้นบอลยาวและฟรีคิก แท็กติกที่ทำให้แมนยูฯเริ่มดีขึ้น (ชมคลิป)
เล่นเร็ว เน้นบอลยาวและฟรีคิก แท็กติกที่ทำให้แมนยูฯเริ่มดีขึ้น (ชมคลิป)
แนวโน้มราคาทองวันนี้ (7พ.ย.68) Sideway ดีดตัวขึ้นกรอบบน
แนวโน้มราคาทองวันนี้ (7พ.ย.68) Sideway ดีดตัวขึ้นกรอบบน
แนวโน้มราคาทองวันนี้ (5พ.ย.68) ยังคงเป็น Sideway
แนวโน้มราคาทองวันนี้ (5พ.ย.68) ยังคงเป็น Sideway
แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (6พ.ย.68) Sideway เล่นรอบในกรอบ
แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (6พ.ย.68) Sideway เล่นรอบในกรอบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง